สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ผมเองพยายามจะมาพบท่านผ่านตัวหนังสือใน Blog ของผมอย่างน้อยเดือนนึงประมาณ 2 ครั้ง แต่พอจะลงมือเขียนจริง ๆ กลายเป็นว่าทำได้แค่เดือนละครั้ง ด้วยหลาย ๆ ครั้งที่ภาระหน้าที่ตรงหน้ามันเยอะเหลือเกินครับ ยังไงก็ขออภัยท่านผู้อ่านด้วยนะครับ เรื่องที่อยากจะชวนท่านผู้อ่านคุยในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับโฆษณาสินค้าที่ต้องใช้ทำว่า Relaunch เนื่องจากว่าเคยออกไปแล้วครั้งนึง ถ้าใครที่ติดตาม Blog ของผมจะพบว่าผมเคยเขียนถึงโฆษณาของสินค้าตัวนี้ไปแล้วครั้งนึง โฆษณาที่ผมอยากจะชวนท่านผู้อ่านคุยในวันนี้ก็คือ โฆษณาวาสลีน ฟอร์เมน ชุด เบื้องหลัง โฆษณาชิ้นนี้ได้พระเอกที่ดังสุด ๆ อย่าง เคน ธีรเดช มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ซึ่งเนื้อหาของโฆษณาชิ้นนี้เริ่มด้วยฉากที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับภาพหน้าของเคนว่ามีรอยหรือจุดด่างดำ และ คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เคนเลยบอกกับเคนว่าได้ซื้อ วาสลีนฟอร์เมน มาให้เคน หลังจากนั้นก็เป็นการบอกถึงคุณสมบติของสินค้าไม่ว่าจะเป็นจุดด่างดำจางลงในสองสัปดาห์ หลังจากบอกถึงคุณสมบัติของสินค้าแล้ว เคนก็รู้สึกสงสัยว่าจะใช้ได้ผลกับผู้กำกับที่ชื่อ กริช หรือเปล่า และโฆษณาชิ้นนี้ก็จบลงด้วยประโยคของ คุณกริชที่บอกว่า หน้าผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แม้ว่าวาสลีน ฟอร์เมนจะเคยออกสู่ตลาดแล้วครั้งนึง แต่ก็ต้องยอมรับว่าครั้งนั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก ครั้งนั้นผมเคยนำมาคุยใน Blog ด้วยเช่นกันเนื่องจากว่า มีการส่ง Key Message หลัก ๆ คือเรื่องของความไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งถือว่าไม่ใช่ Core Benefit ที่จะสามารถถึงดูดผู้ใช้สินค้าประเภทนี้ได้ สำหรับหนังโฆษณาชุดนี้ Key Message ที่ออกมาน่าจะเป็นเรื่องของการชูประเด็นของ Benefit ที่ต่างจากคราวที่แล้วครับ ครั้งนี้จะพูดถึงเรื่องของจุดด่างดำลดลง หรือเรื่องของความมันบนใบหน้า ในเรื่องของ Communication ของหนังโฆษณาเรื่องนี้ต้องบอกว่าไม่ค่อยชัดเจนมากนัก เนื่องจากว่าโทนของหนังใช้เวลาการสื่อสารเรื่อง Core Benefit ประมาณ 50% หรือ 15 วินาที แต่หลังจากนั้นกลายเป็นว่าเรื่องไป Focus ที่คุณกริช แทนและใช้เวลาที่เหลือกับเรื่องคุณกริช ที่ไม่ได้เกี่ยวกับ Core Benefit ของสินค้าเลย ในเรื่องของการออกสินค้าใหม่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้ผู้ชมรู้ให้ได้ว่า จะใช้สินค้านี้เมื่อไหร่ หรือ ทำไมต้องใช้สินค้าชิ้นนี้ ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่าก่อนหน้านี้ที่วาสลีนฟอร์เมนไม่สามารถสื่อสารจุดนี้ให้ผู้ชมรับรู้ได้ รู้แต่เพียงว่าใช้แล้วมันไม่เหนียวเหนอะหนะ จึงเป็นเหตุที่ไม่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ในที่สุด ครั้งนี้ก็เช่นกันการหันมาเน้นที่ Benefit หลักของสินค้าถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่การทำให้โทนของโฆษณาไม่สามารถสนับสนุน Key Message ของตัวเองได้ทำให้น้ำหนักของ Communication ในโฆษณาชิ้นนี้ด้อยลงอย่างเห็นได้ชัดครับ เรื่องของ Key Scene ก็เป็นประเด็นเช่นกันครับ เพราะโทนหนังไปให้ความสำคัญกับคุณกริช เลยกลายเป็นว่าคำพูดสุดท้ายของคุณกริชที่บอกว่า "หน้าผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" ฟังดูเด่นกว่า คุณเคน อีก ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องดีสำหรับโทนของหนังโฆษณาเลยครับ มาถึงภาคต่อของโฆษณาชิ้นนี้ ผมคิดว่ามาแปลกเหมือนกัน เพราะดูเหมือนกับว่าให้คุณกริช กลายเป็นตัวเอกของเรื่อง และพยายามจะสื่อสารกับคนดูว่า ให้มาลองวาสลีน ฟอร์เมน ใหม่กัน ถ้าจะประเมินดูจะเห็นว่าผู้ที่ใช้นิเวียที่เป็นคู่แข่งอยู่คงจะไม่ได้โดนใจกับการสื่อสารแบบนี้มากนัก เพราะยังไม่เห็น Benefit อะไรที่จะเด่นไปกว่านิเวียที่ใช้อยู่ซักเท่าไหร่ สำหรับ Non-User ถ้าจะรู้สึกอะไรก็คงจะไม่เลือกวาสลีนแต่อาจจะทำให้อยากลองใช้นิเวียมากกว่าเนื่องจากภาพของวาสลีน ฟอร์เมนนั้นไม่ได้ชัดเจนในมุมผู้บริโภคมากนัก ผมเองไม่ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกันสินค้าชิ้นนี้ แต่ขออนุญาตแชร์ในมุมมองบางมุมนะครับ ผมเองโดยส่วนตัวคิดว่าโจทย์ของวาสลีนที่ทำอยู่นั้นมันผิด สิ่งที่ผมคิดว่าผิดนั้นเป็นสิ่งที่ต่างจากคราวก่อนครับ ประเด็นเรื่องคราวก่อนเป็นเรื่องของการเลือก Core Benefit ที่ผิด แต่คราวนี้ผมคิดว่าโจทย์ที่ทางวาสลีนต้องแก้คือเรื่องของ Branding ครับ คำว่า Branding ในที่นี้ผมกำลังหมายถึงคำว่า วาสลีน ฟอร์เมน นั้นไม่สามารถทำให้ผู้ชมดูแล้วเชื่อได้ว่ามันเป็นสินค้าของผู้ชาย เนื่องจากความแข็งแกร่งของแบรนด์วาสลีนในสินค้าของผู้หญิงนั้นมันแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นโจทย์ของวาสลีน ฟอร์เมนครั้งนี้ ต้องแก้ที่เรื่องของ Branding ก่อนครับ ถ้ายังไม่แก้ไขเรื่องนี้เชื่อได้เลยว่าคงเป็นอะไรที่ยากมากที่จะสามารถเจาะตลาดของคนที่ใช้นิเวีย และถ้าเป็นตลาดของ Non-User ก็ยากเช่นกันครับ หลังจากที่ดูโฆษณาชิ้นนี้แล้ว อาจจะมี User บางคนที่ใช้ซึ่งน่าจะเป็นคนที่มี Demand ของสินค้าชนิดนี้อยู่แล้ว แต่อาจจะใช้ นิเวียแล้วเกิดอาการแพ้ เลยกำลังหาสินค้าประเภทนี้อยู่ ซึ่งนั้นไม่ได้หมายความว่าวาสลีนกำลังขายแบรนด์ของตัวเองได้ โดยส่วนตัว (อีกเช่นกัน) ผมเชื่อว่าการได้เคน ธีรเดช มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ นั้นถือว่าได้ขอดีมาอยู่ในมือ ดังนั้นโทนของหนังก็ควรจะให้คุณเคน เด่นกว่านี้ แต่นี่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งนานไป คุณกริชกลับเด่นกว่าซะแล้ว ผมเองดูโฆษณาชิ้นนี้ก็สงสัยเหมือนกันว่าใครเป็นพรีเซ็นเตอร์ตัวจริงกันแน่ระหว่างคุณเคน หรือคุณกริช ถ้าประเมินจากภาพรวมผมคิดว่าโฆษณาชิ้นนี้มีการแสดง Key Message ที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดมากพออยู่ดี นอกจากนั้นในเรื่องของ Branding ถือว่าสามารถสร้าง Mood & Tone ของตัวเองออกมาได้แล้ว แต่ถ้าจะให้บอกจุดด้อยก็ต้องบอกว่าโฆษณาชิ้นนี้มีจุดด้อยตรงเรื่องของการสื่อสาร ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของการ Launch สินค้าใหม่ หรือแม้แต่จะ Relaunch สินค้าเดิมก็ตามครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการชมโฆษณานะครับ
ที่มา:youtube.com |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |