สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมขออนุญาตชวนท่านผู้อ่านมาคุยกันเรื่องของสองพรีเซ็นเตอร์สุดฮอตของบ้านเราตอนนี้ซักหน่อย เพราะถ้าให้ท่านผู้อ่านลองนึกถึงดาราที่ดังสุด ๆ ยังไงก็ต้องมีชื่อสองคนนี้อย่างแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็น ณเดชน์ หรือ ญาญ่า โฆษณาที่ผมยกมาพูดคุยกับท่านผู้อ่านในวันนี้ก็คือโฆษณา Truemove H ผมยกตัวอย่าง Truemove H เนื่องจากว่าโฆษณานี้ถือว่ามีหลายอย่างที่น่าศึกษาครับ ผมขอเริ่มจากโฆษณาตัวแรกที่โพสก่อนนะครับ (ระหว่างที่อ่านขอให้ท่านผู้อ่านกดดูโฆษณาเรียงทีละอันนะครับ) โฆษณาชุดนี้ ชื่อชุดว่า “แรงแซงใคร” ผู้ที่เป็นตัวแทนการสื่อสารก็คือ ณเดชน์ นั่นเองครับ โฆษณาชุดนี้ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวโฆษณา Series นี้เลยก็ว่าได้ครับ ด้วย Key Message หลักในโฆษณานี้ก็คือการเน้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้เครือข่าย Truemove H โดย Key Benefit หลักที่ใช้ในโฆษณานี้ก็คือ เรื่องของความแรงของเครือข่าย 3G สิ่งที่ Truemove H ทำได้ดีมาก ๆ ก็คือ Mood & Tone ของโฆษณาที่ดูแล้วมีเอกลักษณ์ ถ้าใครที่ติดตาม Blog ของผมจะมีหลาย ๆ ครั้งที่ผมเคยยกตัวอย่างโฆษณาของ Truemove บางชุดที่ดูแล้วยังไม่สามารถหาเอกลักษณ์ได้ (ถ้าจำไม่ผิดประมาณปี 2552) อย่างไรก็ตามโฆษณาชุดนี้ดูเหมือนว่า Truemove H จะหาตัวเองได้แล้ว และโทนสีแดงส้ม เหลือง ดำ ขาว น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัว และนั่นก็คือที่มาของโฆษณาชุดต่อ ๆ มา ซึ่งภาพรวมยังคงรักษา Mood & Tone แบบเดิมไว้ได้ แม้ว่าการได้ณเดชน์มาจะถือว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์แม่เหล็ก แต่ต้องอย่าลืมว่าถ้านักการตลาดให้ความสำคัญกับพรีเซ็นเตอร์มากจนเกินไป สุดท้ายแล้วก็จะไม่สามารถหาตัวตนของแบรนด์ตัวเองได้ โฆษณาของ Truemove H ตัวนี้สะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งทางการตลาดใหม่ที่ต้องการให้ผู้บริโภคจดจำ Truemove H ในฐานะของแบรนด์ที่ให้ความแรงในตลาด 3G เมื่อได้ New Positioning แล้ว โฆษณาต่อไปของ Truemove H ที่ใช้น้องญาญ่า ก็เริ่มมีการขายของในโฆษณา ผมมักจะเรียกโฆษณาประเภทนี้ว่าเป็น Product Talk Ad ซึ่งในตัวโฆษณาก็ยังคง Mood & Tone ที่เป็นเอกลักษณ์รวมไปถึงเพลงที่สร้างความต่อเนื่องจากโฆษณาตัวก่อนได้เป็นอย่างดีซึ่งรูปแบบนี้แหละครับที่แสดงให้เห็นว่า Truemove H มาถูกทางแล้ว ถ้า Truemove H ยังคงรักษา Tone นี้เอาไว้ได้ ในที่สุดแบรนด์ Truemove H ก็จะสามารถสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์หรือ Brand Identity ได้ โฆษณาชุดนี้ขายของได้เนียนมากครับ แม้ว่าคำพูดจะเร็วไปซักนิดจนอาจจะฟังไม่ทัน แต่ด้วย Mood & Tone ของโฆษณาก็ทำให้ผู้บริโภคสามารถจนจำได้อย่างแน่นอนว่าเป็นโฆษณาของ Truemove H ความแตกต่างระหว่างโฆษณาทั้งสองตัวนั้นก็คือ โฆษณาชุดแรกที่ณเดชน์เป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น จะเน้นความแรงของสัญญาณเป็น Key Message หลัก โดยเน้นว่าให้เปลี่ยนมาใช้ Truemove H โฆษณาของน้องญาญ่า นั้นสร้างจุดเชื่อมต่อจากโฆษณาแรก โดยยังคงเน้นว่า ณเดชน์ชวนเปลี่ยนเครือข่ายมาเป็น Truemove H เพื่อให้สัญญาณ 3G แรง แต่ช่วงท้ายของโฆษณาชุดนี้มีการแทรกขายของไว้ตอนท้าย ถือได้ว่าโฆษณาชุดนี้ของน้องญาญ่ามมีการผสมระหว่าง Brand Talk และ Product Talk โฆษณาชุดต่อ ๆ มาถ้าท่านผู้อ่านลองกดดูจะพบว่าจะเป็นลักษณะของ Product Talk โดยทาง Truemove H ให้น้ำหนักของสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ผมชื่นชมพัฒนาการของแบนด์ Truemove H เพราะการสร้าง Mood & Tone ของตัวเองนั้นไม่ง่ายเลยครับ ต้องอาศัยการวาง Positioning หรือตำแหน่งการตลาดที่ดี การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และมีความสม่ำเสมอ ทุกวันนี้มีหลาย ๆ แบรนด์ที่มีการบริหารจัดการที่ดี แต่กลับไม่สามารถรักษาความสม่ำเสมอไว้ได้ ในที่สุดก็จะกลายเป็นแบรนด์ที่หาเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ได้ จากหนังโฆษณาที่ผมโพส ถ้าท่านผู้อ่านลองสังเกตดูจะพบว่า Truemove H ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักของสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ทำให้ Mood & Tone ของโฆษณาเสียไป นี่คือพัฒนาการของการสร้างแบรนด์ Truemove H ที่เยี่ยมมากครับ ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นแบรนด์อะไรก็ตามมีพัฒนาการของตัวเอง ย้อนกลับไป 2-3 ปี Truemove H ยังแทบจะไม่มีที่ยืนในใจของผู้บริโภคเลย แต่ปัจจุบันคงจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว การใช้พรีเซ็นเตอร์นเดชน์กับญาญ่า ไม่ใช่สูตรสำเร็จของการสร้างแบรนด์ ที่ผ่านมาน่าจะพอเห็นกันแล้วว่า ณเดชน์กับญาญ่าไม่สามารถทำให้ทุกแบรนด์เติบโตได้พร้อม ๆ กันทั้งหมด สิ่งที่นักการตลาดต้องตระหนักก็คือ การสร้างแบรนด์ผ่านตัวแทนสื่อสารเหล่านี้ต่างหาก เมื่อแบรนด์มีเอกลักษณ์ การโฆษณาในชุดต่อ ๆ ไปก็ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าจะเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ไปเป็นคนอื่นก็ยังคงรักษาความเป็นแบรนด์ตัวเองไว้ได้อยู่ดี คำตอบของประโยคข้างต้นของผมก็คือ โฆษณา Truemove H ที่ได้บอย ปกรณ์ และมาร์กี้มาเป็นตัวแทนการสื่อสาร ซึ่ง Truemove H ยังคงรักษาโทนหนังไว้ได้เป็นอย่างดี กล่าวโดยสรุปผมคิดว่า Truemove H กำลังมาถูกทางแล้วครับ Mood & Tone แบบนี้จะกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Truemove H ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารรูปแบบไหนก็ตาม สำหรับ New Positioning ของ Truemove H ที่เน้นความแรงชัดของ 3G ถ้าท่านผู้อ่านลองนึกดูจะพบว่าเป็นตำแหน่งการตลาดที่คุ้น ๆ เพราะในตลาด 2G นั้น แบรนด์ AIS เคยใช้มาก่อน ครั้งนั้น AIS พยายามวางตำแหน่งของตัวเองให้เป็นเครือข่ายที่แรงชัดทั่วไทย มาถึงตลาด 3G ทาง AIS คงต้องทำการบ้านเพิ่มแล้วล่ะครับ เพราะ Truemove H ก็เน้นเรื่องนี้เหมือนกัน สงครามในตลาด 3G นั้นพึ่งเริ่มครับ และผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นสงครามสร้างแบรนด์ที่สนุก เพราะแต่ละแบรนด์ต่างก็พยายามบอกกับผู้บริโภคว่าตัวเองเป็นแบรนด์ที่แรงที่สุด ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านแล้วแหละครับว่าท่านจะเชื่อแบรนด์ไหน เช่นเคย ท่านผู้อ่านสามารถพูดคุยเรื่องโฆษณากับผมผ่านทาง Twitter ได้นะครับ ที่ oam_oamm หรือจะส่ง e-mail มาคุยกันได้ครับ อาจจะตอบช้าหน่อยแต่ตอบกลับแน่นอนครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการชมโฆษณานะครับ
ที่มา: http://youtu.be/JeypOrKm6CI
ที่มา: http://youtu.be/fl_A8IoL3dE
ทีมา: http://youtu.be/ha4tp3iz_xc
ที่มา: http://youtu.be/K7tWf8W5yR8
ที่มา: http://youtu.be/HoTKEsgUL1U |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤษภาคม 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |