ที่มา: http://www.starupdate.com/wp-content/uploads/2013/08/IMG_0488-cr-head-200x300.jpg
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมมีตัวอย่างหนังโฆษณาดี ๆ ที่จะนำมาวิเคราะห์กันโดยประเด็นที่เราจะมาพูดคุยกันใน Entry นี้คือเรื่องของ ช๊อตเด็ด ๆ ในหนังโฆษณา และโฆษณาที่ผมอยากจะชวนท่านผู้อ่านมาพูดคุยก็คือ โฆษณาของ โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย โฆษณาโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ถือว่าเป็นโฆษณาที่น่าเอามาศึกษาเพราะได้พรีเซ็นเตอร์แม่เหล็กอย่าง เจมส์ จิรายุ ซึ่งน่าจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ฮอตที่สุดในช่วงนี้ โดยปกติแล้วถ้าท่านผู้อ่านลองสังเกตโฆษณาหลาย ๆ ชิ้น เราจะพบว่า ช่วงเวลา 30 วินาที -1 นาที ของโฆษณา เราไม่สามารถจำรายละเอียดได้ทั้งหมด บางโฆษณามาแล้วก็ผ่านไป แทบไม่ได้ Awareness อะไรจากผู้ชมเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นโจทย์ของนักการตลาดคือ ทำอย่างไรจะให้ผู้ชมโฆษณาจำ Key Message ของสินค้าหรือแบรนด์เราได้ จากโจทย์ดังกล่าวทำให้เกิดช่วงเวลาสำคัญในโฆษณาโดยผมมักจะใช้คำว่า Key Scene หรือ ช๊อตเด็ด นั่นเองครับ ช๊อตเด็ด นั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโฆษณาเพราะการมีช๊อตเด็ดจะส่งผลให้คนดูหันมาสนใจโฆษณาของเรา ณ จุด นั้น ๆ หรือ วินาทีนั้น และนั่นอาจจะเป็นฉากที่ทำให้โฆษณาของเราเกิด Awareness ก็เป็นได้ วิธีการสร้างช๊อตเด็ดนั้นมีหลายแบบหลาย ๆ ครั้งเป็นแบบที่ตั้งใจทำให้เกิดช๊อตเด็ด เช่น เนื้อเรื่องของหนังโฆษณาเป็นต้น หรือบางครั้งอาจจะใช้จังหวะ เพลง เป็นตัวกำหนด ผมร่ายมาซะยาวเลย เราไปดูตัวอย่างกันนะครับ โฆษณาตัวแรกที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองศึกษาดูก็คือโฆษณา เดนทีน ที่ได้ นักแสดงโฆษณาตัวแม่ อย่างน้องแพนเค้ก เรามาลองดูโฆษณาชุดนี้กันก่อนนะครับ โฆษณาเดนทีน
ที่มา: http://youtu.be/fPLXuT27T34 หลังจากดูโฆษณาชุดนี้จบ เราจะพบได้ทันทีเลยว่า โฆษณาชุดนี้ตั้งใจให้ “ฉากกุยช่าย” เป็นฉากเด็ดของโฆษณาชุดนี้ เราสังเกตได้จากจังหวะการหยุดของโฆษณา ลักษณะของหนังที่เน้นไปที่ฉากนี้ ฉากข้าวโพด กับ ฉากแก้วกาแฟ จะเป็นการฉายในจังหวะปกติ แต่ฉากกุยช่ายกลับมีการเน้นที่มากกว่า โดยช๊อตแรก มีเด็กตะโกนว่า “อยากกินกุยช่าย” ฉากปิดยังเน้นมาที่กุยช่ายอีกเพราะว่าน้องแพนเค้กลืมแกะเปลือกเดนทีน ดังนั้นเราจะพบว่าจังหวะทั้งหมดจงใจมาหยุดตรงฉากกุยช่ายพอดีทั้งสองรอบ ซึ่งเป็นการจงใจให้ผู้ชมจดจำ “ฉากนี้” ให้ได้ แม้ว่าผู้ชมอาจจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่มีโอกาสสูงที่จะจำฉาก “กุยช่าย” ซึ่งเป็นอาหารโทนสีเดียวกับเดนทีน ได้ อีกตัวอย่างนึงคือโฆษณาของ สสส. ครับ ชุดนี้ชื่อว่า โทรศัพท์จากพ่อ
ที่มา: http://youtu.be/p_kgU-Cf5Kk ท่านผู้อ่านลองสังเกตดูโฆษณาชุดนี้จะทำจังหวะโต้ตอบระหว่างลูกและแม่เท่ากันตลอด แต่กลับมาช้าลงตอนที่ลูกพูดคำว่า “พ่อเลิกงานดึกครับ” นี่คือการสร๊างช๊อตเด็ดในหนังโฆษณา ทำให้เราจำฉากนั้นได้ ความเหนือชั้นของโฆษณาชุดนี้ก็คือ ประโยคดังกล่าวสามารถสื่อสารต่อไปถึงความรู้สึกระหว่างลูก แม่ และตัวของพ่อ เอง ต้องขอยกนิ้วให้กับโฆษณาชุดนี้เลยครับ อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจะเริ่มสงสัยแล้วว่าเมื่อไหร่ผมจะพูดถึงโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ซักที ใจเย็น ๆ นะครับ ที่ต้องเขียนถึงโฆษณาสองตัวแรกก่อนเพราะต้องการให้มองโฆษณาในแง่ของการทำ Key Scene ซะก่อน คราวนี้มาถึงโฆษณา โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ที่ได้พรีเซ็นเตอร์อย่างเจมส์ จิรายุ มาเป็นตัวแทนการสื่อสารกันซักทีนะครับ เราลองมาดูโฆษณากันก่อนะครับ โฆษณาโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย
ที่มา: http://youtu.be/r_YKXIoD9pM หลังจากโฆษณาจบผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะรู้สึกได้ว่า ไม่มีฉากไหนเลยที่มีน้ำหนักมากจนโดนเด่น ท่านผูอ่านอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าโฆษณาชุดนี้ไม่มี Key Scene ใช่หรือไม่ คำตอบก็น่าจะเป็นแบบที่ท่านผู้อ่านรู้สึกนั่นแหละครับ โฆษณาชุดนี้เป็นการเล่าเรื่องของโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย น้ำหนักของโฆษณานั้นแทบจะใกล้เคียงกันทั้งหมด หาจุดสนใจที่โดดเด่นไม่ได้เลย โจทย์ของผมในวันนี้ที่อยากจะมาชวนท่านผู้อ่านคิดกันก็คือ ทำไม โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ถึงไม่สร้าง Key Scene ในโฆษณชุดนี้เลย แล้วแบบนี้คนดูจะจำได้อย่างไร ก่อนจะตอบคำถามนี้ ผมขออธิบายก่อนว่า ทุกครั้งก่อนปล่อยโฆษณาแต่ละชิ้น เราต้องตั้งวัตถุประสงค์หลักก่อนว่าเราต้องการอะไรจากโฆษณาชุดนี้ โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ใหม่ การโฆษณาครั้งนี้จะเน้นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเป็นหลัก หรือ Informative Ad แน่นอนครับเมื่อมีข้อมูลมากมายอยากจะนำเสนอก็ย่อมต้องการเวลามากกว่าปกติ โฆษณาชุดนี้ใช้เวลาประมาณ 45 วินาทีด้วยกัน ถือว่าไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว การใส่ข้อมูลของสินค้าเข้าไปในโฆษณาเยอะ ๆ ย่อมทำให้ความน่าสนใจของโฆษณาลดลง ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องใช้ เจมส์ จิรายุ มาเป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อให้ข้อมูลสามารถไหลจากโฆษณาไปหาผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าลองสังเกตกาดำเนินเรื่องของโฆษณาชุดนี้เราจะพบว่ามีเจมส์ทุกฉาก ท่านผู้อ่านลองนึกดูเล่น ๆ นะครับสมมุติให้โฆษณาชุดนี้เหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นเอาเจมส์ออกไปจากฉาก โฆษณาชุดนี้จะลดความน่าสนใจทันที การจะให้ผู้บริโภคยอมฟังข้อมูลของสินค้าเยอะ ๆ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า และนั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย เลือกเจมส์ จิรายุ มาเป็นตัวแทนการสื่อสาร สำหรับโฆษณาชุดนี้ โดยสรุป การไม่มี Key Scene อาจจะทำให้โฆษณาชุดนี้ดูไม่แรงในแง่ของ Awareness แต่จุดด้อยดังกล่าวถูกลบไปโดยใช้พรีเซนเตอร์ทีมีพลังมากพอมาช่วย ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเจมส์ จิรายุ ทำได้ดีครับ โฆษณาชุดนี้จึงสามารถทำให้ผู้ชมยอมนั่งดูจนจบ ผมลองเดิน 7-ELEVEN ดูพบว่าโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย นั้นหมดเร็วมากจริง ๆ ครับ สงสัยมาจากพลังของเจมส์ จิรายุ เช่นเคย ท่านผู้อ่านสามารถพูดคุยเรื่องโฆษณากับผมผ่านทาง Twitter ได้นะครับ ที่ @oam_oamm หรือจะส่ง e-mail มาคุยกันได้ครับ อาจจะตอบช้าหน่อยแต่ตอบกลับแน่นอนครับ ช่วงนี้เป็นอยู่ในช่วงประกวด Thailand Blog Award 2013 ถ้าท่านผู้อ่านจะกรุณา สามารถส่งกำลังใจมาให้ผมได้ที่ http://www.thailandblogawards.com/entry/view/175 ณ ขณะนี้ผมอยู่อันดับที่ 13 ผู้เขียนจะมีความสุขมากทีเดียวถ้ามีโอกาสได้ติด 1 ใน 10 นะครับ ขอขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามอ่าน Blog ของผมนะครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กันยายน 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 |