สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมมีโฆษณาดี ๆ มาร่วมพูดคุยกับท่านอีกเช่นเคย ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าผมค่อนข้างประทับใจ Concept ของโฆษณาชุดนี้จริง ๆ ครับ โฆษณานั้นก็คือ ที่มา: http://yumyai.com/2014/07/dtac-advertising-the-power-of-love/ Dtac ชุด The Power of Love
ที่มา: http://youtu.be/PmCDxY2lJAE โฆษณาชุดนี้มีความยาวเกือบ 2 นาทีซึ่งจัดว่านานมากทีเดียวสำหรับโฆษณา แน่นอนว่าด้วยเวลานานขนาดนี้ต้องไม่ใช้โฆษณาเชิงขายของแน่ โดยมากแล้วโฆษณาที่ใช้เวลานาน ๆ มักเป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์เป็นส่วนใหญ่ โฆษณาชุดนี้เริ่มต้นด้วยเสียงร้องของเด็กน้อย และคุณพ่อหน้าใหม่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางตกใจแบบทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นคุณพ่อจึงได้ตัดสินใจโทรหาแม่อย่างด่วนที่สุด หลังจากแม่ทราบว่าลูกกำลังร้อง ก็บอกกับคุณพ่อไปว่าลูกน่าจะหิวนม ซึ่งพ่อก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกหนักเข้าไปอีก คุณแม่จึงบอกพ่อไปว่า “เปิดการ์ตูน เปิดการ์ตูน” เมื่อได้ยินดังนั้น คุณพ่อก็เปิดการ์ตูนผ่าน Smart Phone ทันที!!! ปรากฎว่า ลูกร้องหนักกว่าเดิม!!!!!! พ่อทำหน้ากลุ้มใจหนักเข้าไปอีก จึงได้บอกแม่ไปว่า “ลูกไม่ได้ติดการ์ตูน ลูกติดแม่ โอเคไม๊” แม้ว่าแม่จะซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ แต่คุณแม่ก็พยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเต็มที่โดยให้คุณพ่อเอาโทรศัพท์มาใกล้ ๆ ลูก แล้วแม่ก็ทักทายลูกอย่างสนุกสนานผ่าน Smart Phone แต่.................... ดูเหมือนว่าสถานกาณ์จะแย่ลงเรื่อย ๆ ลูกก็ร้องหนักขึ้น ๆ จนสีหน้าพ่อแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้น คุณพ่อมือใหม่ก็ได้ตัดสินใจวางโทรศัพท์ลง แล้วค่อย ๆ อุ้มลูกขึ้นช้า ๆ แม้จะดูไม่ถนัดตามภาษาคุณพ่อมือใหม่ ในขณะที่แม่ก็เห็นพ่ออุ้มลูกผ่าน Smart Phone และแล้วลูกก็หยุดร้องในทันที ภาพดังกล่าวถึงกับทำให้คุณแม่น้ำตาซึม ตรงนี้โฆษณาได้หยุดภาพลงและมี Wording ขึ้นว่า เทคโนโลยี ไม่อาจแทนที่ความรัก
Technology will never replace Love. และโฆษณาชุดนี้ก็จบลงอย่างงดงาม ผมเห็นโฆษณาชุดนี้ครั้งแรกถึงกับน้ำตาซึมไปเหมือนกัน ด้วย Story ที่สวยงามและ Concept ที่ดีและเหมาะกับแบรนด์แบบ Dtac เป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ Dtac ก็เคยมีโฆษณาคล้าย ๆ กันออกมา ชื่อว่า Disconnect to Connect ซึ่ง Concept ก็คล้าย ๆ นั่นคือให้ทุกคนใช้มือถืออย่างพอดี กลับมาทีโฆษณาชุดนี้อีกครั้งนะครับ โฆษณาชุดนี้พยายามจะแสดงให้เราเห็นว่าเทคโนโลยีไม่สามารถแทนทุก ๆ อย่างได้ แม้ว่าสังคมปัจจุบันจะโหยหาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ยังมีสิ่งหนึงที่ทุกคนโหยหา และไม่มีอะไรมาทดแทนได้ นั่นก็คือความรักนั่นเอง Concept ของโฆษณาชุดนี้กับสิ่งที่สื่อออกมาเรียกว่าเป็น Perfect Story เลยก็ว่าได้ครับ ใน Stage แรกของการปรับเปลี่ยนธุรกิจจาก 2G เป็น 3G เราก็จะเห็นโฆษณาเชิงผลิตภัณฑ์หรือผมมักจะเรียกว่า Product Talk Ad และเมื่อเวลาผ่านมา สิ่งที่เราต้องอย่าลืมคือเราต้องกลับมาหาสร้างแบรนด์เราอีกครั้ง ดังนั้นการมีโฆษณาเชิงสร้างแบรนด์ หรือ Brand Talk Ad ถือว่าเป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญและควรมีการกระตุ้นแบรนด์เป็นระยะ ๆ จุดเด่นของโฆษณาตัวนี้คือเรื่องของ Communication ซึ่งตัวโฆษณาสามารถสื่อให้ผู้ชมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเทคโนโลยีไม่สามารถแทนทุกอย่างได้จริง ๆ ซึ่งในทางอ้อมก็คือ Dtac ก็อยากวางตัวเองให้ไม่ต้องขายของหนักจนเกินไป ซึ่งทำแบรนด์ Dtac ดู friendly กับผู้บริโภคเป็นอย่างมากครับ โฆษณาชุดนี้ใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นแกนหลักในการสื่อสารให้เห็นถึงความเป็นแบรนด์ของ Dtac ซึ่งทาง Dtac เองก็พยายามตอกย้ำ Concept แนวนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นผมจะลองให้ท่านผู้อ่านพิจารณาดูโฆษณาที่ใช้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นตัวเชื่อม Key Message เช่นเดียวกับ แต่ Concept ดูจะตรงกันข้ามกับโฆษณาของ Dtac ชุดนี้ เราลองไปชมโฆษณากันเลยครับ
ที่มา: http://youtu.be/goeaFGmwx6w
โฆษณาของ AIS ชุดนี้ใช้เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกเป็นแก่นของเรื่องเช่นเดียวกัน แต่ Concept ของโฆษณาเป็นแนวขายของ หรือ Product Talk Ad ซึ่งในที่นี้คือการขาย Service ใหม่ของ AIS “กด 003” โฆษณาชุดนี้ถือว่าเป็นโฆษณาเชิงขายของทีดีมาก ๆ อีกชุด เพราะ Theme ของเรื่องค่อนข้างเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน น่าติดตามจนจบ และ Key Message ก็มีครบอย่างที่ต้องการจะสื่อสาร ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองพิจารณาโฆษณาทั้งสองชุด ส่วนที่เหมือนกันคือการใช้เรื่องของอารมณ์เป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวละครและ Key Message ของโฆษณา แต่ Key Message กับ Concept ของโฆษณาต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พระเอกและนางเอกใน โฆษณา AIS ต่างใช้โทรศัพท์ (กด 003) เพื่อแสดงความรู้สึกดี ๆ ต่างกับโฆษณาของ Dtac ที่เน้นว่า วางโทรศัพท์ลง และใช้ความรักจากพ่อแทนพร้อมเน้นว่าโทรศัพท์แทนความรักไม่ได้
ดังนั้นในฐานะนักการตลาด เราต้องพิจารณาว่าตอนนี้ แบรนด์ของเราต้องการ Communication แบบไหน บาง Stage เราอาจะต้องการขายของก่อน บาง Stage เราอาจจะเริ่มต้องให้ข้อมูลของแบรนด์เรา (Informative Ad) เป็นต้น บาง Stage เราก็ต้องการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) โจทย์ของการตลาด ไม่มีคำตอบแบบ Best Single Solution ดังนั้นนักการตลาดต้องพิจารณาว่าโฆษณาทีทำออกมาตอบโจทย์แบบไหน ถ้าถามว่า Dtac ต้องการขายของไหม ก็ต้องตอบตรง ๆ ว่ายังไง Dtac ก็ต้องขายของ ยังไงยิ่งคนที่ใช้บริการมากขึ้น Dtac ก็ยิ่งผลประกอบการดียิ่งขึ้นเท่านั้น แต่รูปแบบของการสร้างแบรนด์ Dtac ที่ผ่านมาน่าจะพอเห็นกันว่า ภาพของ Dtac จะค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้บริโภค ดังนั้น โฆษณาตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งชุดที่พยายามตอกย้ำความเป็นมิตรกับผู้บริโภค โดยชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่ได้ดีไปซะทุกอย่างหรอก เป็น Concept ที่เฉียบคมยิ่งนัก
ที่สุดของการขายคือ “ไม่ขาย”
ขอให้ท่านผู้อ่านมีความสุขในการชมโฆษณานะครับ เช่นเคย ท่านผู้อ่านสามารถพูดคุยเรื่องโฆษณากับผมผ่านทาง Twitter ได้นะครับ ที่ @oam_oamm หรือจะส่ง e-mail มาคุยกันได้ครับ อาจจะตอบช้าหน่อยแต่ตอบกลับแน่นอนครับ ตอนนี้ผมกำลังหัดเล่น Instagram อยู่ ถ้าสมัครเมื่อไหร่จะมาแจ้งนะครับ ตั้งใจว่าจะใช้ IG เป็นตัวเผยแพร่เรื่องของโฆษณาผ่านภาพนะครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |