วันนี้ .. พ่อไม่ได้ไป (ขับรถ) หาเงิน (อีกแระ) เพราะฝนตกหนัก (ทั้งคืน) จนถึงเช้าเลย

เค้า บ่น ๆ ว่าอยากกิน "บุงปึ่ง" (ข้าวนึ่ง) เพราะพรุ่งนี้จะไหว้ อากงอาม่า แล้ว ก็เลยนึก (อยากกิน) ถึง

ตอนที่ อากง กะ อาม่ายังอยู่ ท่านชอบกิน มาก ๆ ฉันก็ชอบกิน (นั่งดูไป ดูมา เลยหัดทำ) ค่ะ

ก็ได้ ก็ได้ .. เดี๋ยวออกไปซื้อ เครื่องปรุงก่อนนะ (พ่อก็ เจียะ โอเล็งเต็ง รองท้องไปก่อนนะ)

๑ .. กุ้งสด (ใครชอบปลาหมึก หรือหมูสามชั้น ก็ใส่เข้าไปด้วยได้นะ ฟรีสไตล์น่ะ)

แกะเปลือก (ไว้หางหน่อยจะได้ไม่เละ) ผ่าหลัง ดึงเส้น ดำ ๆ ออก นำไปต้มแล้วใส่จาน (พักไว้)

(ปลาหมึก ให้หั่นและทำเช่นเดียวกันกับ กุ้งสด (เอามาโปะหน้าไว้ทีหลัง กันมันหดและแข็ง)

(หมูสามชั้น ให้เอาลงไปเจียวต่อจากเห็ดหอม จะได้น้ำมันเพิ่มขึ้นมาด้วย และหุงพร้อมข้าวเลย)

๒ .. ข้าวหอมมะลิ (เก่า) แนะนำข้าวเก่า เพราะข้าวใหม่รู้สึกจะเละ (ไม่เป็นเม็ด) ไปหน่อยค่ะ

แช่น้ำไว้ครึ่งชั่วโมง ก่อนเอาน้ำออกและ พักไว้ (รอ) ในหม้อ (ดังภาพ)

๓ .. เห็ดหอม แช่น้ำไว้ให้นิ่ม แล้วหั่นตามใจชอบ ค่ะ

ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันลงไป แล้วก็เจียวเห็ดหอม เป็นอันดับแรกเลย

๔ .. กุ้งแห้ง .. ((ถ้าใครชอบปลาหมึก (ไหว้เจ้า) แห้งจะใส่ลงไปด้วยก็ได้ ค่ะ))

เจียวเห็ดหอมจนเหลืองแล้วก็พักไว้ (ข้าง ๆ) แล้วใส่กุ้งแห้ง ค่ะ

๕ .. กระเทียม + รากผักชี (เพิ่มความหอม) คือฉันไม่ชอบกิน แต่ชอบกลิ่น เลยใส่ไปทั้งอย่างนั้น

(มันจะได้ เขี่ย ออก ง่าย ๆ ยังไงล่ะ) แต่ถ้าใครชอบก็ บุบ หน่อยก็ดี (กลิ่นจะได้ออกมา มาก ๆ)

พอกุ้งแห้ง (กะเห็ดหอม) เริ่มได้ที่ก็พักไว้ ข้าง ๆ แล้วก็ใส่กระเทียมกับรากผักชีลงไป ค่ะ 

๖ .. ไข่แดง (ของไข่เค็ม) ไชยา (ที่ อื่น ๆ หรือจะ "ทำเอง" ^_^ ก็ได้ ค่ะ)

เหมือนเดิม คือพอผักเริ่ม สลด ก็พักไว้ ข้าง ๆ แล้วใส่ไข่แดงลงไป (เจียว) ค่ะ

๗ .. แปะก๊วย (กิงโกะ) แปลว่า "หนูรักพ่อหนา" (กินมาก ๆ แล้วอย่า (ขี้) ลืม ค่าขนมลูกนะ) ฮี่

เอาลงไป เจียว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  จนได้ที่ (อ้อ .. ก่อนเจียว ก็ต้มจนสุกมาได้ระดับนึงแล้วล่ะค่ะ)

๘ .. เม็ดบัว (เมื่อก่อนเราใช้ ถั่วลิสง แต่พ่อแก่แล้ว ให้เค้ากินของที่มีประโยชน์ ดีกว่า)  ^_^

ขั้นตอนเหมือนเดิม ใส่ลงไป เจียว ๆ ๆ ๆ

๙ .. แครอท (หนูเอาแครอทมาฝาก อยากให้ป๋าได้กิน ผักมีวิตามิน ไม่ต้องกินของแพง)

ใส่ลงไปแล้วก็ผัดไปเรื่อย ๆ ค่ะ มาถึงขั้นตอนนี้แล้วก็เริ่ม ปรุงรส (ตามปาก) ได้แล้วล่ะค่ะ

พริกไทย (เยอะหน่อย) .. ซีอิ้วขาว (เอากลิ่นหอม ๆ) เกลือ (เพราะต้องต้ม ใส่แต่ซีอิ้ว เดี๋ยวจะดำ)

ซอสหอยนางรม (ตราอะไร ก็ได้ที่มี) หากใครชอบ ผงชูรส (แบบว่าขาดไม่ได้) ก็ตามอัธยาศัย นะคะ

นำข้าวสาร (ที่แช่น้ำครึ่งชั่วโมง และพักไว้ จนสะเด็ด น้ำแล้ว) ใส่ลงไป

เทใส่ลงไป แล้วก็ ผัด ๆ ๆ ๆ ๆ จนเครื่องต่าง ๆ จับกับตัวข้าว

ในขั้นตอนนี้ สำหรับคนที่เคยทำ ข้าวมันไก่ จะเข้าใจนะคะ ว่า มันต้องเข้ากัน (ทั้งกะทะ)

เมื่อเข้ากันดี เรียบร้อยแล้วก็ตักใส่ หม้อหุงข้าว (คู่ใจ ไปไหน ไปกัน) เติมน้ำ (เหมือนหุงข้าว)

การใส่น้ำ (ตามความรู้สึก) นั้น ก็เหมือนการหุงข้าวทั่วไป (แต่น้อยกว่านิดหน่อยก็ดี เดี๋ยวจะแฉะ)

จากนั้น .. เมื่อหม้อข้าวดีด (จาก COOK เป็น WARM) ก็ให้นำกุ้ง ที่เราลวกไว้ตอนแรกมาใส่ ค่ะ

เราไม่เอากุ้ง มาผัดรวมกับเครื่อง และไม่เอาลงไป (ต้ม) หุงพร้อมกับข้าวเลยนั้น

สำหรับคนที่ประกอบอาหารเป็นประจำ คงจะทราบว่า "มันจะหด (เสียดาย) และแข็ง (ไม่น่าทาน)"

เราเอามา (อบ) ใส่ในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้กลิ่นและรสชาติ ซึมเข้าไปในเนื้อกุ้ง โดยที่ไม่เสียของ

จ๊ากกกกกกกกกก .. ลืม กุนเชียง (ได้ไง) ง่ะ (ฮือ ฮือ) น่าอายจังเลย (ไปตั้งกะทะ ดีกว่า) แฮ่

๑๐ .. กุนเชียง (ก๊วงเชี๊ยง) ตามหลักแล้วต้องทอดต่อจาก เห็ดหอม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ (ไม่ว่ากันเนอะ)

(เมื่อคืนนอนดึกไป วันนี้ตื่นเช้าไป ของมันเยอะ (๑๐ อย่าง) เรื่องมันแยะ น่ะ) ฮี่ ..

อาหาร คือ การนำสิ่งที่เราชอบ มาใส่เข้าไว้ด้วยกัน (แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความ "ไปด้วยกันได้")

นี่ไง.. ตั้งใจจะให้เป็น "ข้าวเช้า" มาเสร็จเอา ตอนเที่ยง สาย (ช้า) ขนาดนี้ ไม่อร่อยก็ต้องอร่อยล่ะน่า

แถม "เล่นของ" เอาเรื่องของ "สี (ส้ม) สัน" เข้ามาเป็น "ตัวช่วย" ซะอีก

จานนี้ของ ข้างบ้านค่ะ เค้าอยู่กันสามคน เราก็ จัดให้ จะได้ไม่ต้องเกี่ยงกัน (แกกินสิ แกก็กินสิ) ฮ่า

ป.ล .. (วันนี้) เป็นการส่งการบ้าน พี่คุณนายหวีค่ะ (พี่เค้าให้สูตรไว้หลายวันแล้ว)

อาหาร การกิน ฉันว่าเป็น "ศิลปะ" นะคะ (ต้องมี ใจรักและอารมณ์ "อยากทำ" ร่วมด้วย)

ช่วงนี้ งานเยอะค่ะ เวลาไม่ค่อยจะมี พอมีเวลาหน่อย ก็เหนื่อย จนไม่อยากจะทำอะไรเลย

หัดทำครั้งแรก ให้เพื่อนบ้านกับคุณพ่อ เป็น "หน่วยกล้าตาย" (เหมือนเดิม) ค่ะ

วัน (ครั้ง) แรก พ่อว่า  "ใช้ได้"  (แต่ขาด จิ๊กโฉ่ว) แป้งแห้งไปนิด (ลืมฉีดน้ำ ค่ะ)

เลยจดเอาไว้ในใจ (เหมือนท่านนักกอล์ฟ ที่ค่อย ๆ จดจำ วงสวิง อย่างนั้นมั้งคะ .. ??)

ทำครั้งที่ ๒ เลยฉีดน้ำลงไปด้วย ปรากฏว่า สวยงาม (ได้ดั่งใจ) นุ่ม ได้ผล (หน้าตา) ดีขึ้นค่ะ

ทำเสร็จ ก็แวะเอาไปให้ "คนปากหนัก" ชิม แล้ว (SMS) มาบอกว่า "อร่อย ม ก" (ดูมัน) หึ

จนเป็นที่ล้อ (ตีความ) กันในหมู่เพื่อนฝูงว่า สงสัยมันจะพิมพ์ว่า "อร่อย มั้ง ว่ะ"  (หึ พอกันเลย)

อนนท์ ถามเพื่อน ๆ ว่า "ได้ชิมขนมจีบรึยัง "เข้าท่า" นะโว้ย" .. !!  (นี่ชมแล้วนะเนี่ย .. !!) ฮ่า

ทำครั้งที่ ๕ ในชีวิต (บังเอิญจังเนาะ) เอาไปให้ "คนปากแข็ง" ชิม เค้าว่า "ไม่เอาอ่าวเลย"

"มิน่า อนนท์ ถึงไม่ยอมพูดคำว่า อร่อย (เค็ม และแฉะ ไป) เพราะอย่างนี้นี่เอง"

ยอมรับ ส (าร) ภาพ ค่ะ เพราะวันนั้น เวลามีจำกัดมาก ปรุงเสร็จกว่าจะรอให้ "เซ็ตตัว"

เวลามีไม่พอ เลยนึ่งในขณะที่อาบน้ำอยู่ กว่าจะเสร็จ (นานไปหน่อย) เลยแฉะเลย อะ

"สัญญาว่า ถ้าไม่เบื่อซะก่อน จะจัด "นัดล้างตา (หรือว่า "ย้ำแค้น" หว่า) ให้ชิม เอาปะ .. ??"

ชมรมรักษ์ภาษาไทย