คุณเคยถามตัวเองไหมว่า คนเราจะเรียนอะไรกันหนักหนา แต่ก่อน ผมเคยถามตัวเองอย่างนั้นจริง ๆ ลองนึกย้อนทบทวนชีวิตของแต่ละคนดูก็ได้ ตั้งแต่เล็กจนโต เรียนกันมากมาย จนเกิดคำพูดเท่ ๆ กินใจประมาณว่า เรียนรู้ตลอดชีวิต หากถามถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน แทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเปลี่ยนแปลงไปจากยุคที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง แต่มนุษย์ก็ใช่ว่าจะหยุดหย่อนแต่เพียงเท่านี้ ยังคงมีการค้นคว้า วิจัย และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่จบไม่สิ้น ไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้ว ก็จะต้องไปเหยียบดาวดวงอื่น ๆ อีก ทำให้อยู่คนละมุมโลก ยังสามารถติดต่อพูดคุยเหมือนกับกระซิบอยู่ข้าง ๆ หู สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย จนคนแทบจะไม่ต้องทำอะไรหรือทำอะไรกันไม่เป็นแล้ว มันจะเรียนกันจบกันสิ้นไหมหนอ ที่สำคัญคือ สิ่งที่กำลังเรียน กำลังค้นคว้าวิจัย กันหัวแทบระเบิดนี่ มันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้มนุษย์มีความสุขในอัตราส่วนเท่าใดกันเชียว คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญหรือเก่งกาจที่สุดในศาสตร์แขนงใดแขนงหนึ่งในทางโลก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความสุขที่สุดเสมอไป ยิ่งเรียน ยิ่งผลิต ยิ่งบริโภค มันยิ่งทำให้คนเราวุ่นวาย หรือโลกมันจะสูญสลายเร็วกว่าที่ควรจะเป็นหรือเปล่า หากหันมาพิจารณาถึงความจำเป็นทางด้านร่างกายแล้ว สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้น และมีอยู่ในปัจจุบัน มันน่าจะเหลือเฟือแล้วจริง ๆ เราคงยังจำกันได้ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ที่เราได้รับการสอนให้รู้ว่า สิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ คือ ปัจจัย ๔ แล้วลองดูซิว่า ปัจจุบันมนุษย์เราบริโภคหรือดำรงชีวิตอยู่กันด้วยปัจจัยอะไรบ้าง แต่คำถามที่ผมเคยถามตัวเองนั้น พอจะคลี่คลายลง จากหลักคำสอนของผู้ที่ก้าวพ้นความทุกข์ทั้งปวงแล้วอย่างน้อย ๒ ท่าน คนแรกคือ พระพุทธเจ้า จากหลักคำสอนประมาณที่ว่า ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้เปรียบเสมือนต้นไม้ทั้งป่า แต่สิ่งที่พระองค์นำมาสอนเพื่อใช้สำหรับการดำรงชีวิต (อย่างมีความสุข) นั้น เปรียบเทียบได้กับใบไม้ในกำมือเท่านั้น คนที่สองคือ พุทธทาสภิกขุ ที่ท่านเคยพูดไว้ว่า มนุษย์เราจำเป็นจะต้องรู้แต่เรื่องปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ ถ้าเกินนั้นไปก็เรียกว่าเกิน หรือไม่จำเป็น หรือไม่ต้องสนใจก็ได้ ใครพอจะเห็นตามนี้กันบ้างหรือเปล่า ที่นำเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เพราะเห็นว่า การพยายามเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ทางโลกที่มีมากมายเหลือประมาณนั้น ผมเองยอมยกธงขาว เรียนเท่าไรก็ไม่มีวันหมด ในขณะที่การพยายามเรียนรู้เรื่องราวที่เฉพาะเจาะจงบางอย่าง ดูเหมือนว่าจะมีที่สิ้นสุด กล่าวคือ ยิ่งเรียนยิ่งมีความสุข ยิ่งเรียนยิ่งมีความเบิกบาน ยิ่งเรียนยิ่งมีความแจ่มใส ยิ่งเรียนยิ่งมีความเป็นอิสระ และยิ่งเรียนยิ่งทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่เหนือปัญหาและความทุกข์ทั้งปวงที่เข้ามากระทบได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ มิใช่ว่าจะเรียนเฉพาะเรื่องที่ว่านี้เท่านั้น เปล่าเลย ตราบใดที่มนุษย์เรายังคงจำเป็นต้องทำมาหาเลี้ยงชีพตามหน้าที่การงานทางสังคมที่กำหนดไว้ เราก็ยังคงต้องเรียนรู้หรือทำความกระจ่างในเรื่องนั้น ๆ ให้ดีที่สุด แต่ที่แน่ ๆ คนที่สามารถเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นจริง ๆ สำหรับชีวิต (รู้เท่าทันธรรมชาติ/โลกตามความเป็นจริง) กลับมีส่วนช่วยให้เรียนรู้เรื่องการประกอบอาชีพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยซ้ำไป รวมทั้ง จะมีส่วนช่วยให้เรียนรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางโลกใด ๆ อย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน มิได้เรียนรู้อย่างแบกของหนักไว้ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่ใครรู้สึกสับสนวุ่นวายกับข้อมูลข่าวสาร หรือศาสตร์แขนงต่าง ๆ ที่มากมายจนแทบจะทับถมกับระบบความคิดในหัวสมองของตนจนรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว ให้ลองถามตัวเองสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า มันจำเป็นมากน้อยเพียงใดกับชีวิต หรือความสุข/ทุกข์ของเรา หากไม่จำเป็นก็เพิกเฉย ละไว้ ปล่อยไป เลือกเอาแต่สิ่งที่จำเป็นกับชีวิตจริง ๆ ซึ่งมีไม่มาก (รวมทั้ง เรื่องของคนรอบ ๆ ตัวเราด้วย) เพียงเท่านี้เอง เราก็จะสามารถดำรงชีวิตได้อย่างรื่นรมย์ ผมขอเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่รู้อะไรมากมายนักในทางโลก (ดูเหมือนคนโง่ในสายตาคนอื่น) แต่รู้จักที่จะเลือกใช้ชีวิตเฉพาะทางอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร (โดยไม่จำเป็นต้องปลีกวิเวกหรือหนีไปบวช) มากกว่าที่ฉลาดปราดเปรื่องในทางโลก แต่หาความสุขทางใจไม่ได้
เมื่ออ่านจบแล้ว กรุณาอย่าได้เข้าใจผิดว่าผมส่งเสริมให้คนเลิกเรียนรู้นะครับ เพียงแค่อยากให้หันมาพิจารณาเลือกเรียน "วิชาเลือก" ที่ช่วยให้ชีวิตมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เท่านั้นเองครับ |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
At Your Side : The Corrs | ||
![]() |
||
When the daylight's gone, and you're on your own And you need a friend, just to be around I will comfort you, I will take your hand And I'll pull you through, I will understand |
||
View All ![]() |
<< | พฤศจิกายน 2007 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |