*/
BrazilMiss | ||
![]() |
||
Miss flight in Brasil |
||
View All ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2020 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
โรคโคโรนาไวรัส19 (COVID-19)...ไทยทำดีจริงหรือ เตรียมรบระลอกสาม ถ้าไม่ช่วยกันมีอันต้อง..
มีเรื่องร้อน ๆ ตามมาติด ๆ ไม่ว่าจะเป็นลามไปทุกทวีปแล้ว อิตาลี คุณลุงคุณป้า เครื่องบินและการปิดโรงเรียนที่ทำงาน จนไปถึงการประกาศเป็นโรคติดต่อร้ายแรงโรคที่ 14 ข่าวจริงบ้าง ข่าวลือบ้าง ที่สำคัญสร้างความระส่ำระสายหายะนะ ให้ชาติบ้านเมืองยามนี้ ที่น่าเศร้าใจคือคนไทยทำร้ายกันเอง ฤาว่าจะเสียกรุงตามรอยประวัติศาสตร์จากคนในชาติ คนไทยตายจากอุบัติเหตุปีหนึ่งหลายหมื่นติดอันดับโลก จมน้ำตายก็เพียบ ฆ่ากันตายนับไม่ถ้วน เป็นโรคพิษสุนัขบ้าตายทุกราย (อัตราป่วยตาย Case fatality rate) และเป็นไข้หวัดใหญ่ตายก็เยอะ กลับไม่เห็นตระหนก แต่โรคโคโรนาไวรัส19 (COVID-19) มีอยู่ 40 ราย ยังไม่มีใครตาย กลับสร้างความพินาศมากมาย ไม่ใช่จากโรค แต่จากจิตตื่นกลัว
ไทยทำการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันได้ดีจริงหรือ? ดีจริง จากเหตุผลสามประการ 1) ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ที่ระบุว่า ประเทศไทยก็ติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีความพร้อมรับมือโรคระบาดดีที่สุด ได้แก่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา ไทย สวีเดน เดนมาร์ก เกาหลีใต้ และฟินแลนด์ (แหล่ง: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ แถลงข่าวเรื่องสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 19 เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 26 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับช่วงเช้าวันที่ 27 ก.พ. ตามเวลาไทย https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/868216?utm_source=slide_topnews&utm_medium=internal_referral)
2) ดูได้จากขัอมูลเชิงประจักษ์ ไทยได้คัดกรองช่วง มกราคม - 25 กุมภาพันธ 2563 ราว 3 ล้าน กว่า เจอผู้ป่วยยืนยัน 40 ราย ไม่มีใครตาย - ทางอากาศ คัดกรองเที่ยวบินสะสมตั้งแต่ 3 มกราคม ถึง 25 กุมภาพันธ 2563 รวม 13,424 เที่ยวบิน ผู้เดินทางได้รับการคัดกรองสะสมรวม 2,776,929 ราย พบผู้ป่วยที่มี อาการเข้าได้ตามนิยามการคัดกรอง 74 ราย - ทางเรือตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2563 มียอดการคัดกรองเรือสะสม 431 ลำ มีผู้เดินทางได้รับการคัดกรองสะสมรวม 95,734 ราย พบผู้ป่วยที่มี อาการเข้าได้ตามนิยามการคัดกรอง 2 ราย - ทางบก ตั้งแต่ 1 ถึง 25 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้เดินทางได้รับการคัดกรองสะสมรวม 614,526 ราย - การคัดกรองผู้มาต่ออายุหนังสือเดินทางที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่ 30 มกราคม ถึง 26 กุมภาพันธ์ 2563 รวมทั้งสิ้น 61,095 ราย (ตารางที่ 1)
ที่มา รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 54 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/situation/situation-no54-260263.pdf
3) ดูได้จากการทำงาน กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่าง ๆ ได้เฝ้าระวังคัดกรอง ออกไปสืบสวนโรค และป้องกันควบคุมโรค (Surveillance, outbreak investigation, prevention and control) ตั้งแต่แรกเริ่ม จาก
- ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศดำเนินการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศ ทั้งท่าอากาศยาน ท่าเรือ และพรมแดน รวม 46 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยาน 6 แห่ง ท่าเรือ 6 แห่ง และด่านพรมแดนทางบก 34 แห่ง - สถานพยาบาลทำการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางจากประเทศจีน มาเก๊า ฮ่องกง ไต้หวัน หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง ภายใน 14 วัน หรือเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ สัมผัสกับผู้ป่วยตามเกณฑ์เฝ้าระวัง - มีการเฝ้าระวังในชุมชน เมื่อพบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค DDC Hotline 1422
นอกจากนั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้ขยายนิยามการเฝ้าระวัง ปรับเกณฑ์ พื้นที่เสี่ยง อาชีพเสี่ยง กลุ่มอาการปอดอักเสบในบุคลากรทางการแพทย์ ตามสถานการณ์มาโดยตลอด รวม 4 ครั้ง เพื่อให้ตรวจจับผู้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ครอบคลุมคนไทยที่กลับจากประเทศระบาดของโรค และเพิ่มพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง
เตรียมรบระลอกสาม ระยะสามคือมีการติดเชื้อจากคนสู่คนภายในประเทศ โดยที่หาปัจจัยเสี่ยงและหาต้นตอการติดเชื้อไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดการระบาด ตัวอย่างเช่น ประเทศเกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี เข้าสู่การระบาดระยะ 3 ในอิตาลี มีติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มเป็น 400 ราย เสียชีวิตเพิ่มเป็น 12 ศพ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนี้ คนที่เคยเดินทางไปอิตาลีเมื่อไม่นานมานี้ ถูกตรวจพบติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศแอลจีเรีย, ออสเตรีย, โครเอเชีย, กรีซ, โรมาเนีย, สเปน, สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ ณ วันนี้ ไทยยังไม่เข้าสู่การระบาดระยะ 3 แต่เตรียมรับระยะสาม ชะลอให้ถึงช้าที่สุดเพื่อให้รับมือไหวและเข้าฤดูร้อนที่ไวรัสไม่ถนัดรบ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับคนไทยทั้งชาติ ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่รบตรึงกำลังมาจนเหนื่อยล้าเจ็บป่วย จากข้อมูลข้างต้น ภาระเยอะมาก ยังไม่รวมงานที่ทำให้เสียเวลาแก่ผู้ทีควรจะได้รับแต่ไม่ได้รับอีก ค่าใช้จ่ายเยอะ ไม่จำเป็น และเหนื่อย
ถ้าไม่ช่วยกันมีอันต้อง.. อย่าให้ถึงกับกรุงแตกเลยนะคะ เพราะ เชื้อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ไม่ได้ติดง่าย ๆ นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส 2019 (COVID-19) เมื่อ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ว่า - ผู้ป่วย 3 รายล่าสุดที่เป็นปู่ ย่า หลาน อาการปลอดภัย - ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งที่เป็นผู้ร่วมกลุ่มเที่ยว คนในครอบครัวเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ นักเรียนร่วมชั้นเรียนหลาน และผู้ร่วมเที่ยวบิน มีการติดตามครบแล้วรวม 101 คน ผลการตวรจจากห้องปฏิบัติการไม่ติดเชื้อ 97 คน ส่วนอีก 4 คนเพิ่งทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ - “กรณีนี้แม้จะมีการติดเชื้อจากต่างประเทศ แต่ มีเพียงหลานที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดมาก ๆเท่านั้นที่ติดเชื้อ ส่วนคนในครอบครัวคนอื่น ๆ อีก 4 คน ไม่มีใครติดเชื้อ ประเทศไทยจึงยังถือว่ามีการติดเชื้อในวงจำกัด และยังอยู่ในระยะที่2” - การติดต่อจากฝอยละอองขนาดใหญ่ในรัศมี 1 เมตร และอยู่ใกล้เป็นเวลา 5 นาที โดยไม่มีการป้องกัน ส่วนผู้สัมผัสเสียงต่ำหมายถึงผู้สัมผัสที่มีโอกาสต่ำในการรับหรือแพร่เชื้อกับผู้ป่วยได้แก่ผู้สัมผัสที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้สัมผัสเสียงสูง ซึ่งจะเห็นได้ว่ากรณีปู่ย่าหลายมีสมาชิกครอบครัวอื่นอีก 4 คน ก็ไม่ได้ติดเชื้อนี้ครบทุกคน มีเพียงหลานที่สัมผัสใกล้ชิดมาก 1 คนเท่านั้นที่ติด เพราะฉะนั้น ยิ่งเป็นคนที่อยู่ไกลยิ่งไม่มีโอกาสติด นอกจากนี้จะเห็นว่าในเครื่องบินในพนักงานต้อนรับไม่ติดเชื้อ เวลาระบุผู้ที่เสี่ยงมากจะนับสองแถวหน้าหลังด้านข้าง ไม่ได้เสี่ยงสูงทั้งลำ
เราช่วยกันได้อย่างไร
โรคนี้ไม่ได้ติดง่าย อีกทั้งยังป้องกันง่าย ตอนนี้ต้องการมากกว่า ‘แรงใจ’ คือ ‘แรงกาย’ ขอช่วยทำหน้าที่ของตนง่ายๆ คือ 1) รักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรง 2) แยกแยะได้ว่าตนอยู่กลุ่มไหน (ป่วย เสี่ยงน้อย เสี่ยงมาก) 3) ทราบแล้วทำอย่างไรให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
บทเรียนจากเรื่องคุณลุงคุณป้าคือ
ท่านอาจจะไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือกลัว ดังนั้นการประณาม รังเกียจเดียดฉันท์ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะจะทำให้คนที่ป่วย ผู้สัมผัสใกล้ชิด หรือกลุ่มเสี่ยง ถูกผลักไสหายไปจากระบบเฝ้าระวังคัดกรอง ผู้ที่มีใจเศร้าหมองหดหู่ยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ในทางตรงกันข้ามต้องชื่นชมที่กล้าออกมาบอกและจำกัดบริเวณตัวเอง ใส่หน้ากกาอนามัย ไม่ใช้ของร่วม ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ครอบครัวละผู้อื่นตั้ง 14 วัน ดังนั้นควรจะให้ขวัญกำลังใจและช่วยเหลือกัน ถ้าสังคมรังเกียจ กลุ่มหมอพยาบาลเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยและสัมผัสใกล้ชิดก็จะเป็นเหยื่อของสังคมไปด้วย
ทำไมถึงประกาศโรคไวรัสโคโรนา-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรง?
โรคติดต่ออันตรายแล้ว 13 โรค ที่ประเทศไทยมีการประกาศ ก่อนหน้านี้ คือ 1.กาฬโรค 2.ไข้ทรพิษ 3.ไข้เลือดออกไครเมียนคองโก 4.ไข้เวสต์ไนล์ 5.ไข้เหลือง 6.โรคไข้ลาสซา 7.โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ 8.โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก 9. โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา 10.โรคติดเชื้อไวรัสเฮนดรา 11.โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือโรคซาร์ส 12.โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส และ 13.วัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงมาก กระทรวงสาธารณสุขประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 วันที่ 24 ก.พ.63 เพื่อหารือการประกาศโรคไวรัสโคโรนา-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรงโรคที่ 14 ซึ่ง กำหนดไว้ในหมวด 6 การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ อาทิ มาตรา 35 กรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ของโรคติดต่ออันตราย ให้คณะกรรมการโรคติดต่อฯมีอำนาจ สั่งปิดสถานที่ต่าง ๆ ไว้เป็นการชั่วคราว สั่งให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคหยุดการประกอบอาชีพชั่วคราว และสั่งห้ามผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคเข้าไปในสถานที่บางแห่ง เป็นต้น โดยตามพ.ร.บ.นี้ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ไม่ได้แปลว่าประเทศเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 แต่เพื่อช่วยการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ชะลอหรือยืดระยะเวลาการเข้าสู่ระยะที่ 3 ไว้ให้ได้นานที่สุด
ช่วยกันทำความเข้าใจและสื่อในแง่ดี ถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ผู้ป่วย ผู้ดูแล และผู้อยู้ในกลุ่มเสี่ยงปฏิบัติได้ถูกต้อง เราก็ยังทำกิจกรรมได้เหมือนปกติค่ะ เรามาร่วมแรงร่วมใจกันนะคะ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |