เรื่องสั้น 4 ตอนจบ เขาสั่งให้ทะเบียนสมรสฉัน
เป็นโมฆะ โดย ลิลิตดา ตอน 3

หญิงสาววัยยี่สิบสามร่างอวบผิวขาวยกมือขึ้นแปรงผมสีดำเป็นเงาที่ยาวสยายลงมาถึงกลางหลัีงด้วยอาการเลื่อนลอย...ตีหนึ่งแล้ว เมืองไทยก็คงจะเป็นช่วงบ่าย ..พี่แจ๊ดคงไปถึงเมืองไทยแล้วซินะ.. วันนี้เป็นวันหยุดของดวงงามซี่งดวงงามควรจะพักผ่อนเข้านอนไปตั้งนานแล้ว เพราะการที่ต้องทำงานถึงหกวันต่ออาทิตย์ วันละสิบกว่าชั่วโมงมาตลอดสองปีเต็มนับเป็นเรื่องที่น่าเบื่อไม่ใช่น้อย ดังนั้นคราใดที่มีโอกาสได้หยุด ดวงงามจะเข้านอนแต่หัวค่ำและสามารถหลับได้เป็นสิบชั่วโมง..ทว่าคืนนี้นอนไม่หลับ เธอกระสับกระส่ายด้วยความคิดที่สับสนเต็มสมอง..ป่านนี้พี่สาวของเธอคงจะได้รับจดหมายด่วนที่เธอส่งไปถึงแล้ว ดวงงามเชื่อว่าเมื่อพี่ไลได้รับข่าวก็คงจะสับสนพอๆกับเธอ...ส่วนเปรียว..เปรียวคงจะดีใจที่จะได้พบแม่เร็วๆนี้... ความคิดล่องลอยไปถึงเหตุการณ์ที่ประดังเข้ามาในชีวิตไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา นับแต่วันที่พี่แจ๊ดบอกว่าจะพาดวงงามไปจดทะเบียนสมรส ดวงงามจำวันที่พี่เขาบอกเรื่องที่น่าแปลกประหลาดที่สุดอย่างแม่นยำ วันนั้นพี่แจ้ดชวนดวงงามไปเดินชมต้นไม้ดอกไม้ที่ เรือนน้ำชา ของสวนญี่ปุ่นในโกลเดนเกทปาร์คเมืองซานฟรานซิสโก อันเป็นสวนดอกไม้่ที่พี่แจ๊ดรักที่สุดในบรรดาสถานที่สำคัญๆของนครอันเลื่องชื่อแห่งนี้ พี่แจ๊ดชอบบรรยากาศที่มีกลิ่นอายของความเป็นตะวันออกในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิเช่นวันนั้น จุดที่พี่แจ๊ดประทับใจที่สุดอยู่ตรงสระน้ำใสแจ๋วที่มีต้นไม้ประเภทบอนไซเรียงรายลดหลั่นกันอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวชะอุ่ม ต้นเมเปิ้ลออกใบสีแดงแก่ที่ปลูกสบับกับโคมญี่ปุ่นซึ่งสร้างด้วยก้อนอิฐหนา มีหินก้อนเล็กก้อนน้อยประดับเป็นทางให้เดินทอดยาว ขณะที่อีกฟากฝั่งเห็นต้นซากุระปลูกเรียงราย ต้นอาเซียเลียออกดอกสีชมพูสลับขาว แซมด้วยคามีเลียสีแดงสดละหลั่นกับดอกพุดซ้อนสีขาวสบายตา
พี่แจ๊ดบอกว่าทุกอย่างที่เป็นส่วนประกอบของสวนนี้ ทำให้จิตใจอันร้อนรนจากปัญหาเรื่องธุระักิจสงบเย็นลงได้อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นพระพุทธรูปแแบชินโตที่อยู่ปลายสะพานด้านตะวันออกของสวน มองทีไรพี่แจ๊ดบอกเขาก็ปิติทุกที แม้ว่ารูปปั้นจะไม่ใ่ช่รูปทรงพระพุทธรูปที่คนไทยเรากราบไหว้ก็ตาม ดวงงามเห็นพี่แจ๊ดยกมือขึ้นคาระวะพระพุทธรูปและพึมพำว่า พุทธัง วันทามิ แม้ว่าพี่แจ๊ดจะประพฤติตนนอกลู่นอกทางศีลธรรมไปบ้าง แต่พี่แจ๊ดก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีคนหนึ่งเท่้าที่จะเป็นได้ ดีกว่าบางคนที่ปากว่าเป็นพุทธศาสนิกชนแต่ประพฤติผิดศีลอยู่เป็นนิจเสียอีก เวลาที่พี่แจ๊ดอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติงดงามเช่นนี้ ดวงตาดำโตคมเข้มดังชาวภารตะของพี่แจ๊ดจะเป็นประกายงาม จริงๆแล้ว พี่แจ๊ดเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยงามกว่าดวงงามเสียอีก จะผิดกันก็แต่รูปร่างเหตุว่าพี่แจ๊ดเป็นคนตัวสูงใหญไหล่ผึ่งผายประัหนึ่งผู้ชายคนหนึ่งทีเดียว พี่แจ๊ดจูงมือดวงงามลัดเลาะไปตามทางเดินลาดซีเมนต์ผ่านสนามหญ้าที่เขียวขจีและต้นบอนไซน้อยใหญ่จนมาหยุดอยู่หน้าโคมไฟหินสูงใหญ่ที่มีชื่อว่า Lantern of Peace ปากก็บรรยายให้เธอฟังว่า โคมไฟอันนี้มีประวัตินะดวง..มันมาอยู่ที่สวนนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 เป็นของขวัญจากยุวชนญี่ปุ่นที่มอบให้คนอเมริกัน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์แห่งสันติภาพ เนื่องจากในปีก่อนหน้านั้นได้มีการเซ็นสัญญา Japanese Treaty ที่ซานฟรานซิสโก เจ็ดปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง... แล้วพี่แจ๊ดก็เปลี่ยนเรื่องอย่างกระทันหัน เป็นเรื่องที่ทำให้ดวงงามหัวใจแทบจะหยุดเต้นด้วยความประหลาดใจและตกใจสุดขีดว่า ดวง..พี่จะพาดวงไปจดทะเบียนสมรสที่ศาลากลางซานฟรานอาทิตย์หน้า กลับไปบ้านวันนี้ไปดูเอกสารสำคัญๆให้ครบนะ ดูว่าพาสปอร์ตจะหมดอายุหรือยัง เขียนจดหมายบอกพี่สาวเขาไปด้วย ว่าหากจดทะเบียนเสร็จเรียบร้อยเมื่อไร ดวงก็จะได้ไปรับลูกมาอยู่ด้วยได้เสียที คำพูดเหล่านั้นพลิกผันชีวิตของดวงงามโดยสิ้นเชิง..ใครจะไปนึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ พี่แจ๊ดบอกดวงงามว่า ที่นี่..ที่ซานฟรานซิสโก สองสามเดือนที่ผ่านมามีคนที่รักเพศเดียวกันไปจดทะเบียนสมรสโดยมีนายกเทศมนตรีเป็นคนมอบทะเบียนสมรสให้กับคู่สมรสนับร้อยคู่แล้ว ตั่งแต่วันแรกที่ดวงงามได้รู้จักกับพี่แจ๊ดจวบจนบัดนี้สองปี พี่แจ๊ดให้ความเมตตากับดวงงามเสมอต้นเสมอปลาย ทุกคำพูดทุกการกระทำมิได้แสร้ง พีี่แจ๊ดบอกกับเธอตรงๆหลังจากที่ได้พบกันเป็นครั้งที่สองว่า ดวงคงไม่รังเกียจที่จะคบกับพี่นะ บอกตามตรงพี่เป็นผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน..อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกผู้หญิงอย่างพี่ว่า ทอม ดวงเคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนไหม ดวงงามพยักหน้า ทำไมเธอจะไม่รู้ ก็พี่ปรารถนาคนที่ดูแลหอพักที่กรุงเทพฯอย่้างไรล่ะ ดวงงามรู้ว่าพี่ปรารถนาต้องการอะไร แต่ก็ไม่ได้ปริปากรายละเอียดเรื่องนี้ให้กำไลฟัง นั่นแหละสาเหตุใหญ่ที่ดวงงามหอบลูกกลับมาบ้านล่ะ...เธอกลัว..กลัวกริยาและสัมผัสแปลกๆจากพี่ปรารถนา แต่กับพี่แจ๊ดนั้นดวงงามกลับไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจเลย เพราะนอกจากพี่แจ๊ดจะไม่ทำหูตาน่าเกลียดอย่างพี่ปรารถนาแล้วเธอยังพูดเพราะ ดูเป็นผู้ดีน่านับถือและมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนเลย พี่แจ๊ดบอกว่าเธอรักดวงงามด้วยใจจริง เป็นรักที่บริสุทธิโดยไม่ได้มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่ชาวบ้านเขาแอบค่อนขอดนินทาเรา ดวงงามรู้ว่าใครๆที่ร้านที่เธอทำงานอยู่เขาคิดและมองเธอกับพี่แจ๊ดอย่างไร ดวงงามไม่เคยเดือดร้อนถือเสียว่าคนพวกนั้นไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือนและให้ที่อยู่อาศัยเธอ ครั้งแรกพี่แจ๊ดก็เกรงว่าดวงงามจะลำบากใจจากคำนินทาเหล่านั้น แต่ดวงงามตอบพี่แจ๊ดว่า พี่แจ๊ดอย่าลืมว่าดวงเป็นลูกแม่ค้า ได้ยินได้ฟังการนินทาจากชาวบ้านมาจนชินแล้ว แม่เขาสอนดวงไม่ให้ใส่ใจ ดวงไม่เคยสนใจว่าใครมันจะนินทาดวงเรื่องมีลูกและลูกดวงไม่มีพ่อ อย่างน้อยดวงก็รักลูกและจะทำทุกอย่างเพื่อลูก ดวงไม่อยากให้ลูกรู้สึกเหมือนที่ดวงกับพี่ไลรู้สึกมาก่อน นั่นก็คือทั้งพ่อทั้งแม่ไม่มีใครสนใจเราจริงๆสักคน ตอนนั้นแหละัที่พี่แจ๊ดได้โอกาสถามดวงงามตรงๆว่า ดวงยังรักพ่อของเปรียวและคิดจะพาลูกไปให้เขารู้จักบ้างไหม ไม่หรอกค่ะ ดวงเข็ดผู้ชายแล้ว เรื่องเข็ดผู้ชายนี่พี่แจ๊ดเข้าใจดี ก็สาเหตุที่พี่แจดหันมาชอบผู้หญิงก็เพราะพี่แจ๊ดมีประสบการณ์ในเรื่องไม่ดีๆของผู้ชายมาตลอด พี่แจ๊ดเล่าว่าป๋าของเธอเป็นเศรษฐีที่มีอายุเกือบเจ็ดสิบแล้วแต่ก็ยังมีเด็กสาวๆห้อมล้อมซึ่งแต่ละคนก็รักเงินของป๋าทั้งนั้น แม่ของพี่แจ๊ดเป็นเมียคนที่สอง แม่ใหญ่เมียคนแรกมีลูกชายสี่คน พี่แจ๊ดเป็นลูกสาวคนเดียวของป๋าอยู่เกือบสิบปี จากนั้นป๋็าเขาก็ไปมีเมียและมีลูกสาวกับเมียคนที่สามอีกคนหนึ่ง พี่เห็นแม่ที่ร้องไห้อยู่เสมอๆ ..แม่มีความทุกข์นะ..เงินทองที่ป๋าเขาให้มานั้นต่อใ้ห้มันดูเหมือนเราอยู่ในฐานะเทียบคนมีเงินก็เถอะ มันหาความสุขไม่ได้หรอกนะ พี่เองก็เคยแต่งงานกับคนที่ป๋็าเขาเลือกมาให้ แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ถึงปีก็ต้องเลิกจากกัน มีผู้หญิงคนหนึ่งหอบลูกเข้ามาบอกพี่ว่าเขาเป็นเมียสามีเรา ตอนนั้นพี่เสียใจและผิดหวังกับผู้ชายเป็นที่สุด ดวงตาสวยของพี่แจ๊ดมีประกายขมขื่นเมื่อเล่ามาถึงตอนต่อไป พี่ตัดสินใจหย่ากับเขา..แล้วพี่ก็เริ่มเที่ยวกลางคืน พี่ประชดป๋าและเขาโดยหันไปควงผู้หญิงแทน และสะใจมากเลย..เพราะป๋็าเขาโกรธพี่มากๆ ครั้งแรกพี่ทำเพราะต้องการให้อดีตสามีเจ็บใจ แต่แล้วพี่กลับพบว่าการที่เราคบผู้หญิงนั้นสบายใจกว่ามากๆ ..แต่เรื่องอื่นพี่ไม่เคยเสียนะ พี่ทำธุระกิจเก่ง..เก่งกว่าพวกพี่ชายทั้งหลายของพี่อีก ทุนรอนที่ป๋็าเขายกให้ทำร้านอาหารพี่ก็บริหารจนมีกำไรดี จนขยายมาถึงอเมริกาได้ พี่แจ๊ดได้มาเปิดกิจการที่อเมริกาก็เพราะเมื่อเธอบริหารสวนอาหารจนเป็นที่รู้จักแล้ว มีคนแนะนำเธอว่าที่ซานฟรานซิสโกมีโรงเรียนสอนทำอาหารมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงดังพอๆกับที่ปารีส เธอก็เลยสมัครเรียนและท่องเที่ยวอยู่ที่อเมริกาเกือบหนึ่งปี เธอติดใจอะไรหลายอย่างในซานฟรานซิสโก หนึ่งในอะไรหลายๆอย่างนั้นดวงงามเชื่อว่าต้องเป็นไลฟสไตล์ที่ไม่เหมือนที่ใดของเมืองในหมอกแห่งนี้ มาเรียนได้ไม่เท่าไรพี่แจ๊ดก็มีผู้หญิงฝรั่งผมทองมาติดพันอยู่คนหนึ่ง และไม่นานหลังจากกลับไปเมืองไทย พี่แจ๊ดก็หาทางมาเปิดร้านอาหารไทยที่นี่ จากนั้นเธอก็เดินทางไปๆมาๆระหว่างประเทศไทยกับซานฟรานฯเป็นว่าเล่น คนครัวชาวลาวที่รู้จักพี่แจ๊ดตั้งแต่เปิดร้านนินทาพี่แจ๊ดกับผู้หญิงฝรั่งผมทองคนนั้นให้ดวงงามอย่างสนุกปากว่า ก็อีแหม่มคนนี้แหละไผ..คุณแจ๊ดใส่ชื่อมันในสัญญาให้เป็นเจ้าของร้านเพราะตอนนั้นคุณแจ๊ดยังไม่ได้ใบเขียว พอเปิดร้านได้ไม่เท่าไรก็เกิดเรื่องใหญ่ ผัวผู้หญิงแก่ๆของอีแหม่มผมทองคนนั้นมันตามมาทะเลาะกัน ตอนนั้นคุณแจ๊ดไปอยู่เมืองไทย โอ๊ย..มันตบกันฉาดๆ.. คนครัวเล่าไปก็ทำหน้าสยองขวัญไปด้วย ในที่สุดอีแหม่มแฟนคุณแจ๊ดก็ไม่เข้ามาที่ร้านอีก คุณแจ๊ดกลับมาก็ต้องไปเคลียร์เรื่องร้านกับอีแหม่มคนนั้น ตกลงว่าคุณแจ๊ดต้องคอยจ่ายเงินให้มันเพื่อที่จะใช้ชื่อมันเป็นเจ้าของร้านต่อไป.. ร้านอาหารไทย-จีนของพี่แจ๊ดมีชื่อร้านว่า ลิลลี่ออฟดิออเรี่ยน พี่แจ๊ดชอบดอกบัวเป็นชีวิตจินใจ จึงอยากจะให้มีชื่อร้านที่มีคำว่าดอกบัวอยู่ด้วย ดอกบัวนั้นที่อเมริกาเรียกกันว่า วอเตอร์ลิลลี่ พี่แจ๊ดเกรงว่าจะยาวไปก็เลยใช้แต่คำว่าลิลลี่และเติมออเรี่ยนเข้าไปเพื่อให้ฟังเป็นตะวันออกหน่อยๆ  เวลาพี่แจ๊ดกลับไปเมืองไทยจะมีคนมาช่วยดูแลร้านและทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแทนให้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีมากๆแต่จิตใจเป็นผู้หญิงชื่อ คุณน้องหมู คุณน้องหมูมาอยู่อเมริกาได้ห้าหกปีแล้วโดยเรียนหนังสือไปด้วยและมาทำงานที่ร้านด้วย เขามีแฟนหนุ่มฝรั่งเป็นตำรวจทางหลวงที่ชอบพอกันมาปีกว่าแล้ว นอกจากคุณน้องหมูแล้วก็ยังมีพนักงานเสิร์ฟประจำสองคนคือดวงงามกับ พี่หรั่ง ญาติห่างๆของคุณน้องหมูที่เรียจบปริญญาแล้วแต่ยังไม่อยากกลับเมืองไทย และมีเด็กนักเรียนไทยที่มาทำงานพาร์ทไทม์ผลัดเปลี่ยนกันสองสามคน มีคนลาวสองคนเป็นแม่ครัวหลักและมีลูกมือเป็นชาวแม๊กซิกันคนหนึ่ง หากเป็นช่วงที่พี่แจ๊ดมาประจำอยู่ที่อเมริกาพี่แจ๊ดก็จะเป็นกุ๊กเอง และวันไหนคนครัวขาดดวงงามก็จะเข้าไปทำหน้าที่แทน ดูๆก็น่าจะเป็นชีวิตที่ดีเลิศไม่น่าจะดิ้นรนอะไรมากไปกว่านี้แล้วสำหรับดวงงาม เรื่องที่พี่แจ๊ดจะพาเธอไปจดทะเบียนนั้นกลับทำให้ดวงงามไม่สู้แน่ใจอีกต่อไปว่าชีวิตมันจะดีขึ้นอย่างที่เขียนเล่าไปให้พี่สาวฟังหรือไม่...แต่หากว่ามันเป็นทางด่วนให้ลูกของเธอมาอยู่กับเธอได้ทำไมดวงงามจะไม่คว้่าโอกาสนี้ไว้ ขนาดคุณน้องหมูยังกรีดกราดด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอนำเรื่องไปปรึกษา ต๊่าย..ตาย..พีแจ๊ดนี่้สุดเริด ทันแฟชั่นคนซานฟรานจังเลย..อย่ารอช้าเชียวนะดวง..เดี๋ยวจะมีคนอื่นเข้าชิงตำแหน่งเสียก่อน พี่แจ๊ดยิ่งเป็นคนใจดีอยู่ แหม..เสียด๊าย เสียดายที่คุณริคแฟนฉันเขาเป็นตำรวจ ไม่งั้นละก็ฉันจะฉุดเขาไปเข้าพิธีบ้างถ้าไม่เกรงว่าเขาจะโดนผู้บังคับบัญชาเพ่งเล็ง แหม..คุณน้องหมูคะ ที่นี่เขาห้ามเลือกปฏิบัติไม่ใช่้หรือคะ ดวงงามท้วงด้วยเสียงขำๆ ฮู๊ย..ไอ้นั่นน่ะมันทฤษฏีย่ะ..ต่อให้อเมริกาล้ำหน้าใครต่อใครเรื่องสิทธิเสรีภาพก็ตาม ทางปฏิบัติน่ะ อีกนานกว่าจะยอมรับ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนี่น่ะ มันส่งผลถึงนาย ผู้บัญชาการตำรวจที่นี่น่ะเขามาจากการเลือกตั้ง อะัไรที่ทำให้เขาดูไม่ดีเขาก็ต้องกลัวฐานเสียงไว้ด้วย แล้วคุณลูกหมูก็ยักไหล่เมื่อเอ่ยต่อไปว่า สำหรับฉันไม่เดือดร้อนหรอกไอ้เรื่องได้แต่งงานหรือไม่นี่ มันก็แค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับดวงหากกระดาษใบนี้มันเป็นใบเบิกทางให้ลูกสาวได้มาอยู่ด้วย ฉันว่าดวงไม่ต้องคิดมากแล้ว..เออ..อย่าลืมมาเล่ารายละเอียดให้ฟังด้วยนะ..ทุกขั้นตอนนะ ในที่สุดดวงงามก็ตัดสินใจไปจดทะเบียนสมรสกับพี่แจ๊ด ตอนเย็นวันนั้นคุณน้องหมูก็แวะเข้ามาหาเธอที่ร้านก่อนร้านเปิดด้วยความอยากรู้ทั้งๆที่ไม่ใช่วันทำงาน กอร์ปทั้งพี่แจ๊ดยังไม่เข้ามาที่ร้าน ดังนั้นผู้มาร่วมฟังเหตุการณ์จึงขยายวงเพิ่มโดยมีพี่หรั่งและเหล่ากุ๊ก คุณลูกหมูเปิดฉากถามทันทีว่า แต่งงานเรียบร้อยแล้วซิ..หน้าตาสดชื่นเชียวยัยดวง ..เร๊ว..เล่ามา เล่าตั้งแต่ต้นเลยนะ ค่ะ..เรียบร้อยแล้วเมื่อเช้านี้เอง..ตอนแรกนะคะคุณน้องหมู ดวงตื่นเต้นมาก ใจคอไม่ค่อยดีเลย รู้่สึกอายๆอย่างไรก็ไม่รู้ ยิ่งพอไปถึงตึกซิตี้ฮอล ดวงขาสั่นเลย นักข่าวเต็มไปหมด..ซีเอนเอนก็ไป..พี่แจ๊ดบอกว่าช่องสี่ของซานฟรานบันทึกภาพเราตอนที่เราถือทะเบียนสมรสออกมาด้วย.. ว๊าย..มีนักข่าวด้วยเรอะ..ถ้ารู้นะจะไปหาเสื้่อผ้าสวยๆมาให้ดวงใส่ แหม..แล้วหล่อนแต่งตัวยังไงไปน่ะ ก็..นุ่งกางเกงสแล๊กธรรมดาน่ะค่ะ พี่แจ๊ดบอกดูข่าววันก่อนๆเห็นคนเขาก็แต่งตัวธรรมดาไป ไม่นึกว่านักข่าวยังเกาะติดเรื่องนี้อยู่ เพราะเรื่องนี้เริ่มไปตั้งหลายอาทิตย์แล้ว พี่หรั่งที่ฟังอยู่อย่างเงียบๆแต่แรกออกความคิดขึ้นบ้างว่า ที่จริงมันก็เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยนะ ฉันฟังข่าวดูว่ามีคนคัดค้านแยะมากๆ นักข่าวถึงยังเกาะติดสถานะการณ์ไงล่ะ เออ..แล้วตัวนายกเทศมนตรีเขายังเป็นคนมามอบทะเบียนให้ด้วยตัวเองหรือเปล่า ครั้นดวงงามพยักหน้าคุณลูกหมูก็ส่งเสียงกรีดกราดตามมาว่า อู๊ย..เป็นไง..ตัวจริงหล่อเหมือนในทีวีมั๊ย ..เสียด๊าย..เสียดาย..รู้อย่างงี้ไปด้วยดีกว่า อยากเห็น.. หล่อซิคุณน้องหมู..ตอนที่เขายื่นใบให้เขายังหันมาจับมือแสดงความยินดีกับพี่แจ๊ดด้วยล่ะ.. ดวงงามไม่อยากเล่าต่อว่าจริงๆแล้วนอกจากเธอจะประหม่าแล้วเธอยังรู้สึกขัดเขินมากๆที่เห็นผู้หญิงกับผู้หญิง ผู้ชายกับผู้ชายยืนจุมพิตกันด้วยความดีใจเพื่อให้ช่างภาพออกข่าว ดีว่าพี่แจ๊ดเข้าใจเธอดีว่าดวงงามอายจึงพาหลบนักข่าวออกทางด้านหลัง คิดเพลินๆดวงงามก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อคุณน้องหมูล้อเลียนไปในเรื่องหลังห้องนอน ดวงงามได้โอกาสจึงประกาศความจริงซึ่งก็คงไม่มีใครยอมเชื่อว่า ถึงพี่แจ๊ดกับดวงจะอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกัน เราก็อยู่กันคนละห้อง..ดวงพูดไปก็คงไม่มีใครเข้าใจว่าพี่แจ๊ดเขาเอ็นดูดวงด้วยใจจริง..ไม่เกี่ยวกับเรื่องอย่างที่คุณน้องหมูคิดหรอก ทุกคนทำสีหน้าไม่เชื่อจริงๆด้วย แต่ก็ไม่ใครพูดอะไรต่อ พอดีกับสุธัญย์ก้าวเข้ามาในร้าน สีหน้าที่ไม่สู้ดีนั้นทำให้ทุกคนเงียบกริบ ฉันจะต้องเดินทางไปเมืองไทยด่วน ป๋าเข้าโรงพยาบาล ว่าจะกลับไปสักเดือนหนึ่ง คงต้องกวนน้องหมูให้มาดูร้านให้อีกแล้ว..ดวง..คืนนี้เขียนจดหมายไปบอกพี่สาวดวงด้วยว่า พี่จะรับเปรียวไปอยู่ที่กรุงเทพฯกับพี่ พี่จะไปหาคนเลี้ยงเด็กให้มาอยู่กับเปรียวด้วย..ดีเหมือนกัน แม่พี่เขาจะได้มีเด็กไปอยู่ด้วยคลายเหงา รวดเร็วจนดวงงามตั้งตัวไม่ติด..เปรียวกำลังจะได้ไปอยู่กรุงเทพฯ อยู่บ้านดีๆของพี่แจ๊ด แม้ว่าทุกอย่างจะฟังดูดี แต่ลึกๆก็ยังกังวลอย่างบอกไม่ถูก เป็นไปได้อย่างไรที่อยู่ๆชีวิตเธอจะพบแต่เรื่องดีๆขึ้นมาอย่างนี้.. เสียงคุณน้องหมูแทรกความคิดของดวงงามขึ้นมาว่า แหม..ดวงนี่โชคดีจัง..ใครนะเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้หล่อน..ดวงงาม ช่างสมชื่อเสียจริงๆ ดวงงามอดนึกขำไม่ได้ นั่นซินะ ใครตั้งชื่อให้.. ก็ตอนเธอเกิดน่ะดวงชะตาของเธอและแม่ดีที่ไหนกัน.. ____________________________________
Note: ภาพจาก Broderbund ClickArt
|