*/
<< | กรกฎาคม 2019 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |
link @: เปลว สีเงิน : ฝังกลบ ศพฝ่ายค้าน ไปเรียบร้อยแล้ว!
สวัสดีครับ อันที่จริงก็ไม่เห็นจะมีประเด็นว่าทักษิณจะวางมือจากการเมืองแต่อย่างไร เพราะเขายังมองทะลุทีเดียวว่าจะกลับคืนสู่อำนาจ ได้อย่างไร ทั้งโดยตัวเองหรือนอมินีก็ตาม แต่ปรากฏว่ามีการพูดกันถึงดังพาดหัวข่าว : 3 บก.วิเคราะห์ "70 ปี ทักษิณ"วางมือทาง การเมืองหรือแกล้งตาย แต่ทั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า หลายฝ่ายได้ติดตามความเคลื่อนไหวของทักษิณและคนแวดล้อมอยู่แล้ว มีข่าวดีจากดูไบครับ คุณนาย .....
3 บก.วิเคราะห์ "70 ปี ทักษิณ"วางมือทางการเมืองหรือแกล้งตายวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 - 12:16 น.
![]() 3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น พลิกปูมเส้นทางชีวิต"ทักษิณ"ร่ำรวยก้าวกระโดดจากงบประมาณ-สัมปทานรัฐ วางมือทางการเมือง พลิกเกมแกล้งตาย ฟันธงวางมือเมื่อหยุดลมหายใจเท่านั้นนายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nation Group นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนายบากบั่น บุญเลิศ บรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จัดรายการเนชั่นสุดสัปดาห์ วิเคราะห์การเมือง ออกอากาศทางเนชั่นทีวีช่อง 22 ตอน 70 ปี ทักษิณ-จุดเปลี่ยนชีวิต วางมือทางการเมืองหรือแกล้งตาย โดยเบรกแรก เป็นการปูพื้นถึงประวัติของนายทักษิณ ชินวัตร ก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี จนมาถึงนายทักษิณคนหนีคุก โดยการเมืองไทยและการบัญชาการยังอยู่ที่"ทักษิณ"แทบทั้งสิ้น พลิกปูม ทักษิณ รวยจากงบประมาณ-สัมปทานรัฐ สำหรับเส้นทางการรับราชการของนายทักษิณ เริ่มต้นเมื่อปี 2516 ทักษิณจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เขารับตำแหน่งหัวหน้าแผนกแผน 6 กองวิจัย-วางแผน และรองผอ.ศูนย์ประมวลข่าวสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาล ต่อมาในปี 2518 เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และเป็นเลขานุการหรือตำรวจติดตามนายปรีดา พัฒนถาบุตร ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และมีโอกาสประสานงานใกล้ชิดกับพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ในสมัยที่เป็นเลขานุการของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อปี 2523 เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปกับการรับราชการตำรวจ มีกิจการโรงภาพยนตร์ แต่ขาดคุณคอนโดมิเนียม และตั้งบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ ให้กรมตำรวจเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ และเข้าสู่ช่วงจุดเปลี่ยนของชีวิตในปี 2529 ก่อตั้งบริษัทเอไอเอส ในปีต่อมาลาออกจากราชการตำรวจเพื่อทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือและธุรกิจเคเบิ้ลทีวีเต็มตัว กระทั่งธุรกิจประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด เมื่อเข้าสู่ยุคปฏิวัติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (รสช.) ในปี 2535 นายทักษิณขอประมูลดาวเทียมไทยคม จากพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หรือบิ๊กจ๊อด จนมีวลี “ถ้าไม่มีพี่ชาย ผมคนนี้ก็ไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีบิ๊กจ๊อดก็ไม่มีไทยคม” สะท้อนถึงคนที่เกลียดรัฐประหารมากแต่กลับได้ประโยชน์จากการรัฐประหาร และเมื่อนายทักษิณเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เพิ่มงบประมาณกลางปี 1.1 หมื่นล้านบาท โดยนำงบฯดังกล่าว ประมาณ 260 ล้านบาท ไปซื้อจานดาวเทียมของนายทักษิณ เนื่องจากในช่วงนั้นบริษัทเคเบิ้ลทีวีของนายทักษิณสั่งซื้อจานดาวเทียมเข้ามาจำหน่ายเป็นจำนวนมากแต่ขายไม่ออก จึงนำมาขายโละสต็อกให้กับโครงการการศึกษานอกโรงเรียน การประสบความสำเร็จทางธุรกิจของนายทักษิณจึงสวนทางกับสิ่งที่นายทักษิณเคยมาตลอดพูดว่าไม่เคยหากินจากความด้อยพัฒนาของประเทศ “ลุงจำลอง” ผู้แจ้งเกิด-แจ้งตายทางการเมือง ก่อนที่นายทักษิณจะเป็นนายกฯ หลีกเลี่ยงปัญหาคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นคดีซุกหุ้น จากการโอนหุ้นมูลค่าหลายพันล้านบาท ไปให้คนขับรถ ยาม คนรับใช้ และเลขา เป็นนอมินีถือหุ้นแทนเพื่อเลี่ยงปมคุณสมบัติรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อเป็นคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้เกิดปรากฏการณ์อัศวินควายดำ และวลีบกพร่องโดยสุจริต สร้างกระแสกดดันจนศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายทักษิณพ้นผิดในคดีซุกหุ้นไปแบบหวุดหวิด ด้วยมติ 8:7 ในขณะนั้นนายประเสริฐ นาสกุล ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุคำวินิจฉัยส่วนตนระบุว่า การปล่อยทักษิณจะสร้างความวิบัติให้บ้านเมือง คอรัปชั่นเชิงนโยบาย จุดตาย “ทักษิณ” ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 44-49 นายทักษิณ คอรัปชั่นเชิงนโยบายมากมาย แปรรูปรัฐวิสาหกิจ สนามบินสุวรรณภูมิ แปลงสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ 20,000 ล้านบาท มาเป็นภาษี จนเป็นผลให้นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ถูกพิพากษาจำคุก โดยข้อมูลการคอรัปชั่นต่างๆ นำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน โดยอ้างเหตุผลว่ารัฐบาลรักษาการของนายทักษิณก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงของคนในชาติ บริหารราชการส่อไปในทางทุจริตเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง แทรกแซงองค์กรอิสระ และดำเนินกิจกรรมทางการเมืองบางโอกาสหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
"ทักษิณ" หลังฉากการเมือง-ม็อบ หวังเอาตัวเองกลับบ้าน แต่ปรากฎว่านายทักษิณต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง เพราะศาลใกล้ตัดสินคดี จากนั้นรวมเป็นเวลา 13 ปี นายทักษิณไม่ได้กลับเข้าประเทศไทยอีกเลย แต่ยังคงมีบทบาทอยู่เบื้องหลังทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นายทักษิณยังอยู่เบื้องหลังการชุมนุมก่อความไม่สงบ หรือก่อจลาจลของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการชุมนุมในปี 2553 ซึ่งนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหาร มากถึง 890 คน เมื่อเข้าสู่ยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย หรือกฎหมายลักหลับ เพื่อนำทักษิณกลับบ้าน จนเป็นเหตุให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาเป็นแกนนำม็อบ กปปส. ขับไล่รัฐบาล และนำไปสู่การรัฐประหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อจากนั้นในช่วงรัฐบาล คสช. นายทักษิณยังคงมีบทบาททางการเมืองเรื่อยมา จนถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งนายทักษิณไม่ประสบความสำเร็จในภารกิจ “นายกฯคนที่ 4” แม้จะเปิดยุทธการแตกแบงค์พันก็ยังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง รวมเบ็ดเสร็จ นายทักษิณประกาศวางมือทางการเมืองมาแล้ว 8 ครั้ง เป็นการพูดด้วยตัวเอง 6 ครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้ง พูดผ่านนายนพดล ปัทมะ และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย 1 ครั้ง มาแล้วรวม 8 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 22 ต.ค.2549 , วันที่ 1 ม.ค. 2551 ,วันที่ 28 ก.พ.2551, วันที่ 22 ก.ย.2552,วันที่ 12 พ.ย.2552,วันที่ 15 เม.ย.2555, วันที่ 20 เม.ย.2557 และล่าสุดวันที่ 2 ธ.ค.2560 " ทักษิณ"จะวางมือทางการเมืองต่อเมื่อหยุดลมหายใจ ในเวลาใกล้เคียงกันนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนสนิทของนายทักษิณ ออกมาประกาศวางมือ ยุติบทบาททางการเมืองของตัวเอง ด้วยวัย 69 ปี ทำให้นายทักษิณถูกมองไปในมุมเดียวกัน ว่าอาจมีการต่อรองทางการเมืองเรื่องคดีของนายพานทองแท้หรือการพ่ายแพ้เลือกตั้ง กระแสความนิยมในตัวของนายทักษิณลดลงเปลี่ยนไปเทให้กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในทางการเมืองเมื่อนายทักษิณประกาศไม่จัดงานวันเกิด เวทีหรือช่องทางในการชักใยทางการเมืองควรจะปิดลง ท่อน้ำเลี้ยงจากฮ่องกงและดูไบอาจจะตันแล้ว รวมถึงการผ่าตัดโครงสร้างพรรคเพื่อไทย ถ่ายโอนอำนาจไปให้ “ 2 เจ๊ ” และปล่อยให้พรรคอนาคตใหม่เดินเกมนอกสภาฯ โดยส่งกุนซือกลุ่มคนเดือนตุลาไปเป็นฝ่ายสนับสนุน แต่หลังจากวิเคราะห์ว่าการเคลื่อนไปของพรรคอนาคตใหม่อาจไปต่อไม่ได้ จึงมีความเคลื่อนไหวและท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านการเมืองของหัวหน้าพรรค ให้อำนาจกำกับดูแลให้คำปรึกษาทางการเมืองด้านต่างประเทศ รวม 4 คน ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งประกาศวางมือทางการเมืองหลังพ้นตำแหน่งเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล มือกฎหมาย และนางนลินี ทวีสิน หัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ซึ่งเป็นคนที่นายทักษิณไว้วางใจ ที่ก่อนหน้านี้คล้ายจะไปจากพรรคเพื่อไทย แต่ล่าสุดยังอยู่ครบ แสดงให้เห็นว่านายทักษิณยังอยู่และพลิกเกมตลอด "แกล้งตายทางการเมือง..นายทักษิณจะวางมือทางการเมืองต่อเมื่อหยุดลมหายใจ " "ธนกร "ขอบคุณฝ่ายค้านอภิปราย แนะนโยบายให้รัฐบาลวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 - 15:43 น.
![]() "ธนกร"ขอบคุณฝ่ายค้านอภิปรายเสนอแนะนโยบายให้รัฐบาลผ่านไปด้วยดี แม้ตีรวนบ้าง ลั่น"บิ๊กตู่"ลุยงานทันที มั่นใจคดีเงินกู้กรุงไทยจบแล้วหลัง"อุตตม"แจงกลางสภาฯ27 ก.ค.62-นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องขอขอบคุณพรรคฝ่ายค้าน สมาชิกรัฐสภา ที่อภิปราย เสนอแนะนโยบายอย่างเต็มที่ แม้ว่ามีบางช่วงบรรยากาศตึงเครียดบ้างแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ทุกนโยบายก็ตอบโจทย์ของประเทศ สามารถสร้างความอยู่ดีกินดีให้ชาวบ้านได้อย่างแน่นอน จากนี้ไปรัฐบาลก็จะเร่งดำเนินนโยบายทันทีเพื่อพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ประชาชนคาดหวัง นายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทยนั้น นายอุตตมได้ชี้แจงอย่างชัดเจนที่สุดแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด นายอุตตม ยินดีที่มีการอภิปรายซักถามในสภาฯ เพราะได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนโดยองค์กรตรวจสอบหลักของประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีคำวินิจฉัยว่าไม่ได้กระทำผิด เพราะมีหลักฐานประจักษ์ชัดเจนไม่ได้ร่วมทำผิด และยึดมาตรฐานจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่โดยสมบูรณ์ เชื่อว่าสังคมเข้าใจตามที่ได้ชี้แจงในสภาฯ รัฐบาลสหรัฐประกาศจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง ปลายปีนี้วันที่ 27 กรกฎาคม 2562 - 08:26 น.
![]() รัฐบาลสหรัฐประกาศจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง ปลายปีนี้ปัจจุบันในสหรัฐมีการใช้โทษประหารชีวิตทั้งในระดับประเทศและอีก 29 รัฐ แต่ศาลกลางสหรัฐแทบไม่ค่อยบังคับใช้โทษประหาร ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐประกาศเมื่อวานให้เริ่มนำโทษประหารกลับมาใช้อีกครั้งปลายปีนี้ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาทันที วิลเลียม บารร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ ออกแถลงการณ์เมื่อวาน ระบุว่า สำนักงานทัณฑสถานของสหรัฐจะเริ่มลงโทษประหารนักโทษชาย 5 คน ช่วงเดือนน ธ.ค.ปีนี้่และ ม.ค.ปีหน้า โดยทั้งหมดต้องคดีฆาตกรรมหรือข่มขืนเด็กหรือผู้สูงอายุ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่ออาชญากรที่เลวร้ายที่สุด และเยียวยาจิตใจเหยื่อและครอบครัว สำหรับวิธีการประหารชีวิตให้ใช้ยาพิษชนิดเดียวคือ เพนโทบาร์บิทอล แทนการให้ยา 3 ชนิดอย่างที่เคยใช้ก่อนหน้านี้การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการยกเลิกการระงับโทษประหารชีวิตอย่างไม่เป็นทางการนับจากศาลกลางสหรัฐประหารนักโทษครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2546 จากคดีที่อดีตทหารผ่านศึกสงครามอ่าวเปอร์เซีย วัย 53 ปี ลักพาตัวและข่มขืนฆ่าทหารหญิง วัย 19 ปีเมื่อเดือน ก.พ. 2538ก่อนหน้านี้โทษประหารชีวิตถูกวินิจฉัยว่าผิดกฎหมายทั้งในระดับรัฐและประเทศตามคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐ และมีผลให้ถูกยกเลิกในปี 2515 แต่อีก 4 ปีต่อมาศาลให้รื้อฟื้นโทษประหารในบางรัฐ และในปี 2531 รัฐบาลกลางสหรัฐออกกฎหมายที่ให้ใช้โทษประหารในระดับประเทศได้อีกครั้ง แต่รัฐบาลกลางสหรัฐใช้โทษประหารกับนักโทษเพียง 3 คน ในช่วงปี 2531-2561 และปัจจุบันยังมีนักโทษ 62 คนรอการประหารตามคำสั่งศาลกลางอย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า การประหารชีวิตจะเริ่มได้จริงตามกำหนดหรือไม่ เพราะคาดว่าจะเจอการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อคัดค้าน ขณะเดียวกันมีเสียงวิจารณ์จากทั้งนักสิทธิมนุษยชนและพรรคเดโมแครตว่า รัฐบาลกลางควรเป็นกำลังสำคัญผลักดันการยุติโทษประหารชีวิต โดยวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส ที่ร่วมชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2020 ประกาศว่า จะยกเลิกโทษประหารชีวิต หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
"องค์กรเสรีไทย" จบเห่ เปิดฉาก "โลกล้อมไทย 2"วันที่ 27 กรกฎาคม 2562 - 09:22 น.
![]() ข่าวเนชั่นสุดสัปดาห์ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก 27-28 ก.ค.62************************* อันที่จริงบทบาทในการรวมพลคนเสื้อแดงเมืองลุงแซมเพื่ออวยพรวันเกิด “ทักษิณ ชินวัตร” ในช่วงเช้า (เวลาท้องถิ่น) วันที่ 26 กรกฎาคม 2562 น่าจะเป็นกิจกรรมของ “องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย” โดยการนำของจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการเสรีไทย กลายเป็นว่าผู้จัดงานตัวจริงคือกลุ่ม RED USA นำโดย “เชาว์ ซื่อแท้” เจ้าของกิจการนวดแผนไทยย่านเบลฟลาวเวอร์ ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมกับ “จอม เพชรประดับ” สื่อมวลชนอิสระ และ “สุนัย จุลพงศธร” อดีตส.ส.นครสวรรค์ ที่ไปใช้ชีวิตเร่ร่อนลี้ภัยอยู่ในสหรัฐมา 5 ปีแล้ว สุนัย จุลพงศธร- เชาว์ ซื่อแท้ จารุพงศ์และองค์กรเสรีไทยหายไปไหน? อาการแปลกๆ ขององค์กรเสรีไทยเริ่มจาก “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ได้ก่อตั้ง “สมาคมนักประชาธิปไตยไร้พรมแดน” ที่ปารีส ทั้งที่ตัวจรัลเอง ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดตั้งองค์กรเสรีไทยร่วมกับจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, จักรภพ เพ็ญแข และสุนัย จุลพงศธร กิจกรรมครั้งหลังสุดขององค์กรเสรีไทย คือการรวมพลคนเสื้อแดงในสหรัฐมารวมตัวในร้านอาหารที่แอลเอ เมื่อต้นปี 2561 แต่ปรากฏว่ามีคนมาร่วมชุมนุมหรอมแหรม งานกร่อยไปเลย เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 เฟซบุ๊ก Jaran Ditapichai “จรัล” ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักทฤษฎีและนักจัดตั้งมวลชน ได้โพสต์เชิงชี้แนะว่า “ผมขอเสนอปัญหาง่ายๆ ขบคิดกัน 1.เราจะเรียกรัฐบาลประยุทธ์ 2 อย่างไร รัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลอำนาจนิยมหรืออะไร นี่เป็นปัญหาทางยุทธวิธี 2.คำขวัญทางยุทธศาสตร์ขับไล่ หรือต่อต้านรัฐบาล หรืออะไร 3.จุดอ่อน-จุดแข็งของรัฐบาลประยุทธ์ 2 ขอเพิ่มอีกข้อ วันที่รัฐบาลนี้แถลงนโยบาย ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยควรไปชุมนุมประกาศจุดยืนหรือไม่” จึงไม่แปลกที่เกิดองค์กร “กลุ่มพลังประชาธิปไตยไร้พรมแดน” โดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้จัดกิจกรรมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว จุดเทียนนำแสงสว่างสู่สภาของประชาชนเมื่อตอนสายวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ที่ทำการรัฐสภาชั่วคราวหน้าทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ กิจกรรมจุดเทียนดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณการขับเคลื่อนของมวลชนคนรักทักษิณและเป็นการอวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้คนแดนไกล แกนนำกลุ่มพลังประชาธิปไตยไร้พรมแดนคือ “อุบลกาญจน์ อมรสิน” หรือ “สาว” หรือ “ดีเจสาวฝั่งโขง” แกนนำแดงเมืองอุบลฯ ผู้ผ่านสมรภูมิราชประสงค์มาอย่างโชกโชน จรัล ดิษฐาอภิชัย-อั้ม เนโกะ
“สาว” หรือ “ดีเจสาวฝั่งโขง” ไม่ใช่แกนนำแดงบ้านบ้าน เธอจัดอยู่ในกลุ่มเซเลบแดง และใกล้ชิดตระกูลชินวัตร เข้านอกออกในบ้านพักของทักษิณที่ดูไบได้ตลอดเวลา ดีเจสาวฝั่งโขงประกาศชัดจะต้องมีกิจกรรมเสวนาการเมืองต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ด้านกรุงปารีส จรัล ดิษฐาอภิชัย และอั้ม เนโกะ ได้ออกไปชูป้ายประท้วงประสานกับกลุ่มพลังประชาธิปไตยไร้พรมแดนที่หน้าสภาชั่วคราว สรุปว่าองค์กรเสรีไทยน่าจะขยับยากขึ้น จึงต้องปั้นองค์กรใหม่มาเคลื่อนไหวต่อสู้เอาชนะฝ่ายทหาร ตามยุทธศาสตร์โลกล้อมไทยของคนแดนไกล *****************//**************** 'โครงการหลวงเลอตอ' พลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 - 00:05 น.
ดำเนินงานสนองพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขาตลอดระยะเวลา 50 ปีการดำเนินงานโครงการหลวง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุด มูลนิธิโครงการหลวง จัดโครงการเยี่ยมชมการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่สูงทดแทนการปลูกฝิ่นและการทำไร่เลื่อนลอย ตามแนวทางพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ” อ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงลำดับที่ 35 ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ.2559 และเป็นโครงการหลวงลำดับสุดท้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งนี้เพื่อดำเนินงานสนองพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา พื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ รับผิดชอบครอบคลุม 2 อำเภอ คือ อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง สภาพทั่วไปเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ห่างไกล ทุรกันดาร ราษฎรยากจน ดำรงชีพด้วยการปลูกฝิ่นและบุกรุกป่าเพื่อปลูกข้าวโพด และด้วยความที่ชาวบ้านในพื้นที่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าปกาเกอะญอร้อยเปอร์เซ็นต์ การเข้ามาทำงานในพื้นที่ปัญหาจึงเป็นไปด้วยความยากลำบากในการสื่อสารกับชาวบ้าน ทางโครงการหลวงจึงต้องหาเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้มาช่วยเพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจและยอมรับ สมชาย เขียวแดง สมชาย เขียวแดง หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อ.แม่ระมาด จ.ตาก เล่าให้ฟังว่า ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เมื่อปี 2552-2553 ระบุว่าที่นี่เป็นแหล่งปลูกฝิ่นขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ เมื่อเดือนตุลาคม 2559 มูลนิธิโครงการหลวงจึงเริ่มเข้าดำเนินงานพัฒนาชุมชนบ้านเลอตอ ด้วยการนำแนวทางพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 และประสบการณ์การพัฒนาพื้นที่สูงตลอดระยะเวลา 50 ปีมารวมไว้ที่นี่ เพื่อลดขั้นตอนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการส่งเสริมให้ชาวบ้านมีอาชีพเป็นทางเลือก เพราะเรารู้อยู่ว่าถ้าตัดฝิ่นชาวบ้านจะเดือดร้อน หากยังไม่มีอาชีพรองรับ พวกเขาก็ไม่มีกิน ที่ผ่านมาชาวบ้านทำนาข้าวไม่พอกินผลผลิตต่อไร่ต่ำ พวกเขาจึงต้องถางป่าเพื่อปลูกข้าวไร่ และปลูกฝิ่นเพื่อให้มีรายได้ เส้นทางสู่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ "การส่งเสริมการทำนาและปลูกข้าวไร่ถือเป็นภารกิจหลักเพราะเป็นความมั่นคงทางด้านอาหาร ส่วนพืชรายได้อื่นๆ เกษตรกรจะเป็นคนเลือกเอง ตอนที่โครงการหลวงเข้ามาในพื้นที่แรกๆ เราส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกพืชระยะสั้นอย่างถั่วแขก ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 เดือนสามารถเก็บผลผลิตได้ แต่เมื่อมีการส่งเสริมอย่างจริงจังปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อพบว่าชาวบ้านสามารถปลูกและเก็บผลผลิตได้ แต่เราไม่สามารถขนออกจากพื้นที่ไปขายได้ เนื่องจากถนนไม่ดี ส่งผลให้พืชผักเสียหายไม่ได้คุณภาพ จึงต้องกลับมาปรับกระบวนการกันใหม่ ด้วยการประสานกับหน่วยงานราชการต่างๆ บูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน กระทั่งปี พ.ศ.2560 กรมทางหลวงชนบทได้จัดลำดับความสำคัญการพัฒนาเส้นทางขึ้น-ลงโครงการหลวงเลอตอเป็นลำดับแรก ชาวบ้านและจิตอาสาช่วยกันปลูกหญ้าแฝก อีกปัญหาหนึ่งคือ เลอตอมีความลาดชันสูงจึงต้องรณรงค์ปลูกหญ้าแฝกเพื่อช่วยยึดดินที่มีลักษณะเป็นดินทราย อีกทั้งดินเป็นกรดจัด ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ สภาพภูมิอากาศฝนไม่ตกแต่ครึ้มตลอด 4 เดือน ช่วงที่อากาศปิดถือเป็นข้อด้อยเพราะพืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ทำให้พืชอ่อนแอ เกิดการระบาดของโรคและแมลงต่างๆ เช่นพวกพืชผักแรกๆ พบว่าเกิดโรคราลงคะน้าฮ่องกง ส่วนกวางตุ้งขอบใบเน่าทั้งหมด ตอนนั้นชาวบ้านผิดหวังมาก เมื่อชาวบ้านขาดทุน โครงการหลวงก็ขาดทุน แต่ก็ทำให้เราได้ข้อมูลว่าแต่ละเดือนจะสามารถปลูกอะไรได้บ้าง" หัวหน้าสมชายเล่าด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น แปลงปลูกเสาวรส หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อธิบายต่อว่า ปัจจุบันเลอตอย่างเข้าสู่ปีที่ 3 เกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมมีกว่า 300 ราย ผลผลิตหลักได้แก่ กะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี คะน้าฮ่องกง เบบี้ฮ่องเต้ กวางตุ้ง ถั่วแขก มะเขือม่วงก้านเขียว ฟักทองญี่ปุ่น ถั่วฝักยาว พริกกะเหรี่ยง แตงกวา เคพกูสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ อโวคาโด มะม่วง ลิ้นจี่ กาแฟ แต่ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดตอนนี้คือ “เสาวรส” เพราะการเก็บเกี่ยวสามารถรอได้ ผลผลิตออกช่วงปลายฝนซึ่งตรงกับวิถีชาวบ้าน อย่างช่วงนี้ชาวบ้านทำนา พอหมดฤดูกาลทำนาค่อยมาปลูกผัก ขณะที่เสาวรสจะสุกหรือจัดการภายในฤดูหนาวและฤดูแล้ง โดยเป้าหมายหลักของเราคือพยายามให้ชาวบ้านทำเกษตรในพื้นที่น้อยๆ แต่ได้ผลผลิตสูง แปลงปลูกกวางตุ้งและเบบี้ฮ่องเต้ "สิ่งที่เรากำลังจะส่งเสริมต่อไปคือ “เกาลัดจีน” ด้วยสภาพพื้นที่เป็นป่าไม้ก่อ คิดว่าน่าจะฟื้นสภาพป่าโดยใช้ลักษณะของป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือให้ชาวบ้านปลูกเกาลัดจีน แมคคาเดเมีย เพราะแต่ละปีบ้านเรานำเข้าเกาลัดมาก จึงเริ่มเอามาปลูกที่นี่ปีนี้ เคยเอามาทดลองปีแรกๆ ก็เริ่มเห็นดอก ด้านสายพันธุ์นั้นเรามีแหล่งปลูกอยู่ที่อ่างขาง คัดเลือกพันธุ์เรียบร้อย แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนรับเรื่องการขยายพันธุ์ ผมจึงอาศัยความได้เปรียบที่ที่อื่นไม่ทำ แต่ก็ต้องมีการอบรมเพื่อให้ปลอดภัยเรื่องสารเคมีและได้ตรงตามมาตรฐาน นอกเหนือจากอาชีพการเกษตร พบว่ายังมีหัตถกรรม เครื่องจักสาน ปศุสัตว์ ที่เข้ามาสำรวจที่นี่มีโค กระบือ ค่อนข้างเยอะ แล้วเป็นธนาคารของเขา เราเพิ่มศักยภาพการเลี้ยงด้วยวิธีการสร้างแปลงหญ้า อาหาร ดูแลเรื่องสุขภาพ จากข้อมูลที่สำรวจที่นี่มีกลุ่มผู้เลี้ยงช้าง ประมาณ 15 เชือก ชาวบ้านรวมหุ้นกันแล้วซื้อเพื่อการเพาะพันธุ์ขาย ลูกช้างตัวละประมาณ 2 ล้านบาท จะมีกลุ่มปางช้าง เชียงใหม่ มาเช่าเพื่อบริการท่องเที่ยว ซึ่งการเลี้ยงช้างนี้ถือว่าเป็นอาชีพดั้งเดิมของคนที่นี่ สิ่งที่สำรวจตอนนี้คือจะนำเจ้าหน้าที่จากสถาบันคชบาลที่ลำปางมาอบรมให้ความรู้คนดูแลช้างให้ดียิ่งขึ้น" หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ให้ข้อมูล แปะแหละ บำเพ็ญขุนเขา ด้าน แปะแหละ บำเพ็ญขุนเขา อายุ 47 ปี 1 ใน 10 เกษตรกรรุ่นแรกของโครงการหลวง เล่าว่า ตัวเองมีพื้นทำเกษตรที่ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน เมื่อก่อนปลูกข้าวอย่างเดียวบางปีก็พอกินบางทีก็ไม่พอ ส่วนเงินใช้จ่ายมาจากการรับจ้างทั่วไป จากนั้นหันปลูกผักโดยเริ่มจากปลูกกลางแจ้ง แต่เจอปัญหาหลายอย่างทั้งหนอน และแมลง จนกระทั่งเข้ามาเป็นสมาชิกโครงการหลวงเมื่อปี 2559 มีเจ้าหน้าที่โครงการมาแนะนำให้ปลูกในโรงเรือน ทำให้ดูแลได้ง่ายกว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ 4 โรงเรือนปลูกทั้งเบบี้ฮ่องเต้ กวางตุ้ง และผักกาดขาว นอกจากนี้ยังมี เสาวรส กาแฟอาราบิก้า และสตรอเบอรี่ สลับกันไปตามฤดูกาลที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยกันประมาณ 4-5 คน ถือเป็นอาชีพหลักของครอบครัว แต่หากมีเวลาว่างก็จะออกไปรับจ้างด้วย แปลงปลูกกวางตุ้งและเบบี้ฮ่องเต้ "ตอนรู้ว่าโครงการหลวงจะมาตั้งที่นี่ก็อยากมาร่วมเป็นเกษตรกร เพราะก่อนหน้านี้เคยได้ฟังจากเพื่อนๆ ดอยอื่นว่า ถ้าทำงานร่วมกับโครงการหลวงแล้วอนาคตจะดีขึ้น จึงสมัครเข้าร่วมมาเป็นเกษตรกรโครงการหลวงตั้งแต่รุ่นแรก ชอบมากที่ได้ทำงานร่วมกันเป็นทีม และทางโครงการหลวงยังให้โอกาสเกษตรกรได้เลือกปลูกไม้ผล และพืชผักที่แต่ละคนสนใจ ปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น งานไม่หนักเท่าเมื่อก่อน อย่างการปลูกผักแม้รายได้จะไม่แน่นอนแต่ได้ต่อเนื่อง เพราะแต่ละโรงเรือนปลูกไม่พร้อมกัน โรงเรือนที่เก็บไปแล้วก็จะปลูกใหม่จึงมีกิจกรรมให้ทำตลอดทั้งปี จากจุดนี้เชื่อว่าชีวิตจะต้องดีขึ้นแน่ เพราะที่ผ่านมาที่นี่ไม่มีไฟฟ้า แต่พอมีโครงการหลวงเข้ามา ก็เริ่มมีถนน ชาวบ้านเดินทางกันสะดวกขึ้น พอเห็นถนน ก็เหมือนเห็นอนาคต” แปะแหละกล่าวด้วยสีหน้าและแววตาแห่งความหวัง อิทธิพล ดอยสะอาด ขณะที่ อิทธิพล ดอยสะอาด รองนายก อบต. ต.แม่ตื่น อ.แม่ระมาด วัย 47 ปี เกษตรกรรุ่นที่ 2 ปี 2561 เล่าว่า ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีรายได้ ต้องออกไปทำงานรับจ้างนอกพื้นที่ ถนนหนทางก็ลำบาก ทั้งยังมีครอบครัวที่ต้องดูแลจึงได้แต่ปลูกข้าวไร่ไว้กิน พร้อมกับปลูกข้าวโพด แต่เนื่องจากข้าวโพดต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ทั้งยังเป็นการทำลายป่าด้วย ต่อมาโครงการหลวงเข้ามาในพื้นที่และสนับสนุนให้ปลูกผักผลไม้แทน จึงหันมาเริ่มปลูกเสาวรสได้ประมาณ 1 ปีกว่า แม้การดูแลรักษาจะยากและต้องเจอปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะหน้าฝน แต่ได้เจ้าหน้าที่โครงการหลวงให้คำแนะนำและคอยติดตามผลตลอด จนได้ผลผลิตน่าพอใจ นอกจากเสาวรสแล้วยังมีผลไม้อื่นๆ เช่น ลิ้นจี่ พลับ และอโวคาโด ปลูกแซมกับเสาวรสด้วย และล่าสุดโครงการหลวงยังแนะนำให้ปลูกผักเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย แปลงปลูกเสาวรส “หลังจากที่เข้ามาร่วมเป็นเกษตรกรกับโครงการหลวง ปลูกเสาวรสแล้วรายได้ดีขึ้นมาก ชีวิตดีขึ้นเกินครึ่งเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เพราะเสาวรสนั้นระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือนเท่านั้น แต่จะเก็บผลผลิตได้ไม่พร้อมกัน ทยอยเก็บได้เรื่อยๆ ตามที่สุก และเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะนำไปส่งที่โครงการหลวงศูนย์เชียงใหม่ ถ้าไม่มีโครงการหลวงก็แย่เหมือนกัน เพราะต้องหาตลาดเอง ต้องไปส่งไกล กว่าจะถึงตลาดพืชผลก็ช้ำหมดกินไม่ได้แล้ว ผมภูมิใจมากๆ ที่มีโครงการหลวงเข้ามาในหมู่บ้านเรา ผมคิดว่าหมู่บ้านเราจะเจริญขึ้นเยอะ เปรียบเทียบอย่างเมื่อก่อนแย่มาก ถนนหนทางไม่มี ต้องเดิน อย่างชาวบ้านเวลาป่วยก็ต้องหามไปเพราะไม่มีรถ บางคนก็เสียชีวิตกลางทางก็มี แต่ตอนนี้เดินทางสะดวกขึ้น ปลูกผักผลไม้รายได้ก็ดีขึ้น เฉลี่ยรายได้เดือนละ 1 หมื่นบาท” อิทธิพลกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของมูลนิธิโครงการหลวง ช่วยให้ชาวไทยบนพื้นที่สูงสามารถประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ตอกย้ำความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ .................................................................. 27 กรกฎาคม 2562
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |