ช่วงต้นหนาว วันธรรมดา ภูสอยดาวมีคนไม่มากนัก ไม่ถึงกับเปล่าเปลี่ยว ไม่ถึงกับเดียวดาย มีนักท่องเที่ยว 4-5 กลุ่ม กลุ่มละ7-8 คน ที่แปลกกว่ากลุ่มอื่นคือมีสองหนุ่มสาวมากันตามลำพังสองคน ไม่ต้องทายก็รู้ว่าเป็นคู่รัก แผ่นหลังชายหนุ่มแบกเป้ใบโต ไหล่เรียวเล็กของหญิงสาวสะพายกล้อง ทั้งคู่ทอดน่องท่องไพรไปตามเส้นทางรกชัฏ เป็นเส้นทางเลียบเลาะธารน้ำตกกับไหล่เขา จากจุดแรกถึงลานสนระยะทางราว 6.5 กิโลเมตร ไม่มีทางอื่นให้เขาและเธอเลือกนอกจากทางเดินบนทางดิน ทางดินบนสันดอย ทางดอยกับรอยใจ จากพื้นราบด้านล่างได้พบธารน้ำใสไหลรินเป็นอันดับแรก น้ำตกภูสอยดาวไม่ใช่น้ำตกขนาดใหญ่แต่รินไหลลดหลั่นหลายชั้นหลายระดับยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าไรยิ่งได้เห็นลีลาอันงดงามของธารน้ำเหล่านั้น มันใสสะอาดจนสาวคมเข้มหยุดยืนถ่ายรูปมิรู้เบื่อ จนหนุ่มหล่อต้องกระตุ้นเตือนให้เดินต่อ “ไปเถอะ ยังอีกไกล” สูงขึ้นไป...แนวพรงไผ่แตกใบเขียวขจี สูงขึ้นไป...ป่าดิบแน่นหนาสลับกับทุ่งกูดผาบนสันเขา สูงขึ้นไป...สายหมอกก่อตัวแน่นหนา ในคราวที่สายลมหอบเมฆผ่านมา เส้นทางเขียวสายเปลี่ยวเปลี่ยนเป็นขุ่นขาว...ขาวโพลนปกคลุมป่า มองไม่เห็นแม้ยอดภูสูง ทางเดินสูงชันยาวเหยียด เหยียดตัวสู่ฟากฟ้าครามเข้ม หญิงสาวอ่อนแรง ผู้ชายยังแข็งขืน ขืนประคองร่างบางเล็กของคนรักให้ผ่านพ้นทางเนินสูงชัน ชันจนต้องแหงนหน้าขึ้นมองด้วยหวาดหวั่น ทางเดินสูงชันกัดกร่อนร่างกาย เม็ดเหงื่อผุดพราวบนใบหน้า แสดงให้รู้ว่าเธอเหนื่อยล้าอ่อนแรง...ทางเดินสูงชันกัดกร่อนแค่กาย มันมิอาจรุกล้ำเข้าไปในหัวใจ...ทั้งคู่ยังเดินต่อไป ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวหลายกลุ่มทะยอยหยุดพัก พักเป็นช่วงๆ ช่วงพักเป็นจังหวะได้ทักทายกัน ได้พูดคุยระหว่างเพื่อนกับเพื่อน ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า...ไม่เคยรู้จัก...ไม่เคยเห็น สุดท้ายคนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนร่วมทางในที่สุด น้ำเปล่าในกระติกกลายเป็นน้ำใจอันใหญ่ยิ่ง ลูกอมเพียงเม็ดเดียวที่เคยคุ้นวันนี้มันหวานหอมกลมกล่อม มิเคยลืมรสลูกอมเม็ดนั้นเลย การเดินทางกลางป่ามักเป็นเช่นนี้ ก่อเกิดมิตรไมตรีที่ดีต่อกันเสมอ เสน่ห์ของการเดินป่าไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง รายละเอียดระหว่างทางต่างหากที่สร้างรอยจำไว้ในหัวใจ กว่าจะถึงยอดภูทั้งคู่โรยแรงเหนื่อยล้า แต่ไม่ได้หมายความว่าถดถอย มวลเมฆเย็นล่องลอยกระทบร่างสร้างพลัง...สดชื่น...ตื่นจากอ่อนล้า ฝืนกายขึ้นไป ฝืนขึ้นไปถึงทุ่งดอกไม้ใต้เงาสน สนสามใบสดสวยงามง่า เป็นสนป่าจากสรวงสวรรค์ สนที่พลั้งเผลอมาผุดพราวบนแดนดินถิ่นมนุษย์ สนธยา ตะวันดวงเดียวเล่นซ่อนแอบหลังหมู่เมฆ แสงเหลืองส้มทาบทับฟากฟ้า ฉาบฉายทิวสน ส่องกระทบใบหน้าคนถ่ายภาพ...ภาพเงาคนปะปนกับเงาสน...สวยดี ตอนนี้คู่หนุ่มสาวมีเพื่อน เพื่อนช่วยถ่ายรูปคู่ให้ ให้ทั้งคู่มีรูป เอาไว้ดูเมื่อถึงคราวคิดถึง...ถึงอดีตที่งดงามตามสายธารแห่งการเดินทาง เวลาผันผ่าน ดวงสุริยาผู้ยิ่งใหญ่หายลับ กลางวันมืดดับ ความดำมืดครอบงำผืนภู แสงไฟจากกองฟืนสอดสลับรับแสงดาวพันหมื่น เป็นแสงดาวที่งดงามสมชื่อ “ภูสอยดาว” เวลาผ่านไป ลมแรงในคืนข้างแรมผัดผ่านมาเป็นจังหวะ แสงจากกองฟืนสะดุ้งตื่นไปกับสายลม เปลวเพลิงสะบัดไหว กิ่งสนแกว่งไกว ดวงดาวแวววาวอยู่แค่เอื้อม ครึ่งคืน น้ำค้างหยอดหยดรดเรือนร่าง อากาศเหน็บหนาวเติมเรื่องราวให้กกกอด..ระลึกถึง หญิงผิวคล้ำคมเข้มเบียดตัวชิดติดคนรัก ชายหนุ่มห่มคลุมคนรักด้วยดวงใจอันอบอุ่น เป็นอ้อมกอดอ่อนโยนและอบอุ่นกว่ากองไฟตรงหน้า ส่วนคนไร้รักแทรกตัวชิดติดกองฟืน อากาศหนาวเหน็บทำให้รู้สึกอิจฉา อิจฉาคนคู่ที่ตะกองกอดพรอดพร่ำ กระซิบคำว่ารักท่ามกลางดวงดาราพันหมื่น สุดท้าย เขากับเธอเดินหายลับไปกับเงาไพร ปลดปล่อยสายใยรักล่องลอยไปกับสายลมแห่งความสุข รุ่งสาง ยอดภูดูฉ่ำชื้น หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าสะท้อนแดดสดใส ผีเสื้อตัวใหญ่ขยับปีกเริงร่า แสงแดดบางเบาสาดกระทบดอกไม้นานา ผู้คนตื่นตาก้าวเท้าไปดู...ดูพวกมันตกดอกออกใบ แข่งกันอวดกลีบเกสรราวเกรงพันธุ์ภมรไม่เมียงมอง ดอกไม้ที่พบมีมากมายหลายชนิด หากนับรวมที่ผันผ่านเมื่อวานนี้มันมีมากเป็นสิบร้อย ทั้งไม้ดอกฤดูเดียว ไม้พุ่ม ไม้คลุมดิน กล้วยไม้ ไม้ยืนต้น อาทิ ดอกหงอนนาค (หน้าฝนบานเต็มลานสน) กระดุมเงิน กระดุมทอง หญ้าบัว กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ส่วนเจ้าดอกสีเหลืองๆ คล้ายดอกถั่วเบ่งบานอยู่เต็มท้องทุ่งเข้าใจว่าเป็นไม้ในวงศ์ Papilionacea (Fabacea) ลานภูเต็มไปด้วยดอกไม้ คนรักดอกไม้ไม่ว่าหญิงชายต่างมอบใจกายให้ภูแห่งนี้จนหมดสิ้น ยามสาย ชายหญิงบางกลุ่มเก็บเต็นท์ โบกมือลาเพื่อนใหม่ โบกมือลาภูสอยดาว ส่วนหญิงสาวกับชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะย้อนลงดอย ยังคงเดินดุ่มไปตามทุ่งหญ้าป่าสน ไม่แน่ใจว่าเขาต้องมนต์สนบนดอย หรือต้องมนต์เรื่องราวความรักที่เขากับเธอช่วยกันก่อขึ้นกันแน่ ม่านหมอกขุ่นขาวก้าวถอยออกจากยอดภู แสงแดดยามสายละลายน้ำค้างบนหยอดหญ้า ความงดงามของผืนป่าปกคลุมใจ ใจเอมอิ่ม อิ่มเอมใจ ...คิดถึงแต่เธอ...ไม่คิดถึงใคร...เจ้าภูสูงใหญ่...เจ้าภูสอยดาว...จากพรายทะเล |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |