20.00 น. เสียงหวูดรถไฟขบวน VN Trains Express ดังลั่น เป็นสัญญาณสุดท้ายก่อนทิ้งฮานอยไว้เบื้องหลัง โบกี้รถไฟแบ่งเป็นห้องๆ อย่างมีระเบียบ ห้องละ 4 เตียงๆ ละ 1 คน (2 ชั้น) ปลายเตียงมีที่เก็บกระเป๋า ผู้ร่วมทางนอนกันเร็ว ผมต้องนอนตามไปด้วยเพราะการเปิดไฟอ่านหนังสือโดยมีผู้อื่นหลับใหลอยูในที่เดียวกันไม่ใช่มารยาทที่ดีนัก เจ้างูเหล็กเลาะเลื้อยไปตามสันเขานานเท่าไรมิอาจทราบ เตียงด้านล่างเปิดม่านหน้าต่างจึงรู้ว่าฟ้าสาง ด้านนอกมองอะไรไม่ชัดถนัดตา เต็มไปด้วยม่านหมอก เข้าใจว่าอยู่บนไหล่เขาเพราะเจ้างูเหล็กเลาะเลื้อยส่ายไปมามิหยุดหย่อน จากนั้นไม่นานมันชะลอตัวและหยุดนิ่ง นั่นหมายความว่ามาถึงสถานีลาวไก สถานีปลายทางของคนรักขุนเขา หากพลขับดื้อดึงหรือดั้นด้นไปต่อ...เส้นทางสายนี้ทอดยาวเข้าสู่ดินแดนมังกรจีน แต่เส้นทางสายนี้ไม่ได้ใช้แล้ว (ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเปิดเชื่อมกัน เพื่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ) จากสถานีลาวไกเราใช้รถตู้เป็นพาหนะ ภายในรถอัดแน่นไปด้วยนักเดินทางต่างสีต่างพันธุ์มากันจากทั่วโลก รถลัดเลาะไปบนถนนคดโค้งและสูงชัน สูงขึ้นเป็นลำดับ บางช่วงบางตอนรถต้องชะลอตัวหรือหยุดเพื่อให้หมอกขุ่นขาวที่ปกคลุมถนนลอยตัวผ่านพ้น เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงรถตู้พาเราเข้าสู่เมืองในฝัน “ซาปา” ริมหน้าต่างในห้องพักชั้น 5 ของโรงแรมมองเห็นม่านหมอกหนาลอยตัวปกคลุมเมือง ปกคลุมเทือกเขากว้างไกล อากาศภายนอกเย็นเยียบ ต้องสวมแจ็กเก็ตหนา ซาปาหนาวเย็นตลอดทั้งปี โรงแรมที่พักในซาปามีทุกอย่างที่ควรมียกเว้นแอร์คอนดิชั่น หน้าหนาวๆ เหน็บเจ็บถึงกระดูก เย็นจนติดลบ บางปีหิมะตก หนาวเย็นแบบนี้ไม่ต้องมีแอร์ฯ แต่ต้องมีเครื่องปรับอุณภูมิ 9.00 น. หลังอาหารเช้า เจ้าหน้าทีโรงแรมจัดกลุ่มคนด้วยการแนะนำว่านักเดินทางคนใดอยู่กับใคร (กรณีซื้อทัวร์มาจากฮานอย) แล้วแนะนำสาวม้งหน้าอวบ (กะเตงลูกไว้ด้านหลัง) ให้เรารู้จัก เธอคือผู้นำทางในการพาเราไปชมหมู่บ้าน cat cat (อยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร) ส่วนพรุ่งนี้เดินไกลราว 10 กิโลเมตรเพื่อไปหมู่บ้านต้าหวัน ขณะเดินไปบนถนนลาดยางชื้นแฉะผ่านย่านร้านตลาดมีเพื่อนสาวชาวม้งมาร่วมทางอีกคนหนึ่ง เดินผ่านเมืองออกมาสู่ริมผา ถึงตอนนี้มองเห็นท้องนาขั้นบันไดลดหลั่นอยู่ตามไหล่เขากว้างไกลสุดตา น้ำตกเทียนซาขุ่นข้นเพราะสายฝนชะดินตะกอนลงมาจากนาข้าว อาจไม่สวยแต่ลีลาสายน้ำก็เร้าใจอยู่พอควร ขากลับเราเดินข้ามสะพานแขวนไต่ความสูงชันขึ้นมา ไกด์แม่ลูกอ่อนพาเดินลัดตัดคันนากับป่าข้าวโพดไม่ได้เดินไปบนถนนเหมือนขามา ตอนกลับถึงเร็วกว่าตอนไป เหนื่อยกว่านิดหน่อยเพราะย้อนรอยขึ้นเขา เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจทัวร์หมู่ในวันแรก ช่วงเย็นมีเวลาเหลือพอให้ออกเดินสำรวจซาปาด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากตลาดและไปสิ้นสุดที่ทะเลสาบกว้างใหญ่ (ไม่ไกลครับ) ทะเลสาบกลางเมืองเป็นที่พักผ่อนของคนซาปาและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเย็นนั้นบรรยากศดีมาก ทัศนียภาพโดยรวมมีบ้านเรือนหลังใหญ่เรียงรายอยูฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งมีผับเล็กๆ เรียงตัวอยู่เคียงข้าง ส่วนร้านที่เห็นว่าบรรยากาศดีที่สุดคือร้านติดทะเลสาบ ร้านนี้ขายเบียร์ยี่ห้อซาปากับน้ำผลไม้ (น้ำผลไม้ปั่นอร่อยมากครับ) นั่งชมทะเลสาบเพลิดเพลินกระทั่งแสงทองสุดท้ายหายไปจึงเดินผ่านความเหน็บหนาวเข้าสู่รวงรัง ก่อนถึงโรงแรมยังได้สนทนากับหนุ่มน้อยช่างแกะหินซึ่งมีฝีมือฉกาจพอตัว (หินแกะมีมากมายหลายรูปแบบ นับเป็นของที่ระลึกทรงคุณค่า ราคาไม่แพง) เช้าวันใหม่ หมอกหนายังลอยอ้อยอิ่งที่ริมหน้าต่าง คล้านจะลุก...คล้านขยับตัว แต่ทำไม่ได้ ไกด์แม่ลูกอ่อนรออยู่ ถ้าลงไปสายอาจอายเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ ด้วย วันนี้ต้องเดินเท้ายาวไกล 10 กิโลเมตร อาหารเช้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ตุนเอาไว้ให้มากเท่าที่เป็นไปได้ เดินผ่านเมือง เดินผ่านหมอก เดินออกมาสู่ความสงบเงียบ ถนนลาดยางแฉะชื้น ต้นไม้สองข้างทางชรอุ่มชุ่มเขียว ด้านซ้ายเป็นเขาสูง ด้านขวาเป็นหุบเหว มองเห็นชาวนาตัวจิ๋วปลูกข้าวอยู่บนนาขั้นบันได ชาวนาคราดไถด้วยควายอ้วนพลี (นาทีนึกถึงเมืองในหุบเขาที่มีนาขั้นบันไดเฉกแม่ฮ่องสอน) จากถนนลาดยาง เปลี่ยนมาเป็นทางเดินแคบเล็ก ผ่านป่าสน ผ่านป่าไผ่ ผ่านกลุ่มหมอกรำไรระเรี่ยยอดเขา เดินลงเนินมาเรื่อยๆ หมู่บ้านบนที่ราบในหุบเขา มีท้องนาขั้นบันไดแผ่ตัวเป็นวงกว้าง มีขุนเขาโอบกอดรอบด้าน มีธารน้ำใสรินไหลแทรกอยู่กับท้องนา ส่วนก้อนหินระเกระกะหลายขนาดในธารน้ำเป็นก้อนหินกลมเกลี้ยง ยามเมื่อสายน้ำชำแรกหิน...ก้อนเล็กกลิ้งไปตามกระแส ก้อนใหญ่ยังทนแรงเสียดทาน เสียงน้ำซอนเซาะธารหินเกิดเสียงเสนาะไพเราะจับใจ ทำให้หลงใหลและหลงรักตั้งแต่นาทีแรก เราเดินข้ามธารน้ำใสชื่อ Yellow Flower เดินไปที่บ้านไม้ริมธาร เป็นบ้านที่เปิดเป็นร้านอาหารสำหรับคนรักการแบกเป้ ภายในร้านมีนักเดินทางสองกลุ่ม กลุ่มแรกฝรั่ง กลุ่มหลังญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มหลังสุด (เรา) รวมกันหลายชาติหลายภาษา อาหารมื้อกลางวันประกอบด้วยขนมปังบาแกสต์ เนย เบคอน ไข่เจียว ผลไม้ อาหารประเภทนี้ปกติไม่ค่อยถูกปาก แต่มื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ (คงเหนื่อยจากการเดิน) ท้องอิ่มยิ้มออก...ออกเดิน...เดินไปสัมผัสหมู่บ้านต้าหวันแบบใกล้ชิด ขณะเดินสายฝนโปรยปรายลงมา...ลงมาบางๆ เสริมเพิ่มความงามให้งามซึ้งขึ้นไปอีก ที่ต้าหวันมี Home Stay ไม้สองชั้นไว้บริการนักท่องเที่ยว สัญญากับตัวเองว่าครั้งหน้าถ้ามีโอกาสมาซาปาอีกรอบรับรองไม่พลาด ต้องมานอนที่นี่เท่านั้น (อยากไปเดินป่าเขาฟานสีปันด้วย) ขากลับจากต้าหวันไม่ต้องเดินแล้ว เขามีรถบัสมารับ (รวมอยู่ในราคาทัวร์) ขณะรถบัสเคลื่อนตัวผ่านม่านหมอกผมคิดสรุปว่าหมู่บ้านต้าหวันเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม มีวิถีชีวิตเรียบง่ายที่เกษตรกรพึงทำและพึงมี ไม่มีอะไรเลิศหรู นอกจากความงามอันเป็นนิรันดร์ที่โอบกอดอยู่ทุกอณู ภาพสายหมอกหยอกเย้าเคล้ากาย ภาพธารารินไหลให้ความอุดม...คือความงดงาม...งามเกินบทบรรยายใดๆ จะนำเสนอได้ สิ่งหนึ่งในซาปาที่เก็บมาเป็นข้อคิดคือเขาใช้ชาวเขาเป็นไกด์ นำชนเผ่าเข้ามามีส่วนร่วมในการท่องเที่ยว ไม่ต้องแต่งตัวใหม่ชุดประจำกายที่ใช้คือชุดที่นักท่องเที่ยวพึงใจ ส่วนภาษาอังกฤษที่ไกด์ใช้ได้มาจากการเรียนที่โบสถ์คริสต์ (อยากให้ไกด์วัง ไกด์วัดพระแก้วของเราแต่งชุดไทยบ้าง) การดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวเกิดประโยชน์หลายด้าน เช่น รักษ์ถิ่น ดูแลธรรมชาติ มีรายได้ ฯลฯ ประโยชน์ดังกล่าวได้รับทั้งภาครัฐและภาคครัวเรือนครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและเข้ามาเยี่ยมเยือน ไว้มีโอกาสจะกลับมาเล่าเรื่องเวียดนามใต้ให้ฟังครับ...พรายทะเล
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |