หลอก...เคยโดนหลอกกันบ้างไหมครับ
เรื่องฮิตติดอันดับของประเทศไทยในเวลานี้ไม่มีเรื่องใดดังเท่าเรื่องการหลอกลวงให้เสียเงินหรือทรัพย์สินเงินทอง เสียตัว เสียใจ เสียอารมณ์ และอาจจะเสียอิสรภาพเพระถูกจองจำ

มันเหมือนสิ่งที่เน่าเปื่อยที่อยู่ภายในสังคมไทย นานวันเข้าสิ่งเน่าเปื่อยที่อยู่ภายในเหล่านั้นก็ประทุออกมาภายนอกให้สังคมได้เห็นและได้รับทราบ เมื่อเรื่องหนึ่งปะทุขึ้น อีกหลายๆ เรื่องก็ตามมาไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนไฟลามทุ่งนั่นแหละครับ
สมัยก่อน คนโบราณได้กล่าวว่า แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ แต่ปัจจุบันคงไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เพราะเพื่อนก็หลอกเพื่อน หมอก็หลอกหมอ แม้แต่ครูอาจารย์ก็หลอกครูอาจารย์ด้วยกัน
 
หรือเป็นไปได้ไหมครับว่า ไม่มีผู้ใดที่ไม่โดนหลอกในสมัยนี้ หรือหากไม่โดนหลอกก็คงไม่ทันสมัยแล้วละกระมัง
การหลอกระหว่างคนต่อคนนั้นไม่ค่อยเท่าไร แต่การหลอกระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้น เห็นแล้วเกิดความละอายใจว่าหากหน่วยงานของรัฐไม่มีคุณธรรมจริยธรรม แล้วจะถามหาคุณธรรมและจริยธรรมจากประชาชนได้อย่างไร
การหลอกในราชการนั้นอาจกระทำได้ง่ายหากหัวหน้าส่วนราชการมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสแกน (Scan) ลายมือลงในหนังสือราชการ นี่พูดถึงหนังสือเดี่ยวๆ นะครับ ไม่รวมถึงกรณีที่ทำหนังสือมากๆ แล้วมีผู้รับผิดชอบลงชื่อกำกับไว้แทน
หน่วยงานไหนที่ชอบทำเช่นนี้ก็รับผิดชอบกันเอาเองทั้งผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจนั้นเถิด
สำหรับการหลอกที่เกิดขึ้นระหว่างคนต่อคนนั้น ผู้เขียนเห็นว่าเกิดทั้งจากความไม่รู้จักพอหรืออาจเกิดขึ้นจากความสงสาร ความไม่ระวังตน และความไม่ทันคนของคนถูกหลอก
สำหรับความไม่รู้จักพอนั้น หากได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการใช้ชีวิตกันบ้าง การหลอกกันแม้จะยังมีอยู่แต่ก็คงจะไม่มากเท่าปัจจุบันนี้
ส่วนกรณีอื่นๆ เช่น ลงจากรถแล้วไม่ล็อครถทำให้ผู้อื่นเข้ามาได้ ขอยืมโทรศัพท์ใช้เพื่อประโยชน์เรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย ให้ช่วยถือของให้แล้วเจอยาเสพติด มีเด็กขอไปส่งที่บ้านแล้วถูกข่มขืน ถูกป้ายด้วยยามอบเมาแล้วรูดทรัพย์หรือข่มขืน ฯลฯ ซึ่งจาระไนไม่หวาดไม่ไหวนั้น ก็ต้องระวังตัวเองกันให้มากขึ้น
พยายามติดตามอ่านข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับการใช้วิธีการหลอกลวงแบบใหม่ๆ แล้วต้องไม่ปฏิบัติตนเพื่อไม่ให้ถูกกระทำเช่นบุคคลที่ถูกหลอกนั้นๆ
เพื่อนคนหนึ่งได้กล่าวว่า คนไทยนั้นชาชินกับการถูกหลอก เพราะถูกหลอกกันมาตั้งแต่เกิด ฟังแล้วก็งงครับ แต่เมื่อได้รับคำอธิบายก็ถึงบางอ้อ
เพราะสมัยเด็กๆ นั้น หากร้องไห้เพราะหิวนมหรือเหตุใดก็ตาม พ่อแม่หรือคนเลี้ยงก็จะเอานมยางใส่ปากให้ดูด เสียงร้องไห้ก็จะหายไป ฮิฮิฮิ

ครับ ก็อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ ดังนั้น เมื่อเติบโตขึ้นก็มักจะโดนหลอกอยู่เป็นประจำ
ผู้เขียนไม่ขอเขียนถึงเหตุการณ์ที่ถูกหลอกและอยู่ในกระบวนการของการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซินแสโชกุนในข้อหาตุ๋นทัวร์ญี่ปุ่น หมอเจอข้อหาโกงหมอกรณีหลอกทำทัวร์ และข้อหาที่กล่าวโทษอดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในข้อหาหลอกลวงเพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัยให้นำเงินไปร่วมลงทุนในสหกรณ์ลอตเตอรี่ที่ตั้งขึ้น
ทั้ง ๓ เรื่อง ข้างต้นบุคคลที่ถูกหลอกส่วนใหญ่ ก็หวังจะได้เงินให้มากขึ้นหรือได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวต่างประเทศ
ยังมีเรื่องถูกหลอกอีกมากมายที่เสียเงินแล้วไม่ได้ในสิ่งที่หวัง เช่น การซื้อขายตำแหน่ง การเสียเงินเพื่อให้สอบบรรจุได้ เป็นต้น
สิ่งที่อยากเขียนถึงคือการล่อลวงจากต่างประเทศที่ผู้เขียนเคยพบ เรื่องเหล่านี้สอบถามจากเพื่อนฝูงบางรายแล้วว่าได้รับการหลอกลวงเช่นกัน
เช่น กรณีที่ส่งอีเมล์ให้แล้วอ้างว่าสามีหรือภรรยาได้เสียชีวิตลง โดยที่มีมรดกเป็นจำนวนมาก จึงขอรายละเอียดของผู้ถูกหลอกเพื่อจะได้โอนเงินให้ ฯลฯ

เรื่องดังกล่าวข้างต้นนั้นปัจจุบันเป็นเรื่องเล็กเสียแล้วละครับ เพราะบุคคลเหล่านี้มีแต่ชื่อ ไม่มีหลักฐานหรือตัวตนที่จะสร้างความเชื่อถือให้แก่ผู้รับอีเมล์ได้
แต่กรณีที่ผู้เขียนเพิ่งได้รับนั้นก็เหลือเชื่อเหมือนกัน มีหลักฐานต่างๆ โชว์ให้เห็นจะจะเสียด้วย ส่วนจะเชื่อหรือไม่ เท็จหรือจริงแค่ไหนก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
เธอเริ่มต้นด้วยการเขียนข้อความทาง Facebook Messenger แนะนำตัวก่อนว่าเธอเป็นทหารอเมริกันยศสิบเอกทำหน้าที่พยาบาลในสนามรบที่ประเทศซีเรีย เพื่อให้มีความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เธอได้ส่งภาพถ่ายบัตรประจำตัวของหน่วยแพทย์ บัตรประจำตัวทหารและหนังสือเดินทางให้ด้วย
 
ได้ลงรูปบัตรประจำตัวของหน่วยแพทย์และบัตรประจำตัวทหารของเธอไว้ ส่วนรายละเอียดต่างๆ เช่น ภาพถ่าย ชื่อและยศ รวมทั้งวันทำบัตรและวันบัตรหมออายุนั้น ผู้เขียนได้นำออกหมดแล้ว
หลังจากนั้น เธอก็ขอเป็นเพื่อนใน Facebook ถามว่าทำไมถึงเลือกเป็นเพื่อน เธอก็ยกยอปอปั้นว่าผู้เขียนเป็นคนดี (ขอบคุณ ไม่ทราบได้ข้อมูลจากไหน ฮิฮิฮิ) ประกอบกับอายุอานามก็มากแล้ว น่าเชื่อถือ จึงขอเป็นเพื่อนและขอความช่วยเหลือ
เธอบรรยายต่อไปว่า ๒-๓ สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทหารอเมริกันได้ปะทะกับฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายทหารอเมริกันบาดเจ็บ แต่ได้สังหารฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตถึง ๑๖ คน

ในฐานะที่เธอเป็นพยาบาลในกองทัพจึงพร้อมกับเพื่อนๆ เดินทางไปที่จุดปะทะ ได้พบเห็นรถบรรทุก ๒ คัน จึงบังคับให้เปิดรถดูพบว่ามีธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐเป็นจำนวนมาก อีกคันหนึ่งก็มีมากเช่นกัน จึงแบ่งปันกันกับเพื่อนๆ เธอได้รับส่วนแบ่งถึง ๓.๕ ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
 
เธอได้ฝากเงินจำนวนนี้กับตัวแทนสภากาชาดสากล ซึ่งเป็นไปตามกฎของยูเอ็น แต่เธอไม่ไว้ใจตัวแทนสภากาชาดสากล นอกจากนั้น เมื่อเธอเสร็จภารกิจแล้วก็ไม่อาจนำเงินดังกล่าวกลับสหรัฐได้ จึงอยากให้ผู้เขียนแสดงตนเป็นผู้รับผลประโยชน์ เพื่อเธอจะโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของผู้เขียน
เมื่อเธอเสร็จภารกิจจากซีเรียแล้ว เธอจะมาที่เมืองไทย แล้วแบ่งเงินดังกล่าวกันคนละครึ่ง เพื่อเธอจะได้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย จึงขอรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เขียนดังรายละเอียดในภาพประกอบครับ 
สังเกตดูแบบฟอร์มข้างบนนี้ซิครับ ไม่ได้ทำไว้เพื่อผู้เขียนคนเดียวหรอกครับ
ถ้าตอบรับตามข้อเสนอและส่งข้อมูลให้เธอ ผู้เขียนอาจได้เงินครึ่งหนึ่งของเงินจำนวนนั้น (3.5X33/2) คือประมาณ ๕๗.๗๕ ล้านบาท ไม่รวยตอนนี้แล้วจะไปรวยเมื่อไรละครับ
แต่เงินจำนวนนี้จะมีที่มาตามที่เธอเล่ามาจริงหรือไม่ เป็นการฟอกเงินทางหนึ่งหรือไม่ หากเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดหรือจากการทุจริตผิดกฎหมาย เราจะเป็นอย่างไร ก็ติดคุกหัวโตซิครับ
เข้าไปดูในเฟสบุ๊กของเธอ มีเพื่อนเป็นคนไทยทั้งหมดถึง ๑๑ คน แล้วทำไมเธอถึงเลือกเรา เรามีความจำเป็นเรื่องเงินหรือไม่ ก็ไม่มี แล้วทำไมต้องเสี่ยง ก็เลยตอบเธอไปว่าเสียใจที่ไม่อาจรับเงินที่ไม่ได้จากการทำงานของตนเองได้ เธอก็ตอบขอบคุณ
ที่จริงก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้วละครับ แต่เมื่อ ๔-๕ วัน ที่ผ่านมามีทหารฝรั่งผู้หญิงยศสิบเอกเช่นกันขอเป็นเพื่อนมาอีก เพื่อไม่ไห้ต้องเสียเวลา จึงไม่รับเป็นเพื่อนและได้ลบทิ้งไปทั้งหมดเว้นแต่บทสนทนาใน messenger ของคนแรกซึ่งยังเก็บไว้ดูเล่น ไว้เตือนใจว่าอย่าคิดรวยทางลัด
ก็ฝากท่านผู้อ่านทุกท่านไว้พิจารณาด้วยครับ รอไว้รวยด้วยการซื้อลอตเตอรี่หรือซื้อหุ้น (ถ้าไม่ขาดทุนเสียก่อน) ก็ยังดีกว่ารวยแบบนี้นะครับ
พุธทรัพย์ มณีศรี
|