ครป.ประณามมือระเบิดยะลา-โต้เดือดกอ.รมน.
วันที่ 23 สิงหาคม 2562 - 08:03 น.
ครป.ประณามคนร้ายลอบวางระเบิดยะลา สวนกอ.รมน.หลงประเด็นบี้เอ็นจีโอแสดงจุดยืนต้านการใช้ความรุนแรง เย้ย 15 ปีแก้ปัญหาไม่ได้
23 สิงหาคม 2562 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า จากกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า เสาสัญญาณโทรศัพท์และตู้เอทีเอ็ม ในเขตพื้นที่ 4 อำเภอ จังหวัดยะลา นั้น
ครป.ขอประณามการใช้ความรุนแรงดังกล่าวซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบจำนวนมาก การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้นอกจากการแก้ไขปัญหาด้วยทางออกทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐใน กอ.รมน.ภาค 4 คงเข้าใจผิดที่ออกมาเรียกร้องให้นักสิทธิมนุษยชนออกมาเคลื่อนไหว เพราะพวกเขาคัดค้านความรุนแรงและรณรงค์เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว แต่หน้าที่รักษาความสงบเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง ในการใช้อำนาจนั้นแก้ปัญหาอาชญากรรมตามกฎหมายและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของทุกคน ส่วนองค์กรสิทธิมนุษยชนมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยชอบหรือไม่ ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนหรือไม่|
รัฐบาลและ กอ.รมน.ภาค 4 ใช้อำนาจแก้ไขปัญหามากว่า 15 ปี ทำไมแก้ไขปัญหาความรุนแรงไม่ได้ ยิ่งปราบก็ยิ่งมากขึ้น ไม่รู้ทำงานกันอย่างไร ใครแนะนำทางออกในการแก้ไขก็ไม่ฟัง ฝ่ายความมั่นคงในชายแดนภาคใต้คงจะอับจนหนทางแก้ไขแล้วจึงออกมาโยนภาระให้คนอื่นเข้าไปแก้ไขปัญหา ทั้งที่รัฐบาลมีงบประมาณใช้แก้ไขปัญหาปีละนับหมื่นล้านบาท เอาไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ต้องมีการตรวจสอบ ทั้งกำลังคน กำลังอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาล มีกฎหมายให้อำนาจมากมายหลายฉบับ หากแก้ไขปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรมไม่ได้ ก็ควรสั่งย้าย สั่งปลดผู้มีอำนาจที่รับผิดชอบให้หมด
สงสัยว่า ในความไม่สงบมีงบประมาณนับหมื่นล้านบาท ได้ใช้ทำอะไรบ้าง ยิ่งมีสถานการณ์ยิ่งได้ใช้งบประมาณหรือไม่ เพราะในสงครามความขัดแย้ง ย่อมมีผู้ได้รับประโยชน์อยู่เสมอจริงๆ แล้ว ความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความซับซ้อนเชิงอำนาจ แนวคิดการแบ่งแยกดินแดนนั้นเป็นเพียงประเด็นที่บางกลุ่มคิดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาพื้นฐานในพื้นที่นั่นได้ แต่เราก็ทราบกันดีว่า ถึงแม้อนาคตสมมุติว่าถึงจะมีการแยกตัวเป็นรัฐอิสระก็ไม่สามารถลดความขัดแย้งได้ เพราะหลังการแยกตัวมาเป็นรัฐอิสระก็จะแปรรูปมาเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มมุสลิมด้วยกันเอง
ด้วยเหตุที่มีชนชั้นปกครองที่เกิดใหม่แสวงประโยชน์และอำนาจให้แก่ตนและพวกของตน ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนคงต้องแก้ที่กลุ่มชนชั้นนำหรือชนชั้นปกครองที่ครอบงำแสวงประโยชน์อยู่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมุสลิมด้วยกันหรือไม่ก็ตาม หลายคนเห็นว่าการก่อการร้ายหรือความไม่สงบระยะหลังส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากการกระทำอาชญากรรมในลักษณะองค์กรจัดตั้งหรือการกระทำอาชญากรรมโดยองค์กรอาชญากรรมที่มีชนชั้นนำอยู่เบื้องหลังและมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเครือข่าย
เราเพิ่งประสบความสำเร็จเพียงน้อยนิดจากการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่มีนายทหารระดับพลโทอยู่ในกลุ่มผู้กระทำผิด แม้กระนั้น พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนต้องหนีตายโดยถูกข่มขู่จากการทำคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาและถูกย้ายลงไปทำงานที่ภาคใต้ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจต้องการใช้การก่อการร้ายในภาคใต้สวมรอยสังหารก็เป็นได้จนเขาต้องขอลี้ภัยไปต่างประเทศ
สำหรับเหตุการณ์ที่ยะลา กองทัพภาคที่ 4 และกอ.รมน. ควรตรวจสอบและหาผู้รับผิดชอบให้ได้ว่าใครทำและอยู่เบื้องหลัง ใช่ฝีมือของกลุ่มแยกดินแดนกลุ่มใดหรือไม่ หรือเป็น untouchable person ในพื้นที่หรือไม่ จึงได้แต่ออกมาในรูปการประณามเหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรในการแก้ไขปัญหานี้ ต้องจับคนร้ายและผู้บงการให้ได้
ปัญหาการสร้างเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บางส่วนเป็นการใช้กลุ่มอุดมการณ์มาบังไพรให้ตน สิ่งที่ผู้มีอำนาจควรทบทวนในห้วงเวลานี้คือ
บรรดากฎหมายพิเศษที่มาแทนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้นไม่สามารถลดหรือบรรเทาปัญหาได้จริง การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาซักถามได้ถึง 30 วัน โดยไม่ต้องตั้งข้อหา รวมทั้งไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าพวกเขากระทำความผิด หากพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ จะเป็นการเพิ่มปัญหาให้ขยายวงกว้างออกไปมากขึ้น รวมทั้งการใช้บุคลากรที่ไม่ได้รับการฝึกเพื่อทำการสืบสวนสอบสวน ได้เพิ่มความขัดแย้งกับประชาชนผู้บริสุทธิ์มาโดยตลอด เมื่อขาดทักษะข้างต้น เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายภารกิจมักจะใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ตนสงสัยเพื่อให้รับสารภาพ
มาตรการและการบริหารความขัดแย้งไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้ส่งข้าราชการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษไปปฏิบัติหน้าที่ในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ต้องใช้ทักษะอาชีพหรือความเชี่ยวชาญสูง รวมทั้งการสับเปลี่ยนผู้บริหารบ่อยๆ จนทำให้การบริหารจัดการในพื้นที่แปรเปลี่ยนตามตัวบุคคลบ่อยๆ จนเกิดผลกระทบทางลบ ทั้งสร้างความบาดหมางเพิ่มขึ้นและทำให้การแก้ไขปัญหาขาดเอกภาพและมีความสับสน
ไม่ได้ใช้มาตรการทางสังคมเพื่อแก้ไขที่มูลเหตุของปัญหาต่างๆ ได้แก่ ชาวไทยมุสลิมไม่สามารถเข้าเรียนตามการศึกษาขั้นพื้นฐานเพราะสถานศึกษาไม่ใช้ภาษาถิ่นเป็นภาษาหลักในการเรียน รวมทั้งมีนักเรียนจำนวนมากต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทำให้พลเมืองกลุ่มนี้ต้องทำงานในฐานะแรงงานไร้ฝีมือเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่สถาบันครอบครัวที่ไม่ได้รับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีพอ การที่พลเมืองส่วนหนึ่งต้องแต่งงานตั้งแต่ยังอายุไม่ถึง 18 ปี ทำให้ความสามารถในการเลี้ยงดูครอบครัวต่ำมาก ขาดทักษะการดำเนินชีวิต ทักษะการจัดการปัญหาและทักษะพ่อแม่ เป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ไม่สามารถชี้แนะแนวทางชีวิตให้แก่ลูกและเมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นก็จะยิ่งเหินห่างถูกละเลยมากขึ้น เป็นเหตุให้ถูกครอบงำชักจูงในทางร้ายได้ง่าย โดยเฉพาะการข้ามพรมแดนไปยังรัฐตอนเหนือของมาเลเซียเพื่อแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า จึงสุ่มเสี่ยงที่จะถูกครอบงำชักจูงโดยผู้นำทางการเมืองและศาสนาบางกลุ่มที่แสวงประโยชน์การเมืองและอำนาจเศรษฐกิจ
ไม่ได้ใช้มาตรการทางการศึกษาเพื่อเป็นทางเลือกในการเข้าเรียนในระบบโรงเรียน เพื่อให้เยาวชนเกิดความเข้าใจคำว่า "บรรลุศาสนภาวะ" อย่างถ้องแท้และเข้าใจ เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสมรสตามหลัก Shariah Law การเผยแพร่การฝึกทักษะการดำเนินชีวิต ทักษะการจัดการปัญหา ทักษะในการขอความช่วยเหลือและทักษะพ่อแม่ในการส่งเสริมสถาบันครอบครัวเพียงพอหรือไม่อย่างไรหรือไม่เลย
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่รัฐควรจำแนกกลุ่มก่อความไม่สงบที่กระทำเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง ออกจากกลุ่มที่กระทำเพื่อคุ้มครองธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ออกจากกัน โดยเฉพาะการสืบสวน-สอบสวนจับกุมข้าราชการที่เป็นเครือข่ายขององค์กรอาชญากรรมมาดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้น
การเมือง
5 รมต.ไม่ปล่อยหมวกส.ส....ขอสองเก้าอี้
วันที่ 23 สิงหาคม 2562 - 12:03 น.
"สมศักดิ์"เผย 5 รมต.เห็นคล้ายกัน ควบ"ส.ส." ต่อ ได้งานมากกว่าประสานแก้ปัญหา เวลาเข้าสภา ส.ส.คึกคัก คอยฝากเรื่องงาน-ปรึกษา
23 สิงหาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.
ทั้งนี้โดยให้ 5 รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พิจารณาลาออกจาก ส.ส.เพื่อให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพ ว่า ถ้ายังเป็น ส.ส.อยู่คิดว่าน่าจะได้งานมากกว่า เพราะหากห่าง ส.ส.ไป ปัญหาหรือการประสานต่าง ๆ อาจจะติดขัด และรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ทั้ง 5 คน ก็จะต้องเป็นเหมือนกัน คงยังไม่ถึงขั้นลาออก ส.ส.
“ถ้าเรายังเป็นอยู่ทั้งสองอย่างจะได้งานมากกว่ามั้ย หรือมีปัญหากับการปฏิบัติงานก็ต้องพิจารณากัน แต่ที่ดูๆ แล้ว คิดว่าที่เป็นอยู่นี้จะสามารถทำงานในภาพรวมทั้งหมดได้ดีกว่า โดยได้พูดคุยกันดูแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะทั้ง 5 คน ไม่ได้มีปัญหาอะไร และมันจะได้เรื่องการประสานงานกับ ส.ส.และรัฐบาล รวมถึงกระทรวงต่างๆ ได้ดีกว่า เวลารัฐมนตรีเข้าไปประชุมสภา ส.ส.เขาจะคึกคัก บางทีเขาก็จะฝากเรื่องงาน ปรึกษาหารืออะไรต่างๆ และความที่ ส.ส.ใหม่มีเข้ามาเยอะก็ไม่ได้คุ้นเคยรู้จักกัน จะได้เรื่องความสัมพันธ์และการประสานงาน ซึ่งมีความสำคัญสำหรับคนหมู่มาก ถ้ามี ส.ส.ใหม่ทั้งหมด แล้วรัฐมนตรีกับ ส.ส.ไม่รู้จักกันการทำงานสองสามอย่างในเวลาเดียวกันจะทำไม่ได้”นายสมศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นทั้ง 5 คน เห็นตรงกันแล้วใช่หรือไม่ว่า ไม่ต้องลาออกจาก ส.ส. นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คล้ายๆ กัน แต่ตนคงตอบแทนคนอื่นไม่ได้ ซึ่งในความคิดดูแล้วว่า การไม่ลาออก ส.ส.จะได้งานมากกว่า แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ต่อข้อถามที่ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการทำงานใน 2 สถานะ จะไม่สะดุด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ทำมาก็ทำได้ดี มติอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ได้หลุด แต่ต่อไปไม่แน่ใจ แล้วแต่สถานการณ์
ส่วนที่ ได้แจ้งความเห็นดังกล่าว ต่อ พล.อ.ประวิตร แล้วหรือยัง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้แจ้ง เราก็ประเมินตัวเราก่อนว่าเมื่อพบท่านแล้วจะเรียนท่านว่าอย่างไร เพราะท่านไม่ได้บอกให้ลาออก แค่บอกให้ดู ๆ เอา อะไรที่มันจะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมได้มากกว่าก็เอาตามนั้น
การเมือง
(คลิป) บิ๊กตู่ ชี้พอสถานการณ์เงียบก็สร้างเหตุบึ้มป่วนใต้
วันที่ 22 สิงหาคม 2562 - 17:38 น.
"บิ๊กตู่" ชี้ บึ้มป่วนใต้ พอสถานการณ์เงียบก็สร้างเหตุขึ้นสักที แฉมีประโคมข่าวลดความเชื่อมั่น ฝ่ายตรงข้ามต้องการแค่นี้ ลุ้น "คปต." ถกปลดล็อก กม.มั่นคงบางพื้นที่
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมสมช.ครั้งแรกของรัฐบาลปัจจุบัน มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมทั้งหมด โดยมีการพูดคุยถึงแนวนโยบาย รวมถึงการปฏิบัติต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนหลังมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนตัว เพียงแต่หัวหน้าคณะคนเดิมได้ลาออกไปเป็นส.ว. ขณะนี้รองหัวหน้าคณะทำหน้าที่อยู่ จนกว่าจะมีความพร้อม ซึ่งนโยบายพูดคุยนั้นมีความชัดเจนอยู่แล้ว ยังคงเดินหน้าต่อไปในการพูดคุยสันติสุข ก็ต้องดูว่าสิ่งที่ได้พูดจาหารือกันมานั้น สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้อย่างไรตามกฎหมายไทย เพราะเราต้องทำตามกระบวนการของกฎหมายไทยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการลดความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และการสร้างความเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ซึ่งฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่าง ก็มักจะใช้ความรุนแรงเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติมา พอสถานการณ์เงียบก็สร้างเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นสักที จากนั้น ก็มีการประโคมข่าวออกไป ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ฝ่ายตรงข้ามต้องการแค่นี้ จึงต้องขอฝากทุกคนให้ช่วยดูแล รัฐบาลและเจ้าหน้าที่พยายามทำทุกอย่าง โดยเฉพาะได้เน้นในเรื่องการพัฒนาและดำเนินโครงการต่างๆ ลงไปในพื้นที่ รวมทั้งการสร้างสถานประกอบการใหม่ๆ ซึ่งเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันมี 3-4 บริษัทใหญ่ที่เข้ามาลงทุน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการปลดล็อกกฎหมาย ทั้งพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 ส.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (คปต.) ในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมาสามารถลดลงไปได้ในพื้นที่ 5 อำเภอ ก็จะต้องมาพิจารณาดูว่าในพื้นที่อื่นจะสามารถทำได้หรือไม่ ต้องรอฟังความก้าวหน้าในที่ประชุมวันพรุ่งนี้.
ข่าวด่วน
อย่าเพิ่งรีบ ไพบูลย์ ซบพปชร.รอคะแนนก่อน
วันที่ 23 สิงหาคม 2562 - 11:16 น.
วิษณุ โยนกกต.แจงนับคะแนน ปาร์ตี้ลิสต์ หลังไพบูลย์ยื่นยุบพรรคตัวเอง ซบพปชร.ถ้าไม่เห็นด้วย ค่อยยื่นศาล
23 สิงหาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนของการนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ภายหลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยื่นเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูปและประกาศจะไปเป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)
โดยบอกว่า ให้ถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ดีกว่า เขาจะเป็นคนชี้ในเรื่องนี้ว่าจะต้องเอาคะแนนมาเฉลี่ยแบบไหน ตนไม่ขอตอบ
ส่วนจะต้องมีหลักการอย่างไรในเรื่องนี้อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เขาเตรียมแก้ปัญหาไว้แล้ว ในรัฐธรรมนูญให้กกต.เป็นฝ่ายคำนวณและเป็นคนตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการรวมคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ว่าสามารถรวมได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เริ่มต้นกกต.จะเป็นคนชี้ หลังจากนั้นถ้าเห็นว่ากกต.ชี้ไม่ถูก ก็ต้องไปศาล เหมือนการนับคะแนนครั้งที่แล้วก็เริ่มจากกกต.ก่อน กกต.ว่าอย่างไรถ้าเห็นด้วยก็จบ ไม่เห็นด้วยก็ไปศาล ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแต่ขั้นตอนต้องใช้เวลา ต้องมีกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รูปแบบนี้จะเป็นโมเดลให้พรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ พรรคอื่นคงไม่คิดทำอย่างนี้
ส่วนที่ เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เคย แต่บังเอิญตามรัฐธรรมนูญฉบับก่อนใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ฉบับนี้ใช้บัตรใบเดียว ดังนั้น จะทำอย่างไรก็ให้กกต.เป็นคนตอบ
ต่อข้อถามที่ว่า ประเด็นนี้จะเป็นปมที่นำไปพิจารณาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้
วิษณุ เปิดช่องฝ่ายค้านสิงหาฯซักฟอกได้
วันที่ 23 สิงหาคม 2562 - 12:56 น.
วิษณุ ลั่นรัฐบาล ไม่มีปัญหา ฝ่ายค้าน เปิดอภิปราย ภายในส.ค.ก็ไม่ติดอะไร หรือเลื่อนเป็นก.ย.ก็ได้
23 สิงหาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ประธานวิปรัฐบาลได้มาปรึกษาเรื่องวันที่จะมีการอภิปรายบ้างหรือยัง
โดยกล่าวว่า กับตนไม่มี แต่กับคนอื่นไม่ทราบ หากมีการหารือก็น่าจะเป็นการหารือกับฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายกฎหมาย กับรัฐบาลในที่นี้หมายถึงมีวิปอยู่แล้วที่จะต้องไปเจรจากันว่าจะเอากี่วันและเมื่อไหร่ ซึ่งในส่วนรัฐบาลไม่มีปัญหา เท่าที่ดูจริง ๆ ถ้าจัดในเดือนส.ค.ก็ไม่ได้ติดอะไร แต่ถ้าเผอิญทางสภาติดอะไร ก็เลื่อนไปเป็นเดือนก.ย.ได้ แต่รัฐบาลก็อยากรู้ล่วงหน้าเร็วพอสมควรเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะมีภารกิจและจะมีปัญหาไม่สะดวก โดยในวันที่ 18 กันยายน สภาจะปิดสมัยประชุมอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ ประธานสภาบอกว่าไม่เอาวันธรรมดา ก็ดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะประชุมวันเสาร์อาทิตย์
ต่อข้อถามที่ว่า ในการอภิปรายทั่วไป ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ตอบได้หรือไม่ เพราะเป็นการถามคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายวิษณุกล่าวว่า ตนตอบอย่างนั้นไม่ได้ เพราะตนไม่รู้ว่าจะถามใคร ถ้าเขาถามนายกฯ นายกฯก็ต้องตอบ แต่ถ้าถามครม. ใครรู้ก็ต้องตอบ ซึ่งก็มีคนที่รู้เรื่องอยู่หลายคน อีกไม่กี่วันคงชัดเจนขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม.เพื่อเตรียมความพร้อมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าญัตติมาก็ต้องเอาเข้าที่ประชุม เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นญัตติถามครม. ไม่ใช่ญัตติถามคนใดคนหนึ่ง ก็ส่งให้ครม.ชี้แจง ถ้าคำถามพุ่งตรงไปที่ใคร คนนั้นก็ต้องตอบ แต่ถ้ามาตรา 151 นั้นถามแค่คนใดคนหนึ่ง ซึ่งที่ตนอธิบายให้ฟังเพื่อจะบอกว่าต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม.