บ่ายสามโมงของวันเสาร์ ๒๙ กันยา ๕๐ ผมนั่งเรือจากเดอะมอลล์ บางกะปิ..ล่องไปตามคลองแสนแสบ ไปขึ้นที่ท่าตลาดโบ๊เบ๊..แล้วต่อรถเมล์สาย ๕๓ ลงป้ายหน้าวัดมกุฎกษัตริย์ฯ จุดหมายปลายทางในคราวนี้ เมื่อเวลา-สี่โมงเย็น..เท่ากับใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว (เหมือนทุกๆ ครั้ง ที่ผมจะไปร่วมงานศพ..ไม่ว่าสวดหรือเผา.. เพราะเป็นเส้นทางที่สะดวก รวดเร็วที่สุด สำหรับผู้อยู่ใน กทม.เวลานี้) .......................................................................................... ร่างของเขา..นอนอยู่บนตั่งเตียง..มีผ้าห่มสีฟ้าคลุม ยื่นมือมาให้แขกเหรื่อ ได้รดน้ำขอขมาลาโทษเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีคู่ชีวิตและลูกสาวทั้งสอง-คอยเขย่ามือและขาของร่างนั้น เหมือนกับอยากจะปลุกให้เขาลุกขึ้นมารับรู้ว่า.. ใครบ้าง..ที่กำลังมาเยี่ยมเยียนเขาเป็นครั้งสุดท้าย ผมบอกอย่างไม่อายเลยว่า...น้ำตาผมคลอเบ้า เหมือนเมื่อคราวที่ผมสูญเสียบิดาบังเกิดเกล้า เหมือนเมื่อคราวที่ผมรดน้ำมือ..ครูผล ใจสว่าง..ครูบำรุงสุข สีหอำไพ เมื่อหลายๆ ปีก่อนหน้านี้ ..................................................................................... และที่ผมต้องขอยกย่องเป็นพิเศษ.. เหมือนทุกๆ ครั้งที่เคยกล่าวยกย่องเสมอมานับสิบๆ ปี นั่นคือ..เสี่ยวิเชียร อัศว์ศิวกุล..แห่ง "นิธิทัศน์โปรโมชั่น" ผมไม่เคยประสบพบพาน-เสี่ยวิเชียร-มาเป็นสิบปี หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ..จนทำให้กิจการของเสี่ยล้มลุกคลุกคลาน แต่เย็นวันนี้..เสี่ยวิเชียร..ออกมาอาสาเป็นเจ้าภาพ คอยรับแขกเหรื่อที่มาอาลัย..กุ้ง กิตติคุณ เชียรสงค์..เป็นครั้งสุดท้าย จนทำให้ผมต้องขอคารวะ.. สุดยอดแห่งน้ำใจของ-เสี่ยวิเชียร-ผู้ยิ่งยง ...................................................................................... ผมขอปิดความในใจคืนนี้.. ด้วยบทกวีจาก.."ตู๋ นพชัย สก.๘๔"..เพื่อนของผม ที่กลั่นจากปลายปากกา..มอบแด่น้องรักคนนี้ 
เสียง-ก็เทวดามอบ ให้มา รูป -ก็เทวดาตรา แต่งปั้น ใจ -ก็ใจเทวดา ใหญ่ยิ่ง หนึ่งดอกกุหลาบนั้น ชื่อ-กุ้ง กิตติคุณ
|