ขณะที่กำลังนั่งเขียน blog นี้ แต่ละช่องในทีวี กำลังนำเสนอมุมมองของเหล่าเทพทั้งหลายที่ต่างวิเคราะห์ถึงการเมือง และครอบคลุมไปถึงเรื่องบุคคลที่เหมาะสมเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ สว. สลับกับภาพข่าวการปิดหีบ และการนับคณะแต่ละท้องที และผลรายงานคะแนนเป็นระยะๆ ...ส่วนตัวดิฉันเองก็ลุ้นในใจถึงคนที่ไปเลือกมาเช่นกัน นึกย้อนไปวันวาน ที่เพื่อนสนิทนางหนึ่งกล่าวขึ้นมาลอยๆ ขณะนั่งมาในรถเงียบๆ ว่า "เปลี่ยนใจหล่ะไม่ไปเลื่อก สว. ดีกว่า เดี๋ยวก็คงต้องไปเลือกตั้งใหม่ชุดใหญ่ในไม่ช้าอยู่แล้ว" ฉันรู้สึกขุ่นใจตะหงิดๆ ที่ได้ยินคนใกล้ตัวเอ่ย ประโยคยอดฮิตติดปากเหมือนแฟชั่นแบบนี้ การเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันคิดอย่างนี้ ส่วนตัวตรงที่ ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิที่จะนึกคิด แต่หากจะบอกเล่าถึงความรู้สึกตัวเอง คือไม่ควรกร่างถือความคิดของตัวเองว่าดีกว่าอีกฝ่าย ช่องว่างระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง คือสิทธิเสรีภาพในการที่เลือกจะทำ และเลือกจะเชื่อในมุมมองของตัวเอง เพื่อนตัวดีพูดแล้วก็นิ่งเงียบไป ฉันเองก็เงียบ ไม่ใช่เงียบเพราะเห็นด้วย และฝ่ายนั้นก็คงไม่ได้เงียบเพราะคิดว่าฉันจะเห็นด้วยหรือไม่ คงเพราะเราต่างมีเหตุผลเดียวกันคือ "ฉันคิดอย่างนี้เธอจะคิดอย่างไรก็ช่างเธอ" ----------------- จริงๆ ก็เบื่อนะ ปีๆ หนึ่งต้องไปเลือกตั้ง เลือกคน บ่อยเหมือนกับการไปจ่ายตลาดในยุคมืดที่ข้าวของแพง ที่ว่าอย่างนี้เพราะค่าครองชีพฝืดเคือง ข้าวของแพง สินค้าที่ดีเงินก็ไม่พอจับจ่ายซื้อหา ส่วนที่ซื้อหามาได้ก็มีรสชาดพอกล่อมแกล่ม หรือหากเป็นข้าวของเครื่องใช้ก็คุณภาพตกต่ำสมราคาที่แสนประหยัดเสียเหลือเกิน ทำให้ต้องคิดหน้าคิดหลัง และวางแผนว่าในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ แต่ละเดือน จะต้องออกจากบ้านไปจับจ่ายซื้อของเข้าบ้านกี่ครั้ง ต้องประหยัดอย่างไร ไปไหนต้องทำธุระกี่จุดในคราวเดียวกัน จะได้ไม่เสียเวลา เสียค่าน้ำมัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ตัวเองไม่ค่อยออกไปซื้อของบ่อยนัก เพราะการวางแผนการประหยัดเงินในแต่ละงวดของชีวิต.. แต่ยุคนี้การเลือกตั้งทำให้ฉันต้องออกจากบ้านไปใช้สิทธิเลือกคนที่คิดว่าดีที่สุดในหมู่คนดีมากดีปานกลางและดีน้อยสุดบ่อยกว่าการออกจากบ้านไปซื้อของ --------- เช้านี้ตื่นขึ้นมาแบบขี้เกียจนิดๆ แต่จะเอาอะไรแน่กับใจคน เมื่อฉันฉุกคิดเหมือนอย่างในโฆษณาที่ว่าหากไม่ไปใช้สิทธิคนที่ฉันอยากได้เข้าไปนั่งเก้าอี้ สว. งวดนี้ อาจจะไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่เพราะขาดคะแนนเสียงของฉันก็ได้ เลยทำให้ตั้งออกจากบ้านตอนสายๆ พร้อมกับเพื่อนจอมป่วนตัวดี ที่บอกว่าไม่ไปเลือก สว. งวดนี้ แต่กลับแต่งตัวรอ ทำหน้าแป้นแล้นยิ้มแฉ่งรออยู่อย่างเงียบๆ "อ้วน...เลือกเบอร์อะไร" เธอถามฉันขณะรถกำลังจะเลี้ยวเข้าไปยังสถานที่ตั้งซุ้มเลือกตั้งในเขตที่ฉันมีสิทธิ์ "โหมดประหยัดไฟ" ฉันบอกเรียบๆ ส่วนอีกฝ่ายยิ้มปากจะฉีกไปถึงแก้ม -------------------------- เสร็จจากการเลือกตั้ง เราสองคนไปแวะทำธุระที่โลตัสสาขาลาดพร้าว ชอบไปที่นี่ เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก และโลตัสเขาจัดสถานที่ไว้สำหรับรถของคนพิการไว้เป็นสัดส่วน ทำให้สะดวกสบายในเรื่องห้องน้ำคนพิการ ปรากฎว่า.....ไปเจอภาพเหตุการณ์ที่ดูเหมือนไม่ปกติ มีเจ้าหน้าที่หลายคนกำลังพยายามขอร้องคนขับรถคันหนึ่งที่เข้าไปจอดในช่องที่จัดไว้บริการลูกค้าที่พิการ ดูเหมือนว่า คนในรถคันนั้นจะไม่ยอมขยับออกจากช่องจอดรถ แต่ได้อ้างว่ารถเจ้านาย รอเจ้านาย... ฉันและเพื่อนค่อยๆ ขับรถเข้าช่องจอดรถ แต่ด้วยว่าพื้นที่จอดรถนั้นแคบไม่สามารถเปิดประตูรถให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารที่พิการลงได้ จึงต้องถอยหลังเข้าไปเพียงครึ่งแล้วลงไปยกรถเข็นท้ายรถอ้อมมาให้เพื่อนลง เจ้าหน้าที่(หลายคน)ดีมากเลยเข้ามาช่วยเหลือและบอกเล่าถึงปัญหาที่คนปกติแย่งที่จอดรถของคนพิการ แล้วพูดกันไม่รู้เรื่อง ฟังแล้วก็เข้าใจ และรู้สึกถึงความใส่ใจของเจ้าหน้าที่ห้างในเรื่องสิทธิของคนพิการ แล้วเรื่องก็จบลงด้วยดี เพราะฝ่ายโน้นคงมองเห็นภาพคนพิการลงรถอย่างทุลักทะเล ขลุกขลัก เพราะรถที่เขาจอดเกือบล้นขอบเส้นทำให้จอดลำบากมาก จึงได้ขับรถจากไป....เพิ่งเคยเห็นกรณีที่เจ้าหน้าที่กับคนปกติขัดแย้งกันเรื่องที่จอดรถคนพิการจะๆ ตาตรงนี้ก็ครั้งนี้เอง ฉันและเพื่อนจึงได้ถือโอกาสฝากข้อคิด และอยากให้แก้ไขปรับสภาพแวดล้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในช่องจอดรถของคนพิการเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ท่านนั้น(ยืนอยู่หลายคน) ได้ยินดีรับฟังและน้อมรับไว้พิจารณา..
----------------------- หลายครั้งที่เราไปเจอคนปกติจอดรถในช่องจอดรถคนพิการ...บางส่วนเป็นคนคนมีฐานะ... เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ(นี่เรื่องจริง) แล้วเจ้าหน้าที่ดูแลลานจอดรถส่วนมากก็จะบอกว่าไม่รู้จะพูดยังไง ก็เขาจะจอด บอกก็ไม่ฟัง ผมก็ผู้น้อย ฯลฯ ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากบอกกล่าวทุกท่านด้วยใจบริสุทธิ์ และขอให้คำนึงถึงความเป็นจริงที่ว่าลูกค้าทุกคนมาใช้บริการซื้อสินค้าหรือทำธุระในห้างเหมือนกันแต่ทางห้างก็ได้จัดพื้นที่มากมายรองรับคนปกติที่มาใช้บริการเอาไว้ให้ มันมากมายมหาศาลกว่าช่องจอดรถของคนพิการเพียงช่องสองช่องสามช่องเสียอีก พวกท่านทราบบ้างมั้ยว่า กว่าที่คนพิการจะมีที่จอดรถเฉพาะ ที่จัดเอาไว้ให้สะดวกตรงบริเวณทางเข้าออก หรือใกล้ลิฟท์ที่พวกท่านๆ เห็นอยู่นั้น คนพิการทุกประเภทเหล่านั้นเค้าต้องฝ่าฝันอุปสรรคมากมายเพียงใด กว่าผู้คนจะมองเห็นว่าพวกเขามีตัวตน และมีความต้องการเฉกเช่นคนปกติ พวกเขาไม่ได้สิ่งเหล่านี้มาได้ง่ายๆ มีคนพิการที่ยืนหยัดมาแล้วกี่รุ่น และล้มตายไปแล้วกี่คนกว่าจะเรียกร้องสิทธิอันพึงมีพึงได้นี้มา...ฝากให้ท่านทั้งหลายได้มองเห็นและเข้าใจด้วยเถอะนะคะ ขอบคุณเจ้าหน้าที่โลตัสสาขาลาดพร้าว ที่ท่านได้ทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิของคนพิการ ไม่ได้ทำให้แค่เพียงมีสักลักษณ์โลโก้ที่จอดรถคนพิการเพื่อประดับ หรือแค่ไว้ประชาสัมพันธ์ห้างให้ดูดี มีมาตรฐานและหลีกเลี่ยงข้อกำหนดกฎหมาย หรือสักแต่ว่ามีไว้เท่านั้น...หาก แต่ท่านทำด้วยหัวใจและความเข้าใจอย่างแท้จริง เมื่อทำธุระเสร็จ ที่กระจกหน้ารถมีนามบัตรเสียบเอาไว้ให้ใบหนึ่ง เมื่อกลับมาถึงบ้านได้พลิกดู ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า เจ้าหน้าที่ที่เราคุยด้วยนั้นเป็นถึงผู้อำนวยการสาขา ขอชื่นชมคุณนาตยา ไชยอุดม ผู้อำนวยการสาขา สาขาลาดพร้าว ไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะคะ และขอขอบพระคุณล่วงหน้าที่จะขยายที่รถจอดคนพิการให้กว้างขึ้นกว่าเดิม ----------------------- วันนี้รู้สึกดีใจ และอิ่มใจค่ะ ดีใจที่แม้ในสภาวะการณ์ที่ไม่มีความแน่นอนของรัฐบาลว่าจะอยู่ยาวนานแค่ไหน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ตามสิทธิทางกฎหมาย ไปใช้สิทธิเลือก สว. อิ่มใจ ที่ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งและทีมงาน กำลังทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิของคนพิการ
|