
เราผ่านความเจ็บปวดไปได้อย่างไร?
1. ฉันพกพาคำถามนี้กลับบ้าน หลังจากหลั่งน้ำตาอำลาความวุ่นวายไว้ที่เมืองหลวง ความกลัดกลุ้มถูกระบายออกไปบ้างแล้ว แต่ความเศร้ายังเป็นเจ้าของหัวใจ ฉันปกปิดมันด้วยรอยยิ้มและบทสนทนาครื้นเครงระหว่างญาติมิตร เพิ่งเข้าใจเพลงที่ชื่อว่า อย่าพาน้ำตากลับบ้านก็วันนี้ จะมีอารมณ์ใดชวนร้องไห้ ในขณะที่ความสุขและความอบอุ่นโอบกอดเราอยู่ตลอดเวลา วาบหนึ่งในสำนึก อยากจะหนีปัญหาและซ่อนตัวอยู่ที่บ้านแบบนี้อย่างคนขี้ขลาด แต่นั่นไม่ใช่วิสัยของฉันแน่ๆ
2. ฉันขวนขวายทำโน่นทำนี่ตลอด มือเท้าเป็นระวิง เพื่อไม่ให้ใจมันว่าง แล้วจ่อมจมอยู่กับความเศร้า วันนี้ฉันทำกับข้าวเสร็จตั้งแต่บ่าย ตอนเย็นเลยมีเวลาเข้าสวนกับแม่ เดินเลียบรางรถไฟไปผ่านทุ่งหญ้าคาที่รกสูงเกือบท่วมหัวเมื่อตอนเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้น ชอบเก็บดอกหญ้าคามามัดเป็นช่อ แล้วนำมาตีหัวกันเล่นกับพี่ชายอย่างสนุกสนาน แต่ตอนนี้กลับไม่มีดอกหญ้าคาสักดอกให้เห็น ฉันถามแม่ว่า ยังไม่ถึงฤดูกาลของมันเหรอ แม่หัวเราะ ดอกหญ้ามันไม่มีฤดูกาลหรอก ถึงเวลาออกดอกมันก็ออก แม่บอกอย่างนั้น อย่างหญ้าคา ไม่ต้องใส่ปุ๋ยบำรุงให้เหนื่อย แค่จุดไฟเผาครอก ไม่ช้าดอกก็ออกขาวโพลน ฉันนิ่งไปกับความลับของดอกหญ้าคา ก่อนจะปล่อยหัวใจให้ลู่ไหวไปตามแรงลม
3. ก่อนจะก้าวขึ้นรถทัวร์ที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง ฉันรู้สึกเบาตัวขึ้นอย่างประหลาด ทั้งที่สัมภาระของฝากหนักอึ้งเต็มสองบ่า วันนี้ฉันพร้อมจะตอบคำถามที่ตามกวนใจมาตลอดแล้ว เราผ่านความเจ็บปวดมาได้อย่างไร? คำตอบนั้นแฝงอยู่ในความลับของดอกหญ้าคา
.
*หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ นึกถึงวรรคหนึ่งของเพลงฤดูที่แตกต่าง หนึ่งในเพลงโปรด แล้วฉันก็ฮำเพลงนี้ไปตลอดทาง
|