คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
|  | ถ้าพูดถึงชื่อ ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ เมื่อสิบปีก่อน หลายคนคงนึกถึงนักแสดงหนุ่มหล่อ หน้าฝรั่ง ผู้สืบเชื้อสายมาจากวัง แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากลับเปลี่ยนลุคกลายเป็นหนุ่มเซอร์ ผมยาว ไว้หนวดไว้เคราแบบไม่แคร์โลก แล้วก่อตั้งวงร็อกเพื่อชีวิตนาม สิบล้อ จนมีเพลงฮิตติดชาร์ตกับเขาอยู่พอสมควร แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ฮิวโก้ กลับหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงบ้านเรา บ้างก็ว่าเขาไปเป็นนักดนตรีอยู่ที่อังกฤษ บ้างก็ว่าเขาไปแต่งเพลงให้กับบียองเซ่ บ้างก็ว่าเขาไปตกอับอยู่ต่างแดน จนในที่สุดก็มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการว่า เขาได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในต้นสังกัด Roc Nation ของแร็ปเปอร์ชื่อดังอย่าง เจย์ ซี และในวาระที่หนุ่มลูกครึ่งคนนี้ได้ถือโล่รางวัล โก อินเตอร์ กลับมาไทยอย่างเต็มภาคภูมิ คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการนั่งจับเข่าคุยกับเขา ถึงเส้นทาง 5 ปี ที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ที่ไหนมาก่อน โก อินเตอร์ เป็นความฝันของคุณหรือเปล่า จริงๆ ไม่เคยอยู่ในความคิดของเรานะ ไม่เคยรู้สึกอยากทำงานที่ไหนนอกจากเมืองไทย แต่มันเป็นเรื่องของโอกาสทองที่เข้ามาในชีวิต เราก็เลยต้องถามตัวเองว่าเราจะเอาจริงกับเส้นทางที่เราเดินอยู่แค่ไหน เรากล้าไปแข่งกับคนระดับโลกหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เราไม่อยากทิ้งประเทศ ไม่อยากทิ้งเพื่อนร่วมวง (สิบล้อ) ซึ่งมันต้องใช้ความเด็ดขาดมากพอสมควร แล้วโอกาสนั้นมาจากไหน มันเริ่มจากเมื่อ 5 ปีก่อนนักแต่งเพลงชาวอังกฤษที่ชื่อ อาแมนดา โกสท์ ที่แต่งเพลง Youre Beautiful ของ เจมส์ บลันต์ เขาได้ฟังเพลงภาษาอังกฤษของผมที่อยู่ในอัลบั้ม ซับน้ำตาอันดามัน ซึ่งร่วมกับ พี่แอ๊ด คาราบาว เขาเลยติดต่อชวนเราไปแต่งเพลงกับเขาที่อังกฤษ เราก็ไปแต่งให้เขาอยู่ 2 เพลงแล้วก็กลับมาทำงานกับวงสิบล้อต่อ ทีนี้มันไปเข้าหูกับค่ายเพลงค่ายหนึ่ง เขาเลยชวนเราไปเซ็นเป็นศิลปินในสังกัด แต่พอทำอัลบั้มจนเสร็จแล้ว คนที่เขาชวนเราเข้ามาเขาออกไป เราก็เลยโดนดองอยู่ตั้ง 2 ปี ช่วงนั้นรู้สึกอย่างไร มันผิดหวังมาก อัลบั้มเราอยู่ในมือแล้ว แต่เขาบอกว่าเราดีไม่พอ หลังจากมาบอกว่าเราดีพอแล้ว ที่มันทำให้เจ็บมากคือเราดันเลิกวงสิบล้อมา กว่าเราจะทำให้แฟนเพลงเข้าใจในสิ่งที่เราทำอยู่ได้มันเหนื่อยแทบตายแต่พอเลิกปุ๊บ ทุกอย่างมันก็จบแล้ว หลังจากนั้นผมก็กระเสือกกระสนไปเล่นกีตาร์โปร่งเสนอเพลงตามออฟฟิศค่ายเพลงต่างๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ ก็สมน้ำหน้าตัวเองเหมือนกัน สูญเสียความมั่นใจขนาดไหน เยอะ นอกจากความมั่นใจความอยากเป็นศิลปินมันก็พลอยหายไปด้วย เราก็ยิ่งย้อนคิดว่าถ้าอยู่เมืองไทยก็คงมีอะไรให้ทำแล้ว เราพอจะปั่นหุ้นตัวเองได้อยู่ ราคาก็ยังไม่ตกขนาดนั้น เซ็กซ์เทปก็ยังไม่มีหลุด (หัวเราะ) แล้วอะไรคือจุดหักเห อาแมนดา เขาได้ไปร่วมงานกับ บียองเซ่ เขาก็เลยเอาเพลง Disappear ของเราไปเสนอ ซึ่งเป็นเพลงเอกของอัลบั้มเราเลย แล้วบียองเซ่ดันเกิดชอบมากก็เลยขอไปใช้ในอัลบั้มของเขาเลย ทั้งที่วันนั้นเราเก็บกระเป๋าจะกลับไทยแล้ว เรียกเพื่อนฝรั่งมาล่ำลากันเรียบร้อย เสร็จแล้วโทรศัพท์อาแมนดาก็ดังขึ้นมา เราก็เลยกลายมาเป็นนักแต่งเพลงในสังกัดของ เจย์ ซี (สามีของบียองเซ่) ที่อเมริกา พอไปๆ มาๆ เขาก็ชวนเราเป็นศิลปินเดี่ยว ตอนนี้ถือว่าเลิกอินดี้แล้วหรือเปล่า ตอนทำสิบล้อคอนเซ็ปต์มันจัดมากพอสมควร แต่พอเราโตขึ้น เราก็มาทางป็อปมากขึ้น เรามองว่าศิลปินดังๆ ในอดีตถึงแม้ว่าเขาจะเก่งกาจขนาดไหน เขาก็เป็นศิลปินป็อปทั้งนั้น พอเราจริงจังในทางดนตรีมากขึ้น แน่นอนว่าเราก็ต้องลดความเป็นอินดี้ลง แล้วทำงานที่มีคนยอมรับเป็นวงกว้างมากขึ้น ไม่งั้นเราก็หากินไม่ได้ มันจะเป็นแค่งานอดิเรกน่ะ ตอนเราอยู่สิบล้อมันเหมือนปลอดภัยไง เราอินดี้ เราทวนกระแส พอใครไม่ชอบเราก็หาว่าเขาไม่แนว เขาหน่อมแน้ม ฟังกันแต่เพลงป็อป สิบล้อมันฮาร์ดเกินไปสำหรับพวกเอ็ง (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เราไม่ได้ว่ายทวนกระแสแล้ว เราอ้างแบบนั้นไม่ได้แล้ว การเป็นคนไทยมีผลอย่างไรในการทำงาน มันกลายเป็นว่าผมกลายเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดที่เขาเคยเจอ เราไม่มีปัญหาเลยว่าเราจะไปให้ร่วมงานกับใคร อยู่ดึกแค่ไหน เราไม่มีอีโก้เหมือนฝรั่งเขา เราเคารพคนที่มีประสบการณ์มากกว่า มีอายุมากกว่า ในขณะที่ฝรั่งเขาจะห้าว จะปฏิเสธรุ่นพี่ จริงๆ แล้ว อาจจะมีคนที่เก่งกว่าผมเยอะก็ได้ แต่ด้วยทัศนคติเขาทำงานด้วยยาก นั่นทำให้เขาไม่ถูกเลือกในท้ายที่สุด การเล่นสดในประเทศที่ไม่มีใครรู้จักคุณมันกดดันมากไหม ไม่เลย สนุกมาก เพราะมันไม่มีอะไรหนักหนาไปกว่าตอนทัวร์กับสิบล้อแล้ว เราเคยเล่นในสภาพที่หดหู่ มีคนวอล์กเอาต์ เพราะเราไม่เล่นเพลง คนไม่มีสิทธิ์ (เพลงประกอบละคร ลูกผู้ชายหัวใจเพชร ที่ฮิวโก้เล่นเอง ร้องเอง) แฟนละครโทร.มาด่าเรา นักวิจารณ์ก็บอกว่าเป็นลูกเจ้าทำไมไม่มีปัญญาหางานดีๆ ทำ เราเคยเล่นงานที่มีคนตีกัน งานที่เราโดนไฟช็อต งานที่มีแมลงบินเข้าปากเพราะเล่นกลางทุ่ง แม้แต่ในม็อบที่กำลังจะเกิดจลาจลก็เล่นมาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีสถานการณ์อะไรที่เรากลัวอีกแล้ว จัดการเรื่องชีวิตคู่อย่างไร ตั้งแต่เริ่มมาต่างประเทศก็แทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย แต่เราจะพยายามไม่อยู่ห่างกันเกิน 2-3 เดือน มันก็เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งด้วยนะ ในการซื่อสัตย์ต่อกันและอดทนต่อความเหงาที่เราต้องเจอ แต่พอเราแต่งงานแล้วเราก็ยิ่งสบายใจกันทั้งคู่ว่า เราติดตราประทับแล้วก็คงไม่ทิ้งกัน มันก็ไม่เคว้งถึงจะไม่อยู่ด้วยกันก็ตาม แถมเร็วๆ นี้ก็จะมีข่าวดีแล้วครับ (ยิ้ม) แผนชีวิตต่อจากนี้ ตอนนี้ผมออดิชันวงมาเรียบร้อยแล้ว ก็คงจะเดินสายเล่นคอนเสิร์ตตามประเทศต่างๆ อัลบั้ม Old Tyme Religion ก็จะวางแผงช่วงต้นปีหน้า ก็หวังว่าจะได้ทำอัลบั้มต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันเป็นขาขึ้น เราอยู่ในวัยที่ชิลมากไม่ได้แล้ว ต้องรีบทำงานมากๆ จะได้เกษียณเร็วๆ แล้วจะกลับมาไทย ขับรถเล่น นั่งดูทะเล กินลาบปลาดุก >>>>>>>>>>>
เรื่อง : ธรรมฤทธิ์ เอกสมิทธ์ |
|
|