กระแสข่าวการเมืองเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศและมีความชัดเจนมากขึ้นเป็นตามลำดับ ว่าจะมีการเลือกตั้งประมาณปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ประการสำคัญจะไม่มีปัจจัยใดๆ ที่จะเป็นสาเหตุให้การเลือกตั้งครั้งนี้เลื่อนกำหนดช่วงเวลาออกไปได้ โดยท่านนายกรัฐมนตรีหวังจะให้เรื่องของการเลือกตั้ง เป็นวาระอันสำคัญของประชาชนชาวไทยทุกคน ที่จะนำไปสู่ภาวะความนิ่งทางการเมือง เป็นการลดภาวะความขัดแย้ง ความแตกแยกของคนในชาติที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกตั้งจึงเป็นภารกิจทางการเมือง ที่หลายๆ คนได้ตั้งความมุ่งหมายไว้ว่า จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดข้อยุติลดข้อขัดแย้งและสามารถประสานความแตกแยกของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุผลที่ว่าผลการเลือกตั้งที่ปรากฏออกมานั้น คือเสียงสะท้อนที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิดของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ละบุคคล ตามแนวทางของการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยที่จะต้องยอมรับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ และต้องให้ความสำคัญกับเสียงส่วนน้อยอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามในสังคมการเมืองไทยยุคปัจจุบัน ได้มีรูปแบบวิธีการ ความเชื่อและแนวคิดทั้งด้านการเมืองและวิถีการดำเนินชีวิตปรับเปลี่ยนไป กล่าวคือคนไทยหลายคนขาดความจิตสำนึกในเรื่องประชาธิปไตย ยังไม่ยอมรับเรื่องราวและบุคคลที่มีความเห็นแตกต่าง มีความเชื่อมั่นยึดมั่นกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลงและเสื่อมคลาย โดยไม่มีเหตุผลใดๆ มาลบล้างได้ กลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองต่างๆ ก็พยายามสถาปนาและมีแนวทางในการทำงานการเมืองให้เป็นลัทธิความเชื่อที่ศักดิ์สิทธิ์ ดำเนินการปลูกฝัง มอมเมาให้ประชาชนเกิดความหลงเชื่ออย่างงมงาย ไม่ลืมหูลืมตา ขาดสติ มองผู้ที่มีความเห็นต่างจากตนเป็นศัตรูไปเสียหมด จนถึงกับมีการทำร้ายหรือทำลายชีวิตซึ่งกันและกัน สำหรับนักการเมืองนั้นถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายควบคุม สอดส่องให้ทุกคนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่ก็ยังมีนักการเมืองที่ใข้ช่องว่างของกฎหมายและใช้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลในลักษณะตัวแทนเป็นผู้กระทำแทน เช่น การซื้อสิทธิ์ขายเสียง การเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วง ก่อความรุนแรง การดำเนินงานเป็นผู้สนับสนุนให้มีกลุ่มการเมืองภาคประชาชน เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาวะทางการเมืองของไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ก็จะยังปรากฏให้เห็น ความสับสนวุ่นวายในบ้านเมือง ประชาชนมีความขัดแย้งและแตกแยก สภาพสังคมและเศรษฐกิจยังถดถอย ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ดีขึ้น นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงก็ยังมีการทุจริตคอรัปชั่น ที่ยังไม่มีระบบติดตาม ตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งอีกกี่ครั้งก็ตาม
|