
เงินที่แม่ให้วันละ 20 บาท แม่อยากให้ลูกแบ่งออกเป็น 4 กอง จะได้ไหมจ๊ะ
ทำไมเหรอแม่ ทำไมต้องแบ่งด้วยครับ เอาน่า ไว้ลูกโตขึ้น ก็จะรู้เองแหละ แล้วแบ่งยังไงล่ะครับแม่ ก็แบ่งออกเป็น 4 กองเท่า ๆ กัน 20 บาทก็กองละ 5 บาท 2 กองแรกลูกก็เอาไว้ใช้ เอาไว้ซื้อขนมกิน ส่วนกองที่ 3 ก็สำรองเผื่อเอาไว้ ถ้า 2 กองแรกไม่พอใช้ ก็มาใช้กองที่ 3 แล้วกองที่ 4 ล่ะครับแม่ เก็บไว้จ๊ะ หยอดกระปุกไว้ เก็บไว้ทำไมครับแม่ เก็บไว้เวลาจำเป็นไงจ๊ะ แล้วก็เก็บสะสมไว้ เผื่อว่าลูกอยากได้ของอะไรเป็นพิเศษไง อ๋อครับ ลูกทำได้ใช่ไหมจ๊ะ อืมม...ครับแม่ ผมจะลองทำดูครับ ................................................... ................................................... นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองโดยลำพัง นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ที่เวลานี้ มันแสนจะเลือนรางไปจากความทรงจำส่วนลึก ผมแทบจะไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดกับเรื่องส่วนตัวอย่างนี้เลย จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมกลับบ้าน นานมากแล้วอีกเช่นกัน ที่ผมไม่ได้เดินทางกลับมาบ้านเกิด ทั้งที่ถ้าวัดระยะทางจากเมืองหลวง ก็เพียงแค่ร้อยกว่ากิโลเมตร และใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น วันนี้ ผมเดินทางกลับบ้าน และเป็นการกลับมาอย่างไม่มีเหตุผลอะไรมากมาย นอกเสียจากความเหนื่อยล้า ต่อหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัวที่วนเวียนอยู่กับวันและคืนที่จำเจ ผมได้พบกับหญิงชราตรงหน้า ที่เหมือนกับคนแปลกหน้า ในวูบแรกที่ได้เห็น แต่หญิงชราตรงหน้า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น หญิงชราร่างเล็กหลังค้อม เดินงก ๆ เงิ่น ๆ เชื่องช้า เข้ามาหาผม พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ดึงริ้วรอยบนใบหน้าให้ยับย่นไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น ผมไม่รู้ตัวว่า น้ำตามันไหลออกมาจากสองตาได้อย่างไร เพราะทันทีที่ผมรู้สึกตัว ผมก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหญิงชราตรงหน้า ซุกใบหน้าหยาบกร้าน และหนวดเคราสาก ๆ เข้ากับอกอย่างไม่อายแก่สายตาของใครทั้งสิ้น มืออันสั่นเทาทั้งคู่ของหญิงชรา โอบร่างสูงใหญ่ไว้หลวม ๆ พร้อมกับตบฝ่ามือเบา ๆ ที่หลังและไหล่ ไม่รู้สิ ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แม่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มกว้าง แล้วก็ขยับตัวผมให้ห่างออกมา เพื่อจะเพ่งสายตามองลูกชายใกล้ ๆ ขณะที่มืออันสั่นเทา ค่อย ๆ เอื้อมปาดเช็ดน้ำตาเบา ๆ ผมกลับบ้านแล้วครับแม่ จ๊ะ ................................................... ................................................... แม่ไม่ได้ถามอะไรผมเลยสักคำ ที่แม่ทำคือ หาข้าวหาปลาให้ผมกิน แล้วก็นั่งดูผมกินข้าวอย่างมีความสุข เหมือนว่า ผมมีเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้แม่ฟัง แต่ผมไม่รู้ว่า ควรจะเล่าเรื่องราวมากมายที่ว่านั้นอย่างไร และไม่รู้ว่า ควรจะเริ่มต้นที่ตรงไหน แม่ยังนั่งมอง แล้วก็ยิ้มอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย แม่รอจนผมกินเสร็จเรียบร้อย ก็ลุกขึ้นเดินมาหยิบถ้วยชามจะเอาไปเก็บในครัว เมื่อผมลุกขึ้นจะเข้าไปช่วย แม่โบกมือวุ่นวาย แล้วก็ดุว่าให้นั่งอยู่เฉย ๆ หญิงชราร่างเล็กหลังค้อมตรงหน้า แก่ตัวลงไปมาก แม่ดูงก ๆ เงิ่น ๆ แต่ก็ยังจัดการกับเรื่องตรงหน้าได้อย่างเรียบร้อย นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองโดยลำพัง นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ที่เวลานี้ มันแสนจะเลือนรางไปจากความทรงจำส่วนลึก ผมแทบจะไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดกับเรื่องส่วนตัวอย่างนี้เลย จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมกลับบ้าน จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมอยู่กับหญิงชราร่างเล็กหลังค้อม ที่ทำอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ตรงหน้า ................................................... ................................................... ผมใช้เวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตช่วงหลังอยู่ที่เมืองหลวง หลังการเดินทางจากบ้านเกิด เพื่อมาศึกษาต่อ กระทั่งเรียนจบและเข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง และอีกที่หนึ่งไม่รู้อีกกี่ที่ ผมเป็น มนุษย์เงินเดือน เหมือนกับอีกหลาย ๆ คนที่เป็น มนุษย์เงินเดือน ผมเป็นเหมือน ๆ กับอีกหลาย ๆ คน และก็ใช้ชีวิตไม่ต่างกับอีกหลาย ๆ คน ชีวิตเดือนต่อเดือน ชีวิตผ่อนส่ง ชีวิตที่ยืมเอาอนาคตมาใช้ในปัจจุบัน โดยจงใจหลงลืมอดีตที่ผ่านพ้น เงินเดือนก็แค่เงินผ่านบัญชี เป็นตัวเลขในวันสิ้นเดือน และหมดไปในวันสิ้นเดือน เงินเดือนก็แค่ตัวเลขและตัวเงินในปัจจุบัน เพื่อชดใช้ให้กับการใช้ไปอดีต แล้วก็หยิบยืมเอาเงินในอนาคตจากใครต่อใครมากมาย เพื่อมาใช้ไปในปัจจุบัน ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเครดิต และก็ใช้จ่ายชีวิต ผ่านเครดิตที่ใครต่อใครสมมุติให้มีและให้ใช้ ทั้งหมดคือชีวิตปัจจุบัน และทั้งหมดก็คือชีวิตร่วมสมัย ผมเป็นเช่นนี้ เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ คนที่เป็นเช่นนี้ ได้มาแล้วก็หมดไป และแม้จะยังไม่ได้มา ก็พร้อมจะหมดไป ................................................... ................................................... นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองโดยลำพัง นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ที่เวลานี้ มันแสนจะเลือนรางไปจากความทรงจำส่วนลึก ผมแทบจะไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดกับเรื่องส่วนตัวอย่างนี้เลย จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมกลับบ้าน ผมรู้สึกได้ เมื่อมืออันสั่นเทาทั้งคู่ของหญิงชราร่างเล็กหลังค้อม บรรจงห่มผ้าห่มผืนบางคลุมลงบนร่างของลูกชายเบา ๆ มืออันสั่นเทาทั้งคู่ของหญิงชราร่างเล็กหลังค้อม หยุดนิ่งลงครู่หนึ่ง เมื่อผมแกล้งขยับพลิกตัว แต่ก็เพียงครู่เดียว เมื่อผมอยู่นิ่ง ผ้าห่มผืนบางก็ถูกลากขึ้นจนคลุมได้ทั้งตัว ในความมืด คล้ายกับว่า ผมได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ผมยิ้มตอบ ก่อนจะหลับไปอย่างไม่รู้ตัว... เงินที่แม่ให้วันละ 20 บาท แม่อยากให้ลูกแบ่งออกเป็น 4 กอง จะได้ไหมจ๊ะ ทำไมเหรอแม่ ทำไมต้องแบ่งด้วยครับ เอาน่า ไว้ลูกโตขึ้น ก็จะรู้เองแหละ แล้วแบ่งยังไงล่ะครับแม่ ก็แบ่งออกเป็น 4 กองเท่า ๆ กัน 20 บาทก็กองละ 5 บาท 2 กองแรกลูกก็เอาไว้ใช้ เอาไว้ซื้อขนมกิน ส่วนกองที่ 3 ก็สำรองเผื่อเอาไว้ ถ้า 2 กองแรกไม่พอใช้ ก็มาใช้กองที่ 3 แล้วกองที่ 4 ล่ะครับแม่ เก็บไว้จ๊ะ หยอดกระปุกไว้ เก็บไว้ทำไมครับแม่ เก็บไว้เวลาจำเป็นไงจ๊ะ แล้วก็เก็บสะสมไว้ เผื่อว่าลูกอยากได้ของอะไรเป็นพิเศษไง อ๋อครับ ลูกทำได้ใช่ไหมจ๊ะ อืมม...ครับแม่ ผมจะลองทำดูครับ แสงสีทองอ่อนโยน มาพร้อมกับสายลมบาง ๆ ลอดช่องหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สองบานตรงหัวเตียงเข้ามาทักทาย ผมหยีตาทั้งคู่ขึ้นมองช้า ๆ มีเงาตะคุ่มปลายเตียงยืนมองอยู่ ผมเผลอขยี้ตาเล็ก ๆ ด้วยความไม่แน่ใจ หญิงชราร่างเล็กหลังค้อม ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยยับย่น ยืนยิ้มกว้างอย่างอบอุ่น แม่ครับ เมื่อคืนผมฝัน จ๊ะ ผมฝันถึงเรื่องที่แม่สอนตอนเด็ก ๆ จ๊ะ อืมม... แม่ครับ หรือว่าผมไม่ได้ฝัน ผมจำได้แม่นเลยนะครับ หญิงชราร่างเล็กหลังค้อมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มกว้างให้ พร้อมกับเดินเข้ามาหาช้า ๆ มืออันสั่นเทาทั้งคู่ของแม่ ถือของอะไรบางอย่างไว้ในมือ และก็เหมือนกับว่า ของในมือจะหนักเอาการอยู่ไม่น้อย แม่ยื่นของในมือส่งให้ ผมรับมาถือไว้อย่างงง ๆ อะไรครับแม่ กระปุกของลูกไงจ๊ะ กระปุก ? ใช่จ๊ะ กระปุกออมสิน จำได้ไหมจ๊ะ ที่ตอนเด็ก ๆ ลูกหยอดเงินเก็บเอาไว้ทุกวันไง ของผมเหรอครับ ? จ๊ะ ของลูก แม่เก็บเอาไว้ให้ ยังมีอยู่ข้างนอกอีกหลายอันเลยจ๊ะ แม่ครับ... อะไรจ๊ะ เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับแม่ ................................................... ................................................... นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองโดยลำพัง นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ที่เวลานี้ มันแสนจะเลือนรางไปจากความทรงจำส่วนลึก ผมแทบจะไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดกับเรื่องส่วนตัวอย่างนี้เลย จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมกลับบ้าน จนกระทั่งวันนี้ วันที่หญิงชราร่างเล็กหลังค้อมตรงหน้า ยื่นกระปุกออมสินใบเล็ก ๆ หลายใบ ที่ในนั้นมีเงินเหรียญอัดแน่นเต็มไปหมดให้กับผม ผมนึกถึงคำสอนของแม่ ผมนึกถึง เงิน 4 กอง ที่แม่เคยถามผมตอนเด็ก ๆ ว่า ทำได้ไหม ผมยังจำได้ถึงคำถามที่ผมเคยถามแม่ว่า แบ่งเงิน 4 กองไปทำไม และผมก็ยังจำคำตอบที่แม่บอกว่า โตขึ้นก็จะรู้เอง ผมไม่เพียงไม่เคยรู้ ไม่เพียงไม่เคยคิดที่จะรู้ และไม่เพียงไม่เคยคิดที่จะทำ ตามคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับแม่ แต่ผมยังจงใจที่จะลืมเลือนสิ่งที่แม่สอนอีกด้วย นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองโดยลำพัง นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ผมแทบจะไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดกับเรื่องส่วนตัวอย่างนี้เลย จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมกลับบ้าน จนกระทั่งวันนี้ วันที่หญิงชราร่างเล็กหลังค้อมตรงหน้า ยื่นกระปุกออมสินใบเล็ก ๆ หลายใบ ที่ในนั้นมีเงินเหรียญอัดแน่นเต็มไปหมดให้กับผม เวลานี้ความทรงจำส่วนลึกในวัยเยาว์ ชัดเจนเหลือเกิน ผมยิ้ม และผมก็นึกถึงรอยยิ้มกว้างอย่างอบอุ่นของแม่ ที่มีให้กับลูกทั้งชีวิตของแม่ แม่ครับ... ผมโตแล้วครับ... และผมก็รู้คำตอบแล้วครับแม่... //................................. หมายเหตุ : ตีพิมพ์ครั้งแรก จุดประกายวรรณกรรม นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอาทิตย์ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔
|