บ้านดินที่มลฑลฟูเจี่ยน(หมู่บ้านฮากกา)
มลฑลฟูเจี่ยน เป็นมลฑลที่อยู่ตรงข้ามกับเกาะไต้หวัน คนจีนในเมืองไทยนิยมไปเที่ยวมลฑลฟูเจี่ยนเพื่อไปเยี่ยมญาติที่ซัวเถา และหาของกินอร่อยๆเพราะที่นั่นติดทะเลน้ำลึกที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ ทำให้สัตว์ทะเลเจริญเติบโตได้ดี ทำให้มีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ ล้วนน่ากินทั้งสิ้น ไม่ว่ากุ้ง หอย ปูและปลา
บริษัทนำทัวร์น้อยรายที่จะนำลูกทัวร์ไปชมมรดกของคนจีน เรียกว่า ถูโหลว หรือ บ้านดิน ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะสืบทอดเป็นมรดกทางปัญญาของชาวจีนแคะหรือฮากกา(เค้อเจีย)ยุคราชวงส์ซ่งใต้ หรือประมาณ 800 ปีที่แล้ว
โครงสร้างของบ้านดินภายนอกจะเห็นเป็นตึกดิน เสริมความแข็งแรงที่ฐานด้วยหินเรียงยาแนวด้วยดินเหนียว เสริมด้วยไม้ไผ่สานแทนเหล็กเส้น ฉาบทับด้วยดินเหนียว ตัวบ้านสร้างด้วยไม้ผนังด้านหลังติดกับกำแพง หันหน้าสู่ส่วนกลางลานที่เปิดโล่ง (Courtyard) มีห้องแถวเรียงติดกันเชื่อมติดต่อกันโดยผ่านระเบียงเป็นทางเดินตลอดแนวสร้างสามถึงสี่ชั้น แต่ละช่วงมีบันไดขึ้นลงจำนวนมาก สามารถติดต่อกันได้โดยสะดวกทั้งสามหรือสี่ชั้น
บ้านดินส่วนมากสร้างเป็นทรงเรขาคณิตทรงกลมหรือสี่เหลียม บริเวณตรงกลางเปิดโล่งหรือเรียกว่า Courtyard เป็นพื้นที่กลางสำหรับสมาชิกในบ้าน ประกอบด้วยบ่อน้ำ และลานหน้าบ้าน

บ้านดินทรงเหลี่ยม

บ้านดินทรงกลม

กำแพงด้านนอกของบ้าน

ประตูทางเข้าบ้านดิน
บ้านดินมีทางเข้าผ่านประตูใหญ่เพียงประตูเดียว มีแผ่นป้ายชื่อตระกูลแสดงให้เห็นก่อนเข้ามาถึงภายใน มีป้ายชื่อบุคคลสำคัญๆและภาพเขียนบุคคลต่างๆของตระกูล แต่ละช่วงของบ้านจะมีห้องป้ายชื่อผู้วายชนม์สำหรับเซ่นไหว้ มีห้องสมุด ห้องเรียน แต่ละชั้นมีระเบียง ทอดเชื่อมผ่านหน้าห้อง หน้าต่างกั้นด้านนอกระเบียงทำด้วยไม้ฉลุลายสวยงามมาก สามารถมองผ่านลงมายังลานชั้นล่าง ชั้นล่างสุดเป็นห้องครัว ชั้นต่อมาใช้เก็บพืชผล ชั้นที่สามหรือสี่ (ถ้ามี)เป็นที่อยู่อาศัย ฯลฯ

ภาพวาดบรรพบุรุษและแท่นบูชา


บานหน้าต่างรอบระเบียงบ้าน

ลวดลายหน้าต่างส่วนมากไม่ซ้ำลาย งามมาก

ลายฉลุบานหน้าต่าง

ทางเดินห้อง เป็นระเบียงรอบบ้าน

สภาพบ้านปัจจุบัน รกรุงรังน่าดู
ผู้อาศัยในบ้านดินถู่โหลวในยุคก่อนการปฏิวัติหรือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใช้แซ่เดียวกันอยู่รวมกันเป็นตระกูลใหญ่เพราะบ้านดินบางแห่งมีถึง 100 - 200 ห้อง ซึ่งในปัจจุบันนี้เจ้าของไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านดิน บ้างก็อยู่ที่เกาะไต้หวันหรือต่างประเทศ ที่อาศัยอยู่ก็เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกไร่ชา และทำการเกษตรเล็กๆน้อยๆไม่ใช่เจ้าของบ้าน
การสร้างบ้านดินมองเผินๆคล้ายป้อมปราการไปในตัว เป็นการอยู่ร่วมกันเพื่อป้องกันภัยจากนอก แต่ละบ้านมักมีทางลับออกจากบ้านได้โดยทางอุโมงค์ใต้ดิน ร่องรอยทางออกพบอยู่นอกบ้าน
ดิฉันชื่นชอบอ่านหนังสือกำลังภายในจึงจิตนาการเห็นว่า ลานบ้านเป็นที่หัวหน้าตึกหรือเจ้าของตระกูลใช้สำหรับถอดทอดวาจาในการประชุมหรือฝึกวิทยายุทธให้แก่คนรุ่นต่างๆ
แฟนหนังสือกำลังภายในย่อมมองภาพออก หากศัตรูแฝงเร้นเข้ามาเจ้าสำนักและคนในย่อมสามารถออกมาภายนอกผ่านทางลับโดยปลอดภัย
ปัจจุบันนี้ลานบ้านกลายเป็นลานขายของได้แก่ ชา และถั่วคั่ว ภายใต้ร่มพลาสติกสีสันต่างๆ ทำให้สูญเสียคุณค่าทางประวิติศาสตร์ไปอย่างน่าเสียดายไม่น้อย..
