แต่เราแทบทุกประเทศในโลกกลับมุ่งเก็บภาษีจากการผลิตและการค้าสิ่งที่ผลิตกันเป็นปกติเพราะเป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม ต้องขายสินค้าแพงขึ้น และภาษีเงินได้ทำให้รายได้ลด จึงไปเพิ่มความยากจน
สิ่งที่พึงทำก็คือ tax shift คือย้ายภาษีจากการผลิตสินค้าและบริการไปยังที่ดิน แต่ต้องค่อยๆ ย้าย เพราะภาษีที่ดินไม่สามารถเพิ่มได้รวดเร็ว มิฉะนั้นจะเกิดภาวะวิกฤตทำนองเดียวกับฟองสบู่อสังหาฯ แตกนั่นแล อย่างไรก็ดี การลดภาษีการลงแรงลงทุนชดเชยกันไปกลับทำให้การลงทุนลงแรงผลิตและค้าได้ผลตอบแทนดีขึ้น รวมทั้งบ้านก็ราคาถูกและจะเกิดการปรับปรุงตกแต่งเพิ่มเติมเพราะจะเสียภาษีน้อยลงไปเรื่อยๆ
สำหรับที่ดิน ผมได้เรียนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า การเก็บภาษีที่ดินต่ำไปทำให้คนกักตุนที่ดินกันเป็นการกว้างขวางทั่วไป อย่างระดับปัจจุบันที่พูดกันมาเป็นสิบปีแล้ว ว่ากันว่า ที่ดินไทยที่คนทั่วไปถือครองกันอยู่นั้น เป็นการถือครองโดยไม่ค่อยได้ทำประโยชน์ หวังกำไรในอนาคตเสียกว่า 70% แปลว่าใช้ประโยชน์ตามควรไม่ถึง 30% (ไม่ถึง 1 ใน 3) อย่างนี้ก็แปลว่าแผ่นดินไทยมีการทำประโยชน์น้อย ผลผลิตต่ำ ที่ดินแพงเพราะถูกกักตุนกันไว้ ผู้ใช้แรงงานขั้นพื้นฐานหมดโอกาสเป็นเจ้าของที่ดิน ต้องว่างงาน แย่งกันหางานทำ ค่าแรงถูกกดต่ำ จึงมีความยากจนกันมาก
ผลของการเก็งกำไรที่ดินอีกข้อหนึ่งก็คือ วิกฤตวัฏจักรเศรษฐกิจฟองสบู่ ซึ่งเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่อยมา การผลิตการค้าตกต่ำเสียหาย และเกิดการว่างงาน ก่อความทุกข์ยากแก่ประชาชนค่อนโลก
|