ก่อนถึงวันสุกดิบวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 57
ฉันชัดเจนในจุดยืน แสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย
จากเวทีผ่าความจริงอุรุพงศ์..."หยุดกฏหมายล้างผิด" 6 สิงหาคม 56
มาถึงสัญญาณเป่านกหวีดดังขึ้นครั้งแรกที่สามเสน 31 ตุลาคม 56
กับพลังชาวจุฬาต้าน "พรบ นิรโทษสุดซอย" 5 พฤศจิกายน 56
ด้วยรองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ "ราชเทวีสู่ราชดำเนิน" 11 พฤศจิกายน 56
สู่วัน "มวลมหาประชาชนคนไทยใจเกินล้าน" 24 พฤศจิกายน 56
"ยุบสภา" ไม่สามารถหยุดถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ 9 ธันวาคม 56
"มวลมหาชน อารยะขัดขืน" เดินเล่นกลางกรุงเทพ5เวที 22 ธันวาคม 56
สุดท้ายแต่ยังคงไม่ท้ายสุดกับ 'SHUT DOWN BKK" 13 มกราคม 57
เมื่อไม่มีการปฏิรูป...ฉันก็ไม่ไปเลือกตั้ง
ไม่ต้องการอีกแล้ว "ประชาธิปไตยนาทีเดียว" เหมือนกับที่ สายล่อฟ้า นสพ.ไทยรัฐ (7/1/57) ชี้แนะไว้
“การเมืองประเทศไทยที่ปูฐานประชาธิปไตยมานานพอสมควร แต่ก็เป็นอย่างไม่ต่อเนื่องกระท่อนกระแท่นมาตลอด
เป็นประชาธิปไตยแค่รูปแบบเท่านั้นจึงเกิดปัญหามาตลอด แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่อำนาจทุกอย่างตกไปอยู่ในมือของ “นักการเมือง” ทั้งหมด ประชาชนมีอำนาจเพียงแค่นาทีเดียวในการหย่อนบัตรเลือกตั้ง หรือที่พูดกันว่าประชาธิปไตยนาทีเดียว ยิ่งระยะหลังการเมืองไทยเข้าสู่รูปแบบ “ธุรกิจการเมือง” เต็มตัว
มีการซื้อเสียง ซื้อนักการเมือง ซื้อพรรคการเมือง ประชานิยมเต็มรูป และทำท่าว่าจะซื้อประเทศไปครอบครองกันเลย จึงเป็นประชาธิปไตยแบบซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า
ปัญหาที่ตามมาก็คือการใช้อำนาจอย่างเต็มพิกัด การทุจริตคอร์รัปชัน การครอบงำระบบราชการอย่างที่เห็นกันอยู่ เป็นผลพวงสำคัญที่ทำให้ประชาธิปไตยแบบไทยๆเกิดปัญหาจนนำไปสู่ความขัดแย้ง.”
|