
ไม่ว่าคำสั่งการให้ผันน้ำจากแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง จะเกิดความแนวความคิดของนายกฯลุงตู่ หรือของใครในรัฐบาล คสช.ก็ตามทีนะครับ
แต่ในฐานะที่ผมเคยเขียนบทความเสนอแนะรัฐบาล คสช.ของนายกฯลุงตู่ ในช่วงที่เกิดภัยแล้งในปีที่แล้ว 2558
ที่น้ำในเขื่อนใหญ่ ๆ ลดระดับลงอย่างน่าใจหายว่า ให้หาทางดึงน้ำจากแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวินเข้ามาเติมในเขื่อนมาก่อน
เมื่อทราบว่า ในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช.เป็น ประธานฯ ในที่ประชุม
มีมติให้ กรทรัพยากรน้ำ และกรมชลประทาน กลับไปร่วมกันจัดทำแผนระยะยาวเพื่อรับมือภัยแล้ง 2 โครงการ แล้วให้นำเสนอที่ประชุม กนช.อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ
1.โครงการผันน้ำจากลำน้ำยวง ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำสาละวินไปยังเขื่อนภูมิพล เพื่อเติมน้ำในเขื่อนให้ได้อีกปีละ 2,000 ล้าน ลบ.ม. จากที่สามารถรับน้ำประมาณ 4,000 ล้าน ลบ.ม.
โครงการนี้ได้มีการศึกษาแล้วคาดว่าต้องใช้งบปรัมาณ 5 หมื่นล้านบาท และจะต้องผ่านขั้นตอนการทำการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA)ก่อนซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี
2.โครงการผันน้ำจากห้วยหลวง จ.หนองคาย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่เชื่อมต่อจากแม่น้ำโขง เพื่อดึงน้ำไปเก็บไว้ในเขือนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อเพิ่มน้ำในพื้นที่ภาคอีกสานประมาณ 3 แสนไร่
โครงการนี้จะใช้งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยขั้นแรกจะใช้งบ 3 พันล้านบาท สร้างสถานีสูบน้ำ ผนังกั้นน้ำในห้วยหลวง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำของไทยไม่ต้องขอจากสมาชิกกลุ่มแม่น้ำโขง
หลังจากที่ทุกอย่างดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้ว ในปี 2560 กรมชลประทานจะผันน้ำจากห้วยหลวงไปยังพื้นที่เกษตรกรรมในภาคอีสานได้ทันที
ผมอ่านข่าวนี้จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ด้วยความรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
จึงนำมาบอกเล่าให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกรที่ทำนาทำสวนทำไร่ได้รับทราบโดยทั่วกัน ว่ารัฐบาลกำลังแก้ภัยแล้งอย่างจริงจังแล้ว
ผมจึงขอกราบขอบคุณ ท่านนายกฯลุงตู่ แทนพี่น้องเกษตรกรทุกคน
ขณะเดียวกันก็มีเรื่องที่จะต้องขอรบกวนท่านอีกเรื่องหนึ่งนั่นคือ
การขุดลอกบึงบอระเพ็ดให้กลับมาเป็นทะเลสาบเพื่อป้องกันน้ำท่วมครับ
และในทันทีที่ผมทราบข่าวว่าท่านสั่งการให้หน่วยงานใดก็ตาม ลงมือขุดลอกบึงบอระเพ็ด
ผมก็จะขอเข้าพบเพื่อกราบเท้าท่าน ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ทันทีครับ !