ประชานิยมไม่พอ ต้องประชารัฐสร้างชาติ โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ . . ความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของบล็อกต่อการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ : ถ้าดูจากภาพที่ปรากฏตามสื่อหลายๆ สื่อ ในหลายวันที่ผ่านมา จะพบว่าประชาชนในหลายๆ จังหวัด แห่กันไปกดจนตู้เอทีเอ็มเดี้ยง แสดงว่าประชาชนมีความต้องการเงินจำนวน 500 บาท นี้ และเงินนี้มีความสำคัญต่อการดำรงชีพของเขา ไม่งั้นเขาไม่แย่งกันไปกด ลองคุิดดูถ้ามีคนมาให้เงินคุณๆ 500 บาท คุณจะแย่งกันไปกดจากตู้เอที่เอ็มไหม ก็คงไม่ แต่นี่เพราะ 500 บาท มีความหมายสำหรับ คนยากจน จึงเกิดปรากฎการณ์แย่งกันกดเงิน แต่ต้องยอมรับการแจกเงินนี่คือนโยบายประชานิยมของรัฐบาลนี้ แต่ที่เกิดขึ้นเพราะประเทศเรายังไม่มีรัฐสวัสดิการที่ดีเพียงพอ สิ่งที่อยากเห็นคือการสร้างรัฐสวัสดิการ และการสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนเหล่านั้น ให้เขายืนบนขาของตนเองได้ นั่นคือยื่นเบ็ดให้เขาไปตกปลา ซึ่งถ้าสามารถทำได้จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้ และถ้าแก้ปัญหาความยากจนได้ ก็จะสามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะรัฐบาลคงไม่มีเงินงบประมาณเพียงพอที่จะมาทำประชานิยม และแจกได้อย่างมากมาย อย่างไม่มีเหตุผลรองรับ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นอาจมีปัญหาเหมือนนโยบายประชานิยมเรื่องการจำนำข้าวที่ไม่ใช่การทำประชานิยม ที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องจนทำให้รัฐบาลก่อนหน้านี้ต้องถูกขับไล่ในที่สุดค่ะ
.................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ประชานิยมไม่พอ ต้อง”ประชารัฐสร้างชาติ” ผมได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสิอพิมพ์ประชาชาติธุรกิจเกี่ยวกับเป้าหมายและแนวคิดของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และรับผิดชอบด้านนโยบายของพรรค รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้ในลิงค์นี้ครับ https://www.prachachat.net/politics/news-262369 แชร์จากเพจ https://www.facebook.com/drsuvitpage เป็น 1 ในทีมงานเบื้องหลัง นโยบายในตำนาน-หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในยุครัฐบาลไทยรักไทย (ทรท.) ปัจจุบันเป็นมือ เขียน “พิมพ์เขียว” ประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 ของรัฐบาล-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันนี้ “ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์” รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวมหมวกรองหัวหน้าพรรค-หัวหอกการวางนโยบายหาเสียงของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขายอมรับกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ระคนความหนักใจกับการสื่อ-สารนโยบายให้ประชาชนเข้าใจเป็นเรื่องยาก เพราะไม่โดนใจ-จับต้อง ไม่ได้ ดังนั้น ประเด็นท้าทาย คือ จะสื่อสารนโยบายอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจภูมิทัศน์ใหม่ “ต้องใช้ความกล้าทางการเมือง ถ้าพรรคแคร์แต่เรื่องโหวตก็จะไม่มีอะไรต้องเจ็บปวด เพราะคิดถึงคะแนนเสียงอย่างเดียว แต่บางเรื่อง เป็นยาขมแต่บางเรื่องไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป บางเรื่องเป็นนามธรรมก็จริง แต่เป็นการเปิดโอกาส กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค สร้างความเข้มแข็งสู่ท้องถิ่น สร้างความแข็งแกร่งให้กับคนทุกคนมีที่ยืนเท่า ๆ กัน” “บิ๊กตู่” มี Vision-Action ไม่ว่า 100 ที่นั่ง “เป็นอย่างต่ำ” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และจะเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็น 1 ในนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรค เป็นการพูดบนสมมุติฐาน “ความจริง” หรือเพียงเพราะกลอน (การเมือง) พาไป แต่เป้าหมายหลัก คือ เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง “อุตส่าห์ตั้งเป้า ต้องหวังว่ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลจะไปถ่อมตัวทำไม ทำทั้งทีก็ไม่อยากเป็นพรรคตัวแปร ต้องเป็นพรรคหลักในการ เปลี่ยนผ่านประเทศไทย เพื่อความต่อเนื่อง” “คนที่มี spirit เป็น champion ในเรื่องนี้ เป็นใครล่ะ ก็ท่านนายกฯประยุทธ์ไง เราจึงอยากรักษาโมเมนตัม ในเรื่องวิสัยทัศน์ ซึ่งท่านชู มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไทยแลนด์ 4.0 การเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” “ความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนประเทศในเชิงนโยบาย การปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่อง การมียุทธศาสตร์ชัดเจนเพื่อไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 จะมีใครล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงเปล่าล่ะ ในใจผมเลย คือ พล.อ.ประยุทธ์” “สิ่งที่ท่านทำมาตลอด 4 ปี ครอบคลุมในระดับหนึ่งในนี้อยู่แล้ว เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ รัฐบาลชุดนี้โดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำ ไประดับหนึ่งอยู่แล้ว อย่างน้อยมีความต่อเนื่อง” ทว่า การชู “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯในบัญชี อาจเป็น “จุดอ่อน” ของพรรคในคราวเดียวกัน “ต้องใช้ความกล้าหาญทางการเมือง ณ วันนี้ เราต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และมี action อย่างน้อย 3-4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มี vision และ action ให้ดูแล้ว พิสูจน์อะไรได้บางอย่าง ไม่ต้องมานั่งเดาว่า ที่วาดฝันไว้แล้วทำได้จริงหรือเปล่า ที่เหลือ คือ continuity” “ทุกคนมีอาชีพเก่าทั้งนั้น เป็นทหารเก่า ลบยังไงก็ลบไม่ออก อยู่ที่ว่าจากนี้ไป คุณจะทำอะไรให้ประเทศ เป็นทหารผิดตรงไหน ประวัติศาสตร์จะเป็นตัวบอก ไม่มีอะไรโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพียงแต่เป็นกติกาใหม่ ถ้าจะลงมาก็ต้องอยู่ในวิถีนี้ ต้องเจ็บปวดบ้างเป็น เรื่องธรรมดา” ขาย Big Idea-Big Challenge ประกาศเป็นพรรคทางเลือกใหม่-ทางออกประเทศ นโยบายที่จะเป็น new politics (การเมืองแบบใหม่) คือ การมีอุดมการณ์ทางการ เมืองชัดเจน เพื่อ reform-transform ประเทศ “สิ่งที่เราคิดตอบโจทย์คนส่วนใหญ่หรือเปล่า คนส่วนใหญ่ยังต้องการสิ่งนี้หรือไม่ เพราะประเทศไทยยังมีอะไรที่ต้องซ่อม เสริม สร้าง อีกเยอะ ถ้าไม่คิดการใหญ่จะมีประโยชน์อะไร ทำไปทำไม แต่ถ้าเป็นพรรคอะไหล่ พรรคเสริม เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” “ฉะนั้น ต้องมี big idea ให้ประชาชนต้องซื้อให้ได้และมีเสียงที่เพียงพอ ไม่ได้ซื้อเพื่อระยะสั้น แต่ซื้อเพื่ออนาคตประเทศด้วย เพื่อ เตรียมประเทศไทยไปสู่ศตวรรษที่ 21 เพราะมี big challenge ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่” ปลดหนี้-มีเงินออม เขาอ่านใจประชาชนว่า ประชาชนต้องตัดสินใจเองว่า จะซื้อหรือไม่ เพราะเป็น “พรรคของประชาชน” “ต้องถามว่าประชาชนส่วนใหญ่ยัง OK อยู่หรือเปล่า หนึ่ง ยังมีหนี้สินอยู่ จะทำอย่างไรให้ปลด ลดหนี้ เพราะเป็นตัวเหนี่ยวรั้งและมีเงิน ออม จะทำต่อจากรัฐบาลนี้อย่างไร” “อีกทั้ง การสร้างสังคมสวัสดิการ ที่ผ่านมามีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นแพลตฟอร์มขจัดความยากจน ลดความเหลื่อม ล้ำ เพื่อเป็นแต้มต่อให้กับประชาชน เกิดสังคมที่เท่าเทียม ควรทำต่อเพื่อเปลี่ยนสังคมให้เป็นรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่ประชานิยมเหมือนใน อดีต” ขาดต้องเติม เกินต้องแบ่งปัน แม้นโยบายภายใต้รัฐบาล-คสช.ถูกตั้งคำถามว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นนโยบายประชานิยมอย่างอ่อน ? เขาปฏิเสธทันควัน “จะเป็นประชานิยมได้ยังไง หลักการ คือ ต้องการสร้างสังคม 2 แบบ คนที่ขาดก็ต้องเติม คนที่เกินก็ต้องรู้จักปัน สร้างสังคมเกื้อกูลและ แบ่งปัน การขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จ บัตรสวัสดิการเป็นเพียงแพลตฟอร์มหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่พอ ที่สุดแล้วควรมี สวัสดิการเฉพาะเจาะจงคน โดยการใช้ big data เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาด ทำให้คนเดือดร้อนอยู่รอด เป็นรัฐสวัสดิการ” สร้าง-เสริม-ปรับ-เปลี่ยน สำหรับ step ที่ 2-3-4 ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ คนที่อยู่รอดแล้วพอเพียงและยั่งยืน โดยการทำให้มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ มี โอกาส ยืนอยู่บนขาของตัวเอง เพื่อไม่ให้ติดกับดักประชานิยม…วันนี้ ประชานิยมอย่างเดียวไม่พอแล้ว” “ไม่ใช่เพียงแค่เติมเงินอย่างเดียว แต่ตอนนี้ต้องเติมให้คนที่พร่องให้เต็ม เติมให้คนที่เดือดร้อนและกำลังจะตายให้เขาก่อน จึงต้องเริ่ม ด้วยสวัสดิการ เพื่อสร้างสังคมสวัสดิการ เป็นพื้นที่และหลักประกันให้ทุกคนเท่าเทียมกันก่อน” “เมื่อไม่พอต้องให้พอ ถ้าพอแล้วก็ต้องรู้จักหยุด แต่เมื่อเกินแล้วก็ต้องรู้จักปัน เกิดเป็นสังคมเกื้อกูลและแบ่งปัน (sharing society)” “คีย์เวิร์ด-นโยบายของพลังประชารัฐ มี 4 คำ คือ สร้าง-เสริม-ปรับ-เปลี่ยน สร้างหลักประกันสังคม เสริมความเข้มแข็งฐานราก ปรับ โครงสร้างเศรษฐกิจ เปลี่ยนการบริหารราชการไปสู่รัฐที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” เขาลงลึก-เปิดลูกย่อย 4 เรื่อง โดยมี 1.เรื่องหนี้ 2.สวัสดิการ และ 3.การสร้างสังคมเกื้อกูลและแบ่งปัน เป็น 3 เรื่องหลัก เรียกว่า “สังคมประชารัฐ” ไส้ในนโยบาย พปชร. ลูกย่อยที่หนึ่ง คือ สร้างหลักประกัน 3 เรื่อง 1.สวัสดิการแห่งรัฐ สุขภาพถ้วนหน้าหมดหนี้ มีเงินออม รวมถึงสังคมสีขาว ปลอดภัย ปลอดยาเสพติด และปลอดโรค ลูกย่อยที่สอง คือ สร้างความเข้มแข็งของฐานราก-เกษตรยั่งยืน หนึ่ง เตรียมคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 สอง ชุมชนเข้มแข็ง ติดถิ่น ไม่ เกิดครอบครัวแหว่งกลาง เกิดเป็น local economy การจ้างงานในชุมชน เกษตรกรเป็น SMEs เกษตร สาม กระจายอำนาจ กระจาย โอกาส กระจายความเจริญในระดับภูมิภาคให้มากขึ้น (beyond EEC) คือ SEC NEC และ NEECระดับเมือง หรือศูนย์กลางการเติบโตที่ หลากหลาย (multiple growth Poles) 15 เมืองหลัก 15 เมืองรอง ระดับย่านนวัตกรรม สร้างสรรค์ อุทยานวิทยาศาสตร์กระจายตัว ระดับชุมชน คือ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน 1,000 แห่ง ลูกย่อยที่สาม การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 4 ระบบ ได้แก่ 1.ระบบเศรษฐกิจยั่งยืน (bioeconomy-circular economy-green economy : BCG model) เป็นแพลตฟอร์มสร้างความมั่งคั่ง เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 2.ระบบเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (innovation economy) เช่น สตาร์ตอัพ เปลี่ยนผู้ผลิตจากอุตสาหกรรมเป็นนวัตกรรม 3.ระบบ เศรษฐกิจแบ่งปัน (sharing economy) 4.ระบบเศรษฐกิจฐานข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI & data Economy) และลูกย่อยที่สี่ การ ปรับการบริหารราชการแผ่นดินสู่รัฐบาลที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องชนะเลือกตั้งเท่านั้น หลังจากนี้ แกนนำ พปชร.จะนำนโยบายไปขาย-หาเสียง โดยแยกย่อยไปตามกลุ่มเป้าหมาย โดยมี “เส้นชัย” ชนะเลือกตั้ง-100 ที่นั่ง ขึ้นไป “นี่เป็นแนวคิดในการเปลี่ยนประเทศ เรียกว่า ประชารัฐสร้างชาติ อย่างน้อยข้างล่างคนที่ยังด้อยโอกาสอยู่ หลักประกันในเรื่องหนี้เรา ดูแล มีเงินออม เรื่องสวัสดิการไม่ให้ห่วงหน้าพะวงหลัง ก๊อกที่สอง เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ก๊อกที่สาม เดินไปข้างหน้าด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” คำถาม คือ ทำอย่างไรให้คนซื้อ เพราะเป็นยาขม ท้าทายตัวเองและพรรค “ถ้าคนซื้อเรามาก โอกาสที่เราจะทำให้การเมืองเปลี่ยน…เป็นการปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง” “เราเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำ คือ ภาพปัจจุบัน แต่ต้องมีอนาคต มีหลายอย่างที่เราเติมเข้าไปอีกเยอะ เน้นความต่อเนื่อง สิ่งที่ดีมีอยู่ แล้ว เหมือนมีรากให้ต่อดอกออกผล ถึงเวลาแล้วที่ไทยจะทะยานไปสู่โลกที่ 1” ทว่า เมื่อถึงเวลาตีระฆังขึ้นเวทีแข่งขัน-การเลือกตั้ง นโยบายสวยหรูอาจจะไม่มีการถกเถียง แต่เป็นเรื่องการเอา-ไม่เอาทหาร-นายกฯ คนนอก รื้อ-ไม่รื้อรัฐธรรมนูญ-ยุทธศาสตร์ชาติ “นี่เป็นปัญหาของการเมืองไทย เพราะถ้าไปหาเสียง ลงพื้นที่แล้วเอาเรื่องนี้ไปพูด โอกาสสอบตกมี แต่ต้องพูดให้เข้าใจว่าเป็นนโยบาย ปัจจุบันบวกอนาคต เป็น new politics การเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่ให้ดีขึ้น” “แต่การเป็นรัฐบาลไม่ใช่ทำแต่ในสิ่งที่คุณพูด แต่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ได้พูดอีกเยอะแยะด้วย ไม่อย่างนั้นจะติดกับดักซื้อโหวตต่อ ไม่ อย่างงั้นเสถียรภาพของรัฐบาลหาย” ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 9 December 2018 - 20:52 น.
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
Lovely Rose | ||
![]() |
||
แรกแย้ม เบิกบาน |
||
View All ![]() |
<< | ธันวาคม 2018 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |