*/
คอลเลคชั่นหนังรัสเซีย | ||
![]() |
||
หนังรัสเซียที่เก็บไว้ |
||
View All ![]() |
แอนิเมชั่น 103 ปี | ||
![]() |
||
แอนิเมชั่นเรื่องแรกของรัสเซีย อายุ 103 ปี เพิ่งค้นพบฟิล์มเมื่อไม่นานมานี้ |
||
View All ![]() |
<< | เมษายน 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |
บ่ายแก่ๆวันหนึ่งของช่วงกลางเดือนมีนาคม คุณสุทธิชัย หยุ่น บิ๊กบอสของเนชั่นได้ลงมาอัดรายการประจำวันที่ชั้น 12 A ของอาคาร TCIF ซึ่งเป็นที่ตั้งของเนชั่นทีวี และระหว่างการเตรียมตัวอัดรายการ แกก็เดินมาหาที่โต๊ะผม แล้วเรียกผมกับคุณเทพชัย หย่องมานั่งคุย โดยบอกว่าให้ผมลองหาทางติดต่อขอส่งคุณเทพชัย ไปทำข่าวสถานการณ์ความวุ่นวายที่ยูเครน ที่แม้จะผ่านจุดไคลแม็กซ์ คือประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโกวิช เผ่นหนีไปอยู่รัสเซียเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาที่โผล่ตามออกมาอีกก็คือเรื่องการลงประชามติของชาวไครเมียที่จะแยกตัวออกจากยูเครน เพื่อกลับไปอยู่กับรัสเซีย หลังได้รับการบ้านมา ผมก็ไปหาข้อมูลเรื่องยูเครนเพิ่มเติม ปรากฏว่าโชคดีครับ เพราะปัจจุบันยูเครนได้มาเปิดสถานทูตในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเมื่อหลายปีก่อน ที่ใครจะติดต่อกับสถานทูตยูเครนแถบนี้ ต้องบินไปอินโดนีเซียโน่น การติดต่อขอไปทำข่าวจึงน่าจะง่ายขึ้น วันรุ่งขึ้นผมก็จึงสั่งให้เจ้าปุ้ย ภัทร จินตนะกุล ผู้สื่อข่าวของฝ่ายข่าวต่างประเทศ ลองติดต่อกับทางสถานทูตดู ปรากฏว่าทางสถานทูตตอบปฏิเสธมา ทำนองว่าไม่ค่อยอยากให้ทีมข่าวเข้าไป หลังเกาหัวอยู่ 2-3 แกรก ผมก็ให้เจ้าปุ้ยไปบอกว่ากับทางสถานทูตใหม่ว่า ผู้สื่อข่าวที่ทางเนชั่นจะส่งไปก็คือคุณเทพชัย คราวนี้ได้ผลครับ เพราะทางสถานทูตแสดงความเต็มใจที่จะให้ทีมงานของเราเดินทางเข้าไปทำข่าว พร้อมกับเชิญคุณเทพชัยไปหารือกับเอก อัครราชทูตโดยด่วน เพราะช่วงนั้น ใกล้วันที่จะมีการลงประชามติกันแล้ว ทางสถานทูตเกรงว่าเราอาจจะไปไม่ทันทำข่าวนี้ หลังทราบเรื่องผมก็ได้แจ้งให้คุณเทพชัยทราบเรื่องทันทีว่าทางโน้นยอมให้เราเข้าไปได้แล้ว และบอกให้คุณเทพชัยลองโทรไปคุยกับทูตก่อน ระหว่างนั้นก็มีการมองหาทีมงานที่จะไปกับคุณเทพชัย คนแรกที่เราหาได้ก็คือเกษม อินทะปัทม์ หัวหน้าช่างภาพของเนชั่นทีวี โดยตอนแรก ผมก็คิดว่าน่าจะไปกันแค่ 2 คนก็พอ เพราะการเดินทางไปยุโรปมีค่าใช้จ่ายสูง หลังวางตัวช่างภาพเสร็จ ผมก็ถอนตัวออกจากวงสนทนา เพื่อมาทำงานที่ค้างคาต่อไป แต่ จู่ๆ บก.ใหม่ กฤษณ์ชนุตม์ เจียรรัตนกนก ก็เดินลากแขนผมกลับไปหาคุณสุทธิชัย และคุณเทพชัย ที่ยังคงยืนคุยกันอยู่ โดยบอกว่า " นี่ครับ ผมขอเสนอคนนี้ คนนี้พูดรัสเซียได้ " เท่านั้นเอง วงประชุมย่อยก็เฮฮา ครึกครื้นกันเป็นการใหญ่ มีการซักไซร้ประวัติอยู่พอประมาณทำนองว่าไปรู้ภาษามาจากไหน ที่เฮฮาก็น่าจะเป็นเพราะคิดว่าถ้ามีคนรู้ภาษาร่วมเดินทางไปด้วยแล้ว คงไม่ไปตกระกำลำ บากในถิ่นห่างไกลที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักนัก ส่วนผมตอนแรกก็ปฏิเสธไป เพราะอายุมากแล้ว และน่าจะให้นักข่าวรุ่นใหม่ไปหาประสบการณ์มากกว่า แต่ก็มีการโต้แย้งว่า ถ้าไม่มีคนรู้ภาษาไปด้วย การสัมภาษณ์ชาบ้านชาวเมืองที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษน่าจะมีปัญหา เรื่องนี้ทำให้ผมจนใจที่จะหาข้อแก้ต่างในการไม่ไป งานนี้คนที่เครียดจัด กลับเป็นผมเอง เพราะไม่เคยทำงานใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยต้องดูแลใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับผู้บริหาร ไม่เคยต้องวางแผนการทำงานในต่างแดน ไม่เคยจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟผ่านระบบอินเตอร์เน็ตมาก่อนเลยในชีวิต แล้วนี่ตูจะทำยังไง เจ้านุช นุชหทัย โชติช่วง หัวหน้าข่าวต่างประเทศถามว่า ความกังวลใจอาจจะปรากฏอยู่บนใบหน้า มีอยู่วันหนึ่งคุณสุทธิชัยถึงกับถามผมซ้ำว่าจะไปด้วยหรือเปล่า แต่เมื่อผู้ใหญ่มอบความไว้วางใจให้แล้ว เราก็ต้องทำให้ได้ สรุปว่าทีมงานของเราประกอบด้วยทั้งหมด 3 ชีวิต เมื่อมีเวลาว่าง คุณเทพชัยก็ได้เดินทางไปคุยกับทูต แล้วก็กลับมาสั่งให้เราเดินหน้าแผนการเต็มที่ โดยบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปวันลงประชามติก็ได้ เพราะเรื่องนี้สำนักข่าวระดับโลกเขาก็คงจะรายงานได้ดีกว่่าเรา แต่เราจะรายงานในทัศนะของเรา ในมุมมองและความสนใจของเรา ถัดจากนั้นอย่างแรกที่ต้องทำก็คือการทำวีซ่า ซึ่งก็สะดวกสบาย เพราะทางสถานทูตพร้อมให้การช่วยอยู่ก่อนแล้ว สิ่งที่ต้องมีก็เอกสารธรรมดาๆที่ต้องใช้อย่างสำเนาหนังสือเดินทาง และการต้องทำประกันการเดินทาง ที่มีปัญหาเล็กน้อย เพราะบางแห่งก็ไม่ขายประกันสำหรับคนที่จะไปยูเครน แต่พอดีกุ๊ฟกิ๊ฟ ธันย์ชนก ศรีธเนศชัย นักข่าวที่โต๊ะจัดการให้ เพราะเคยอยู่บริษัทที่ขายประกันพวกนี้มาก่อน ค่าประกันของเราคิดคนละ 1,240 บาท โดยสรุป ถ้าผมตายในช่วงเวลาที่เอาประกัน คนอยู่ข้างหลังจะได้ 5 ล้านบาท ก่อนหน้านั้น ผมก็ให้เจ้านุช จองตั๋วเครื่องบิน จากข้อมูลที่เราตรวจสอบกับทางสถานทูต บอกว่าที่ค่อนข้างสะดวกมีอยู่ 2 สายการบินคือ Ukraine International Airlines หรือ UIA สายการบินยูเครน ซึ่งเป็นการบินตรงจากกรุงเทพถึงกรุงเคี๊ยฟ สายการบินนี้ใช้อักษรย่อแบบยูเครนว่า MAY อีกสายการบินหนึ่งก็คือ Turkish Airlines สายการบินตุรกี ซึ่งเราจะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ตุรกี และใช้เวลาในการเดินทางไกลกว่า และแพงกว่า แต่ที่สายการบินนี้เข้ามาอยู่ในความสนใจของเราก็คือ การที่บริการของสายการบินยูเครนอยู่ในระดับไม่ค่อยดีนัก แต่ผมก็มาคิดว่า ถ้าเราจะไปยูเครน เพื่อทำข่าวยูเครน เพื่อซึมซับบรรยากาศแบบยูเครน เราก็ควรเริ่มกันตั้งแต่บนเครื่องบิน ดังนั้นทางเลือกสำหรับผมจึงมีทางเดียวคือสายการบิน UIA แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้บริหารขาดความสะดวกสบายไปบ้าง แต่เหตุผลอย่างเป็นทางการที่ผมแจ้งทางผู้ใหญ่ไปก็คืออีกสายการบินหนึ่งมันบินอ้อม เสียเวลา จากตั๋วเครื่องบินที่ได้มา ทำให้เราสามารถกำหนดทริปการเดินทางได้แม่นยำมากขึ้น เพราะสายการบินนี้ไม่ได้มีบินทุกวัน สุดท้ายแล้วเรากำหนดว่าจะเดินทางคืนวันอังคารที่ 18 มีนาคมต่อเช้ามืดวันที่ 19 มีนาคม และกลับ 26 มีนาคม ถึงประเทศไทยเช้าวันที่ 27 มีนาคม เรามีเวลาอยู่ที่ในยูเครน 8 วัน สำหรับแผนการไปทำข่าว ผมก็ออกแบบทริปว่าพอไปถึง จะมุ่งไปไครเมียเลยเพราะประเด็นร้อนอยู่ที่นั่น ส่วนเคี๊ยฟ เราพอมีเวลาจะทำอะไรได้บ้างในวันที่ไปถึงและวันที่กลับ เพราะในวันไปถึงเราจะไปถึงเช้า แต่รถไฟไปไครเมียจะออกตอนค่ำ เช่นเดียวกับตอนกลับ รถไฟจากไครเมียจะมาถึงเคี๊ยฟเช้า แต่เครื่องบินของเราออกตอนค่ำ แต่เมื่อนำแผนนี้ไปเสนอ คุณเทพชัยบอกว่าเราควรจัดเวลาให้แวะที่เคี๊ยฟด้วย ผมเลยไปจัดมาใหม่โดยให้เรานอนเคี๊ยฟ 2 คืน ส่วนวันที่เหลือไปอยู่ไครเมีย หลังจากนั้นก็ทำเรื่องงานเอกสาร การเบิกงบเงินล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่มากไม่น้อย แต่จากระบบของบริษัท ที่ต้องใช้เวลาเบิกล่วงหน้ากันนาน ขณะที่สำหรับทริปนี้ ไปแบบเร่งด่วน เวลาเบิกไม่มี เรื่องเงินจึงมีปัญหา แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะเฉียดฉิวไปบ้างก็ตาม ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ก่อนการเดินทาง ผมก็ใช้เวลาทั้งวันในการจองโรงแรม และจองรถไฟไปไครเมีย ส่วนโรงแรมในไครเมีย เนื่องจากผมเหนื่อยมากกับการตัดสินใจใช้บริการโรงแรมที่เราไม่มีโอกาสได้พบ เห็นมันจริงจนกว่าเราจะได้เดินทางไปถึง ทำให้ผมเอียน และหวังว่าคราวนี้จะไปเล่นน้ำบ่อหน้าก็แล้วกัน ประกอบกับคุณเทพชัยก็ส่งเสริม แกบอกว่าทั้งตั๋วรถและโรงแรม ควรไปหาเอาข้างหน้า แกคงคิดว่าหากในเคี๊ยฟมีเรื่องที่น่าสนใจ เราก็อาจจะปรับเปลี่ยนแผนการได้ง่าย ถ้ายังไม่ได้จองอะไรเลย โรงแรม ที่ผมจองชื่อโรงแรมกอนชาร์นา ราคาไม่แพงเลย อาจจะถือว่าถูกมากเสียด้วยซ้ำสำหรับประเทศยุโรปแค่คืนละพันกว่าบาทต้นๆเท่านั้นเอง ซึ่งผมก็เดาว่าก็คงจะมีเหตุผลหลายอย่างเช่นโรงแรมห่วยแตก ที่เห็นในภาพนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง หรือทำเลแย่มาก แต่เรื่องนี้ผมก็ดูแล้วว่ามันตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากจัตุรัสไมดาน ศูนย์กลางการกระท้วงของคนยูเครน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใกล้มากนัก เพื่อความสุนทรีย์ในการพักของชาวคณะ ที่จะไม่ต้องเห็นซากกระดำกระด่าง ของจัตุรัส และความปลอดภัย หากการประท้วงเกิดปะทุขึ้นมาอีก นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องปัญหาการเมืองที่ทำให้ต่างชาติกลัว และไม่กล้ามาเที่ยวยูเครน รวมถึงการยังอยู่ในช่วงไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว เพราะอากาศยังหนาวอยู่ไม่น้อย ทำให้โรงแรมตั้งราคาที่ต่ำเอาไว้ ส่วน รถไฟนั้นมีปัญหาเล็กน้อย เพราะมีเว็บหลายแห่งที่รับจอง แต่ๆละแห่งไม่ค่อยแจ้งราคาเอาไว้ ก็เลยลองเสี่ยงจองๆไป ตามปกติการจองจะใช้เวลา 1 วันก็จะรู้ว่ารถไฟมีที่ว่างหรือไม่ แต่ปรากฏว่าผมจองวันเสาร์ และช่วงสุดสัปดาห์ไม่มีคนทำงานงาน ทำให้กว่าจะรู้ก็ล่วงเลยมาวันจันทร์ และเมื่้อรายแรกตอบกลับมา ก็ต้องรีบคอนเฟิร์ม แต่พอคอนเฟิร์มเสร็จ อีกแห่งก็ตอบกลับมา ปรากฏว่ารายหลังให้ราคาที่ถูกกว่ากันมากจนกลัวว่างานนี้ใครต้มใครกันแน่ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว หลังทุกอย่างเรียบร้อย หลังเสร็จจากการประจำวันที่เนชั่น หลังจัดการกับเรื่องเงินเสร็จสรรพในค่ำวันอังคารวที่ 18 มีนาคมและยังไม่ทันได้พักผ่อน ผมก็ต้องอาบน้ำอาบท่า จัดกระเป๋าเดินทางที่เตรียมเอาไว้เกือบเรียบร้อยแล้วแล้วมุ่งหน้ามาที่เนชั่นทีวี เพื่อมาสมทบกับเกษมที่มารออยู่ เพราะเกษมต้องขนกล้องและอุปกรณ์ถ่ายทอดสดที่จะนำไปทดลองที่ยูเครนว่าจะใช้ ได้หรือไม่ไปด้วย ผมจะได้ช่วยแบกสัมภาระแห่งนี้ไปสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีรถของสถานีไปส่ง ส่วนคุณเทพชัย จะไปเจอกับพวกเราที่สนามบินเลย เที่ยวบินของเรา มีแต่ฝรั่งเกือบทั้งหมดครับ ก็แทบจะมีแต่พวกเรา 3 คนเท่านั้นที่เป็นเอเชีย ส่วนมากก็น่าจะเป็นคนยูเครนที่เดินทางกลับบ้านหลังจากมาเที่ยวประเทศไทย ก็ค่อนข้างน่าชื่นใจที่คนยูเครนมาเที่ยวที่นี่กันเยอะมาก ด้วยการที่เป็นคนกลุ่มน้อย เราก็เลยเปิดโอกาสให้ฝรั่งเข้าไปโหลดกระเป๋าก่อน ส่วนเราก็รอจนเป็นคนกลุ่มสุดท้าย และก็ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริงๆ เมื่อเจ้าหน้าที่คนไทยของสายการบิน ซึ่งเป็นหนุ่มอายุน้อย หน้าตาบอกบุญไม่รับ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าง่วงนอน บอกว่าคอนเซปต์ของทางสายการบินคือให้ผู้โดยสารโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องได้คน ละ 1 ใบ แต่ของเราสามคนมี 4 ใบ เพราะใบสุดท้ายเป็นขาตั้งกล้อง จึงโหลดไม่ได้ เอ้า......ไม่ให้โหลดก็ไม่โหลด แต่พอเราจะแบกขึ้นเครื่องก็ไม่ให้เราแบกขึ้นไปอีก บอกว่าขาตั้งกล้องใหญ่เกินไป เอาขึ้นไปบนห้องผู้โดยสารไม่ได้ เราต้องเสียค่าระวางอีก 4 พันกว่าบาท หลังจากเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่น ก็จำใจต้องจ่ายละครับ แล้วพี่แกก็เขียนบิลมาให้เราไปจ่ายกับเจ้าหน้าที่อีกแผนกที่ก็นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน พอเราเอาไปให้ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงต่างแสดงความเห็นใจเราอย่างมาก ผิดกับเจ้าหนุ่มคนแรก โดยบอกว่ารู้สึกเสียดายเงินที่จะต้องจ่าย ก็เลยเรียกไอ้หนุ่มที่คนแรกมาปรึกษา ไอ้หนุ่มคนแรกก็บอกด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ว่าไม่ได้ มันใหญ่ เจ้าหน้าที่หญิงหลายคนก็มารุมดูกรณีของเรา พร้อมกับแสดงท่าทีเสียดายกับการจ่ายเงินค่าโหลดขาตั้งกล้อง และวิจารณ์กันไม่น้อย แต่สุดท้ายก็สรุปว่าไม่มีทางเลือกอื่น และก็เลยต้องจ่ายในสิ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องจ่าย ผมมองว่านี่คือความบกพร่องของผมเมื่อเป็นคนต้องรับผิดชอบสำหรับทริปนี้ งานนี้ เราเลยต้องวางแผนกันล่วงหน้าว่า ขากลับเราจะทำกันอย่างไร เพราะถ้าเจอแบบนี้อีกรอบ เราต้องเสียเงินพอๆกับที่สามารถใช้ซื้อขาตั้งกล้องใหม่เลยก็ว่าได้ ราวตี 3 คืนวันอังคาร เริ่่มเข้าสู่เช้าวันพุธที่ 19 มีนาคม เราก็ออกเดินทางจากประเทศไทย ไปสู่จุดที่กลายเป็นกรณีพิพาทใหม่ล่าสุดของโลก นั่นก็คือยูเครน
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |