เสร็จสิ้นหลังเทศการลดความร้อนโลก ของมนุษย์ ตามปกติช่วงเทศการสงการต์ ตอนเย็นจะมีฝนตก เพราะได้รับการสะสมไอน้ำจากการเล่นน้ำอย่างมากมาย ไปกลั่นตัวและตกมาเป็นฝน ซึ้งมันเป็นวงเวียนตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ปีนี้ ผมนั่งอยู่หลังบ้านมองไม่เห็น เมฆฝนให้มีความหวังเลย ได้ยินข่าวว่าอุณภูมิ อยู่ที่ประมาณ 38 - 40 องศา โอ้พระเจ้า ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนผมเด็ก คงสัก สิบกว่าปีที่แล้ว ผมว่าอากาศร้อนเต็มที่ไม่เคยเกิน 36 องศา เลย ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่ก็ต้องมีฝนบ้างซิโดยเฉพาะหลังสงการต์ อากาศร้อนมาก จนผมคงจะฝันกลางวันไปว่า อีกหน่อยเราคงจะอาใช้ชีวิตอยู่เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ลองคิดกันเล่นนะ ว่าความร้อนและรังสียูวีที่ผ่านลงมาสู่เราตอนนี้ ถ้าเราไม่มีก๊าซโอโซนที่ป้องกัน และกรองแสงลดน้อยลงแล้ว ผิวหนังของเราอาจจะรับรังสียูวีไม่ได้ ไหม้ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนัง เราจึงจำเป็นต้องอยู่ในบ้านในตอนกลางวัน แล้วใช้ชีวิตประจำวัน ในเวลากลางคืนแทน ถ้าผมมองชีวิตของพวกเราตอนนี้ ก็ใช้ชีวิตคนกลางคืน เสียมากกว่า การจะพักผ่อน เดิน เล่น ก็เป็นช่วงเย็น หลังพระอาทิตย์ตกดิน ตลาดไนท์มาร์เกต ก็เปิดอยู่ทุกจังหวัด ผมเคยถามว่าร้านค้าบางร้านเลือกเปิดเฉพาะตอนเย็น จนถึงเที่ยงคืน เค้าบอกว่ากลางวันไม่มีคนซื้อ เปิดตอนเย็นขายได้เท่ากัน มนุษย์เราจะคงเริ่มปรับตัวกับโลกร้อนแล้วมัง ถ้าการทำงาน ก่อสร้าง ก็ทำในช่วงกลางคืนแทน คนที่ทำงานด้านกสิกรรม คงต้องเก็บเกี่ยวกันช่วง กลางคืนแทน เพราะความร้อน อาจทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงได้ ลองคิดดูซิการค้าขาย หรือ ท่องเที่ยวตอนนี้ส่วนมากก็เน้นกันช่วงกลางคืนทั้งนั้น ถ้าบ้านเราไม่ติดแอร์ ผมก็จะใช้ชีวิตในช่วงกลางคืน เสียมากกว่าในการทำงาน เพราะมีสมาธิมากกว่า ถ้าเรายังไม่สามารถหยุดการทำลายโลกของเราให้น้อยลงได้ สักวันเราคงจะอาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกไม่ได้อีก ( เอาเขาไปใหญ่แล้ว เจ้านักล่าของเก่า ร้อนจนเผลอแล้ว ) ตอนแรกผมก็นึกว่าผมบ้าคนเดียว ถ้าโอโซนของเราหมดไป รังสียูวี คงเป็นอันตรายมากกว่านี้ มันอาจเผ่าผลาญ พืช สิ่งมีชีวิต จนเราคงต้องย้ายตูด ของเราไปอยู่ใต้ดิน ( บ้าๆ แน่ ) แต่ผมไม่ได้บ้าคนเดียวนะ เพราะผมหาใน Google ฮ่า ฮ่า ผมก็มีเพื่อนที่เค้าคิดทำนองผมด้วยนะ ไม่ได้พึ่งคิดนะ เค้าคิดมาก่อนผมหลายร้อยปีเสียอีก ทฤษฎีที่ฟังดูประหลาดที่สุดก็คือ ความเชื่อที่ว่า โลกใบนี้มีเนื้อในกลวง แถมข้างใต้ผิวโลก ยังมีอารยธรรมบ้านเมือง ซุกซ่อนอยู่ด้วย เป็นเมืองลับแล ที่น้อยคนจะรู้ถึงทางเข้า คนแรกๆ ที่เสนอความคิดนี้เมื่อปี ค.ศ. 1692 ก็คือ เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์ ถ้าชื่อนี้รู้สึกคุ้นหูก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะเป็นคนเดียวกับนัก ดาราศาสตร์ชาวอังกฤษผู้คำนวณเวลาหวนกลับมาของดาวหางที่สุกสว่างที่สุด ดวงหนึ่งซึ่งได้ชื่อตามชื่อของเขานั่นเอง ขณะที่นักสำรวจไม่พบช่องทางเข้าอะไรที่ว่านั้น คณะสำรวจได้พบหลักฐานที่ว่า แอนตาร์กติกา ไม่ได้เป็นแค่ผืนน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเท่านั้น แต่นับเป็นทวีปที่เจ็ดของโลก คนที่สนับสนุนทฤษฎีโลกกลวงอย่างหัวชนฝา คือ จอห์น ซิมเมส ชาวอเมริกัน อดีตนายทหารและนักธุรกิจ ซิมเมสเชื่อว่าโลกกลวง และก็ที่ขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้มีทาง เข้าขนาดกว้าง 4,000 ไมล์และ 6,000 ไมล์ ตามลำดับ ซึ่งจะนำเข้าสู่โลกบาดาลได้ เขาอุทิศชีวิตพัฒนาทฤษฎีของตัวเอง และระดมเงินสนับสนุน ให้มีคณะสำรวจเดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ เพื่อเข้าไปสำรวจภายในโลก ถึงเขาจะทำไม่สำเร็จ แต่หลังจากเขาตายไป ลูกศิษย์ของเขา ซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ชื่อ เยเรมีย์ เรย์โนลด์ ได้ช่วยกระตุ้นให้ รัฐบาลสหรัฐส่งคณะสำรวจไปยังดินแดนแอนตาร์กติกาในปี 1838 ในปี 1846 มาร์แชล การ์ดเนอร์ ได้อ้างการค้นพบซากแมมมอธขนยาวที่แช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งที่ไซบีเรียเป็นหลักฐานยืนยันว่าโลกกลวง การ์ดเนอร์เชื่อว่า ข้างในโลกมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง และเสนอว่า เหตุที่ซากแมมมอธยังมีสภาพดี ก็เพราะมันเพิ่งตายเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยว่าแมมมอธ และสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วชนิดอื่นๆ สามารถตระเวนเข้าออก ส่วนในของโลกได้อย่างอิสระ ซึ่งเจ้าตัวนี้ได้เดินออกมาข้างนอกโดยอาศัยช่อง ทางที่ขั้วโลกเหนือ แล้วภายหลังซากของมันได้ถูกน้ำแข็งซัดมาจนถึงไซบีเรีย
จูลส์ เวิร์น หนังสือเล่มนี้เสนอทฤษฎีโลกกลวงได้น่าฟังกว่า ด้วยการพูดถึงช่องทางจากผิวโลกเข้าไปสู่โพรงถ้ำใต้ดินที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ในนิยายเล่มนี้ นักวิทยาศาสตร์สามคนได้ปีนลงไปในปล่อง ภูเขาไฟที่หมดพลังแล้ว เพื่อค้นหาหนทางที่จะเข้าสู่ใจกลางโลก พวกเขาทำ ไม่สำเร็จ แต่ก็ได้พบทะเลใต้ดินที่มีสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่มากมาย รวมทั้งตัวเพลซิโอซอร์ด้วย เห็นไหมละว่าไม่ใช่ผมคนเดียวนะที่บ้า ที่อยากเข้าไปอยู่ใต้โลก แต่ดูแล้วอาจะเป็นไกลความจริงอยู่ แต่ถ้าอ่านเรื่องต่อไป ว่ามีตำนานชนเผ่าโบราณที่อาศัยอยู่ใต้พิภพนี้ นะครับ ลองติดตามอ่านตอนสอง ละครับ บายๆ เอาไว้ไปอาบน้ำก่อน
เนื้อเรื่องจาก http://www.rakbankerd.com รูปภาพจาก nationalgeographic.com |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | เมษายน 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |