"ตราบใดสายน้ำปิงไม่ไหลคืน จะไม่เหยียบแผ่นดินเชียงใหม่ตราบนั้น"... นี่เป็นคำวาจาสิทธิ์ที่"ครูบาศรีวิชัย"ได้กล่าวไว้กับหลวงศรีประกาศ หลังจากที่ท่านพ้นข้อกล่าวที่ถูกทางคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่กล่าวร้าย นับว่าเป็นวาจาสิทธิ์ที่ออกมาจากปากนักบุญแห่งล้านนาไทย ก่อนที่ครูบาศรีวิชัยจะกลับสู่เมืองลำพูนจนกระทั่งวาระสุดท้ายของท่าน... เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของครูบาศรีวิชัย ผู้ช่วยพัฒนาศาสนสถานที่ชำรุดทรุดโทรม กลับคืนสู่อดีตที่เจริญรุ่งเรือง บรรดาเจ้านายฝ่ายเหนือ พระสงฆ์ พ่อค้า ข้าราชการและประชาชน จึงมีการลงประชามติจัดสร้าง อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย...ขึ้น อนุสาวรีย์นี้สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ หล่อเท่าองค์จริงในท่ายืน จัดสร้างและออกแบบโดยช่างของกรมศิลปากร...การสร้างดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อย แต่คณะกรรมการไม่สามารถนำเอาขึ้นไปประดิษฐานที่เชียงใหม่ได้ เล่ากันว่าเมื่อจะเอาขึ้นไปคราวใด มักจะเกิดอุปสรรคและปัญหาเสมอ... จนเวลาได้ล่วงเลยไปนานหลายปี หลวงศรีประกาศ ทนรอต่อไปไม่ไหว จึงได้นำเอาดอกไม้ไปบูชา นัยว่าเพื่อเป็นการบอกกล่าวอัญเชิญ และตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า... แม้จะมีเหตุขัดข้องอย่างไร ก็จะต้องจัดการเอาขึ้นไปให้ได้... ซึ่งก่อนจะนำขึ้นไปหลวงศรีประกาศ ได้โทรเลขสั่งชาวเชียงใหม่เตรียมขบวนแห่มารอรับที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เมื่อได้เวลาจึงอัญเชิญรูปหล่อครูบาศรีวิชัยขึ้นรถด่วนเชียงใหม่ บรรดาคณะสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนและเจ้านายฝ่ายเหนือได้ร่วมกันจัดขบวนแห่มารอรับอย่างคับคั่งและทำการเฉลิมฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่... และในวันที่รูปหล่อครูบาศรีวิชัยถูกอัญเชิญถึงจังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง... ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ประชาชนซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับแม่น้ำแม่ปิงต้องจดจำได้อย่างไม่มีวันลืมเลือน....คือ.... กระแสน้ำปิงได้ไหลบ่า หวนย้อนกลับคืนขึ้นเหนือ กระแสน้ำได้นองท่วมท้นจนเต็มเขื่อนท่วมถึงเขตอำเภอฮอด..... สัจจวาจาของ ครูบาศรีวิชัย ที่ได้กล่าวไว้... "แม้แต่ธรรมชาติก็ยังไม่สามารถขัดขวางได้..." การที่กระแสน้ำปิงได้ไหลย้อนกลับขึ้นไปนั้น เนื่องจากทางการสั่งปิดเขื่อนเป็นครั้งแรก เพื่อกักเก็บน้ำสำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าและเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรได้มีไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง.. คำพูดของท่านครูบาศรีวิชัยที่ท่านได้เอ่ยไว้กับหลวงศรีประกาศ...เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และแม้กระทั่งท่านใกล้จะมรณภาพที่ก็ยืนหยัดในวาจาสิทธิ์ของท่าน...ที่เป็นปริศนาซึ่งไม่มีผู้ใดจะคาดคิด . จะว่าเป็นเหตุบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่จะคิดกันไป....แต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่คนทั่วไปกล่าวกันว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก.....
เขื่อนภูมิพล(ยันฮี)เปิดใช้ น้ำปิงไหลคืนขึ้นเหนือ.. สมดั่งคำวาจาสิทธิ์ของครูบาศรีวิชัยและท่านครูบาฯก็ได้ขึ้นมาที่เชียงใหม่จริง ๆ ถ้าเราศึกษาข้อมูลเมืองเชียงใหม่จะพบว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยที่อาณาจักรในดินแดนล้านนายังไม่รุ่งเรืองไพบูลย์ ได้มีหลักฐานว่า พระนางจามเทวี พระธิดาเจ้าผู้ครองเมืองละโว้ได้เสด็จตามลำน้ำปิงขึ้นไปครองอาณาจักรหริภุญชัย หรือ นครลำพูนในเวลาต่อมา.. เรื่องราวการเดินทางของพระนางจามเทวีที่ทวนกระแสน้ำปิงสู่อาณาจักรหริภุญชัยยังคงเป็น"ตำนานของแก่งน้ำริมแม่ปิง"มาจนทุกวันนี้.... หรือแม้แต่เมื่อครั้งที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้เสด็จเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพ ฯ กับเชียงใหม่ก็ทรงต้องใช้เส้นทางตามแม่น้ำปิงแห่งนี้เช่นกัน...
ครูบาศรีวิชัยพระอริยสงฆ์แห่งล้านนาได้ดับขันธ์ด้วยอาการสงบ ท่ามกลางสานุศิษย์ที่ใกล้ชิด เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๑ เวลา ๐.๐๕ น. รวมสิริอายุได้ ๖๐ ปี ๙ เดือน ๑๑ วัน... นั่นหมายถึงว่าล้านนาไทยได้สูญเสียพระสงฆ์นักพัฒนาผู้ยิ่งใหญ่ไปอีกหนึ่งท่าน..ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ คงจะทราบกันดีว่า ชีวิตส่วนใหญ่ของท่านครูบาศรีวิชัย จะเกี่ยวข้องกับชาวเชียงใหม่...เป็นส่วนมาก.. ประชาชนชาวเชียงใหม่ต่างเลื่อมใสและศรัทธาในตัวของครูบาศรีวิชัยอย่างแท้จริง ซึ่งเราจะเห็นได้จากการสร้างเสริม สร้างสรรค์ บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถานชิ้นสำคัญๆ จะได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง.... ถ้าจะกระชับวงสนทนาเข้าไปอีกนิด..เส้นทางขึ้นดอยสุเทพ.. ก็คงจะเป็นการแสดงถึงความมีจิตศรัทธาได้เป็นอย่างดีขนาด... สาธุพระปัญญาบารมี....วัตรแวดล้อม วิริยะบารมี......อ้อมระวังดี ศีละบารมี.....บังหอกดาบ เมตตาบารมี....ปราบแพ้ทั้งปืน ทานะบารมี.....หื้อเป็นผืนตั้งต่อ อุเบกขาบารมี....หื้อก่อเป็นเวียงศรี สัจจะบารมี..แวดระวังดีเป็นไม้ใต้ ขันติบารมี....กลายเกิดเป็นหอกดาบบังหน้าไม้และปืนไฟ อธิษฐานะบารมี.....ผันปราบไปทุกแห่ง...ฯลฯ.... สำหรับความคิดของผม...ถ้าจะว่าไปแล้ว พระคาถาบารมี ๙ ชั้นหรือบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งเป็นพระคาถาที่ครูบาศรีวิชัยนับถือมากๆ ท่านจะสวดและแนะนำให้ลูกศิษย์ ท่องจำและหมั่นสวดให้เป็นประจำทุกวัน "คือส่วนเล็กๆที่เป็นเครื่องยืนยัน"..คุณสมบัติ คุณลักษณะ คุณธรรม ของครูบาศรีวิชัย..ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง....
อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโย นามะ มหาเถโร อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิ ปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทีนัง มะหะลาภา ภะวันตุ เม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ อธิบายความตามข้างบนว่า...พระมหาเถระรูปนี้.. ซึ่งพุทธศาสนิกชนพากันเรียกขานว่า พระมหาเถระศรีวิชัย ผู้มีศีลอันอุดม ผู้อันเหล่านรชนและเทวดาพากันบูชา ท่านเป็นผู้สมควรแก่เครื่องสักการะบูชาอันมีปัจจัยสี่เป็นต้น ขอให้ลาภเป็นอันมากจงเกิดมีแก่ข้าพเจ้า... ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระเถระเจ้ารูปนั้นตลอดเวลา ขอกราบไหว้ด้วยเศียรเกล้า ขอกราบไหว้ด้วยอาการทั้งปวง ขอให้สำเร็จประโยชน์ ขอให้สำเร็จประโยชน์ ขอให้สำเร็จประโยชน์ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาฯ โอ้เคยภิรมย์สุขสมจินต์ แผ่นฟ้าแผ่นดินเชียงใหม่ ขวัญข้าคือ ดอยสุเทพเด่นไกล..ภูพิงค์นั่นไง ชีวิตแห่งเรา .. ครูบาศรีวิชัยได้ถือเอาฤกษ์ใน วันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 โดยครูบาได้มอบหมายให้ครูบาเถิ้ม เจ้าอาวาสวัดแสนฝาง เป็นผู้ขึ้นท้าวทั้ง 4 ในเวลา 01.00 น. ครั้นพอถึงเวลา 10.00 น. พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ได้อาราธนานิมนต์ครูบาศรีวิชัย จากวัดพระสิงห์มาสู่บริเวณพิธี เมื่อขบวนนิมนต์ครูบาศรีวิชัยเดินทางมาถึงบริเวณเชิงดอย (บริเวณวัดศรีโสดา) พิธีลงจอบแรกการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพก็เริ่มขึ้น โดยครูบาเถิ้ม วัดแสนฝางเป็นผู้สวดเจริญพระพุทธมนต์และสวดชัยมงคลคาถา พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้ลงจอบแรกเป็นพิธีและครูบาศรีวิชัยท่านลากมูลดิน เป็นพิธีเอาฤกษ์เอาชัย จากนั้นเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่จึงได้ลงจอบแรกประเดิม ติดตามด้วยหลวงศรีประกาศ คุณนายเรือนแก้ว เจ้านายฝ่ายเหนือ พ่อค้าคหบดี ต่างร่วมลงจอบแรกประเดิมการสร้างทางอย่างทั่วถึง ซึ่งทางดังกล่าวได้แล้วเสร็จในเวลา ๕ เดือนกับ ๒๒ วันความสำเร็จของทางขึ้นดอยสุเทพ ถ้าจะว่าไปแล้วคือเรื่องของ.. จินตนาการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ก่อรูปขึ้นมาเป็นนามธรรมนั่นเอง.... ๕๐ ปีต่อมา..ศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่น วัดบุพพาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้มีมติให้จัดโครงการ วันกตัญญูเชิดชูเกียรติคุณ ฉลองสมโภชครบรอบ ๕๐ ปี สร้างทางขึ้นดอยสุเทพของครูบาศรีวิชัย ในการดำเนินงานจัดหาทุนได้มีการสร้างวัตถุมงคลออกมาเป็นรูปเหมือนและเหรียญของครูบาศรีวิชัย..โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระปรมาภิไธยย่อ ภปร ประดิษฐานไว้บนวัตถุมงคล.. สถานที่จัดงานล้านนามหาพุทธาภิเษก จัดขึ้นที่ วัดศรีโสดา ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัยได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติงาน ตลอดจนเป็นคลังเสบียงใหญ่ที่จัดสรรแบ่งปันเสบียงอาหาร ให้แก่ศรัทธาประชาชนที่มาช่วยงาน ซึ่งวัดศรีโสดาแห่งนี้ครูบาศรีวิชัยท่านอยู่พำนัก ระหว่างปฏิบัติงานสร้างทางขึ้นดอยสุเทพจนแล้วเสร็จ... วัดศรีโสดา ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง บรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน เหมาะสมที่ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีบริเวณกว้างขวาง มีวิหารหลวงและสำคัญคือ วัดนี้ตั้งอยู่ติดกับอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย...
สำหรับผมแล้ว นอกจากงานนี้จะมีพิธีกรรมที่ดี วัตถุมงคลที่มีคุณค่า บรรดาพระคณาจารย์ผู้ทรงศีล ที่นิมนต์มานั่งปรกอธิฐานจิตครั้งนี้.. ล้วนเป็นลูกศิษย์และผู้เคยร่วมงานพัฒนา กับครูบาศรีวิชัยทั้งสิ้น.. ซึ่งผมเชื่อว่าเพื่อนๆ บางท่านอาจจะเคยได้ไปกราบลูกศิษย์ของครูบาศรีวิชัยมากันบ้างแล้ว หรืออาจจะเคยไปกราบแต่ก็ไม่ทราบ บันทึกการจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญให้เราได้ทราบการสืบสายของครูบาอาจารย์ และในบางโอกาสผมอาจจะต้องใช้บันทึกน้อยตอนนี้เข้ามาเกี่ยวโยงกับเรื่องของคณาจารย์ทางภาคเหนือถ้าผมได้มีโอกาสได้เขียนถึง.. รายนามพระคณาจารย์สายครูบาศรีวิชัยที่มาร่วมงานมีดังนี้ ขอเชิญเพื่อนๆ ตรวจสอบรายชื่อได้เลยครับ..
ครูบาหล้า (ตาทิพย์) วัดป่าตึง ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง ครูบาบุญมี วัดท่าสะต๋อย ครูบาสิงหชัย วัดฟ้าฮ่าม ครูบามงคลคุณาทร วัดหม้อคำตวง ครูบาจันทร์แก้ว วัดดอกเอื้อง ครูบาโสภา วัดผาบ่อง ครูบาอ้าย วัดศาลา ครูบาอิ่นแก้ว วัดวาฬุการาม ครูบาอิ่นคำ วัดข้าวแท่นหลวง ครูบาคำตั๋น วัดสันทรายหลวง ครูบาญาณวิลาส วัดต้นหนุน ครูบาสุรินทร์ วัดศรีเตี้ย ครูบามูล วัดต้นผึ้ง ครูบาศรีนวล วัดช้างค้ำ ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาอินตา วัดห้วยไซ ครูบาศรีนวล วัดเจริญเมือง.. (ความจริงแล้วลูกศิษย์ของครูบาศรีวิชัย ยังมีมากกว่านี้หลายเท่านักเพียงแต่ว่างานนี้นิมนต์มาเท่านี้ครับ).. น้อยคนนักที่จะเห็นความสวยงามของโปรยฝน.. เว้นแต่เกษตรกร ที่หวังให้พืชผลเจริญงอกงามหรืออาจจะเป็นเด็กอนุบาลที่นั่งแอบหวังลึกๆ ให้น้ำท่วมเพื่อที่ตนเองจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน..ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นจุดเล็กๆของสังคมคนหมู่มาก... จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างกันครับถ้าผมจะขออนุญาตเพื่อนๆนำเอาบันทึกงานพุทธาภิเษกครั้งนี้ที่เขียนขึ้นโดยคนเชียงใหม่และอยู่ในพิธีกรรมดังกล่าวมาให้อ่านกัน..
วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗ เวลา ๑๕.๑๙ น.เมื่อได้ฤกษ์จุดเทียนชยันโต เจ้าคณะภาคเจ็ด ได้ทำพิธีจุดเทียนชัย พระมหาเถรานุเถระได้เจริญพระพุทธมนต์ปรากฏว่า.... ...ท้องฟ้าได้เริ่มมีเมฆหมอกและฝนตกพรำ ชุ่มฉ่ำทั่วบริเวณตั้งแต่เชิงดอยสุเทพจนถึงบริเวณพระธาตุดอยสุเทพ มีกระแสลมเย็นพัดลงมาจากยอดเขา ทำให้บรรยากาศในวิหารหลวงเยือกเย็น ศรัทธาประชาชนนับพันที่นุ่งขาวห่มขาวมาร่วมพิธี ต่างนั่งทำสมาธิด้วยความสงบเรียบร้อยและปราบปลื้มในมงคลฤกษ์ครั้งนี้...
บรรดาพระคณาจารย์ศิษย์อาวุโสของครูบาศรีวิชัย จำนวน ๑๘ รูป ได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์... ..ไหว้พระตามแบบที่เคยปฏิบัติเมื่อครั้งได้อยู่กับครูบาศรีวิชัย.. ซึ่งเป็นพิธีกรรมพิเศษนอกเหนือจากกำหนดการที่พระคณาจารย์ทั้งปวงปฏิบัติเองตามที่เคยปฏิบัติมาในอดีต..พิธีการเช่นนี้จัดว่าเป็นกรณีพิเศษจริงๆแบบล้านนาไทยดั้งเดิม.. หลังจากสวดมนต์ไหว้พระและทำการสักการะดวงวิญญาณของครูบาศรีวิชัยเสร็จแล้ว ต่อจากนั้นพระคณาจารย์ก็เข้าประจำที่นั่งปรกทำสมาธิอธิฐานจิต แผ่พลังสู่มงคลวัตถุ โดยมีพระพุทธมนต์พิธีสวดพุทธาภิเษก จนหมดรอบปรกแรก...
พระคณาจารย์และประชาชนที่อยู่ไกลก็เดินทางกลับ ได้แวะนมัสการสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อกรวดน้ำอุทิศถวายกุศลแด่ครูบาศรีวิชัยและบรรพชนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกับครูบาศรีวิชัยในครั้งอดีต ขอให้กุศลผลบุญครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ทุกท่านจงประสบแต่ความสุข ให้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง.... ครูบาอาจารย์ของผมบางท่านเคยสอนไว้ว่า..ทุกครั้งที่ได้สวดมนต์ไหว้พระหรือได้ทำบุญอย่าลืมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ท่านเปรียบเทียบไว้เห็นภาพว่าทุกครั้งที่น้ำตกกระแทกพื้นดิน ดินยังกระจาย.. เช่นเดียวกันการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลท่านว่า "ฟ้าดินยังต้องรับรู้..."หากเมื่อมาสวมเข้ากับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในพิธีนี้... บ่ายอมก่อต้องยอม บ่าเจื้อก่อต้องเจื้อเต๊อะ.. ท่านครูบาอิ่นแก้ว อนิญฺชโนเจ้าอาวาสวัดวาลุการาม (ป่าแงะ) ต.ตลาดขวัญ อ.ดอยสะเก็ด จ.เขียงใหม่ หรือชาวบ้านเรียกว่า ครูบาป่าแงะ ท่านเป็นพระมหาเถระผู้ทรงพรรษายุกาล ทางศาสนายกย่องว่า ผู้ทรง รัตตัญญู ผู้รู้ราตรีนาน รับนิมนต์เป็นคณาจารย์องค์แรกที่ตั้งจิตกรวดน้ำ...
"ทันทีที่น้ำลงสู่ปฐพีที่หน้าอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย" ท้องฟ้าที่แล้งฝนมานานของเมืองเชียงใหม่ก็มี.. ฝนตกลงมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ .. และทำให้บริเวณนั้นเยือกเย็นชุ่มฉ่ำคล้ายกับเป็นน้ำพระพุทธมนต์ประพรมทุกๆคน น้ำฝนที่เปรียบเสมือนน้ำพระพุทธมนต์จากครูบาศรีวิชัยครั้งนี้ ปรากฏว่าตกทั่วเมืองเชียงใหม่ ซึ่งชาวเชียงใหม่เชื่อกันว่าเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงว่าบรรพชนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ได้รับถวายกุศลผลบุญครั้งนี้โดยครบถ้วน..... ปัจจุบันวัตถุมงคลชุดนี้ เป็นที่ยอมรับและมีประสบการณ์เกิดขึ้นกับผู้ที่นำไปบูชามากมาย เป็นที่กล่าวขานกันในกลุ่มผู้นิยมคติแนวนี้ โดยเฉพาะ เหรียญครูบาศรีวิชัยหลัง ภปร. บางท่านถึงกับกล่าวว่า..ถ้าไม่สามารถหาเหรียญสมัยเก่าของครูบาศรีวิชัยได้ละก็...เหรียญรุ่นนี้สามารถนำขึ้นมาแขวนได้อย่างภาคภูมิใจในยุคที่วิกฤติพลังงานกำลังเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการศึกษาของเด็ก.. ว่ากันว่า พุทธคุณบ่าขึ้นกับราคา หรือ ก๊านเซาะหาขึ้นกับความปอใจ๋ ยังคงความหมายเข้มแข็งและเหมาะสมกับเหรียญชุดนี้..
ผมเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่หลายท่านเคยกล่าวถึงครูบาศรีวิชัยไว้ว่า.. ท่านครูบาเจ้าเป็นพุทธบุตร ที่เกิดมาเพื่อช่วยพัฒนาพระพุทธศาสนาของล้านนา ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ คงจะไม่ปฏิเสธคำกล่าวนี้นะครับ และส่วนตัวผมคิดว่าครูบาศรีวิชัย ท่านเป็นพระนักพัฒนาที่ยอดเยี่ยม มีความสามารถในการสร้างขวัญและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้มมามีส่วนร่วมในการบูรณะพัฒนาปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน ถาวรวัตถุที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งหากเอามาเขียนคาดว่าจะใช้เวลาหลายวันแหละครับ... แม้ครูบาศรีวิชัยท่านจะมรณภาพไปนานร่วม ๗๐ ปีแล้วก็ตามแต่ผลงานและความนิยมนับถือในตัวครูบาก็ยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย จะว่าไปแล้วเกือบจะทุกหนทุกแห่งในภาคเหนือมีผลงานของครูบาศรีวิชัยที่ได้สร้างสรรค์ไว้ค่อนข้างมาก... ก็คงเหมาะสมแล้วกระมังครับที่ชาวบ้านจะนับถือและเรียกท่านว่า ครูบาศีลธรรม หรือ ต๋นบุญ...เกือบลืมครับ แขวนเหรียญครูบาศรีวิชัยถ้าจะได้ให้ใจต้อง ใจซื่อ มือสะอาด มีวินัย ใจสู้งาน เพราะสิ่งนี้คือคุณสมบัติของท่านตามที่ผมได้ศึกษาประวัติมา...สวัสดีครับ ขอขอบพระคุณเจ้าของรูปภาพที่ผมได้ไปหยิบยืมมาลงประกอบ(จำไม่ได้เยอะขนาด) ข้อมูลและเอกสารอ้างอิงบางส่วนจาก นิตยสารลานโพธิ์และคุณพรชนก สุขพงษ์ไทย เพื่อนต่อสำหรับคำแนะนำ คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี กับกำลังใจที่มีให้เสมอมาครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | สิงหาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |