มนุษย์มีคุณสมบัติที่พิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ จินตนาการ มีคนเคยกล่าวว่า จินตนาการสำคัญกว่าความคิด แต่สำหรับผมเชื่อว่าทั้งจินตนาการและความคิดล้วนต่อยอดและมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำอย่างไหนมาใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์หรือบริบทของสังคมในขณะนั้น ซึ่งการที่มนุษย์มีความสามารถด้านจินตนาการนี้เองทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ผลงานทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม มอม คือรูปประติมากรรมของสัตว์ประเภทหนึ่ง ถือว่าเป็นรูปธรรมที่สะท้อนออกมาจากนามธรรมคือความเชื่อ ความศรัทธา
ตามความหมายของ พจนานุกรมล้านนา ฉบับแม่ฟ้าหลวง ได้ให้ความหมายไว้ว่า มอมคือรูปสัตว์ครึ่งลิงครึ่งเสือ มีแขนยาว ตัวดำ บางทีก็ว่าคล้ายสุนัขปักกิ่ง บางแห่งก็แปลว่าเสือดำ หรือถ้าจะว่ากันตามคติความเชื่อของคนภายอีสานก็อธิบายความว่า ส่วนใหญ่แล้วมอมน่าจะเป็นสัตว์ครึ่งสิงห์ครึ่งลิงมากกว่า เพราะมอมได้ถูกกล่าวไว้คู่กับสิงห์ ดังที่มีบันทึกไว้ใน โครงท้าวฮุ่งขนเจือง แต่นั้นท้าวคาดผ้า ผืนดาย ดอกเครือ ของแพงมวลแม่เมือง ประสงค์ให้ ลายเจือเกี้ยวสิงห์มอม เมียงม่าน ทรงอยู่เค้าดูเข้ม ทบเหลียว..
ในขณะที่ วิกิพีเดีย ก็ได้ให้ความหมายที่ยังคงรอความสมบูรณ์เพิ่มเติมว่า มอมเป็นสัตว์ในตำนานที่มีรูปร่างคล้ายแมวผสมสิงโต มอมเป็นพาหนะของเทพปัชชุนนะเทวบุตร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งฝนตามคติความเชื่อของคนล้านนา เราสามารถพบเห็นมอมได้ตามบันไดวัดหรือตามศาสนสถานทางแถบล้านนา จากการให้คำอธิบายความของหลายๆที่ ทำให้เราเห็นถึงความแตกต่างด้านความคิดและขัดกันในด้านความรู้สึก กล่าวคือในภาคอีสานถึงบทบาทของมอมจะมีไม่มากแต่กับคำพูดที่ว่า สิงห์มอม กับมามีบทบาทในด้านเป็น ชื่อเรียก ที่คนทั่วไปรู้สึกคุ้นเคย แต่เมื่อเราย้อนมาดูที่แผ่นดินล้านนาซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับมอม พร้อมกับอธิบายลักษณะว่า มอมเป็นสัตว์ครึ่งเสือครึ่งลิง แต่ก็ไม่เรียก เสือมอม กลับเรียกว่า มอม หรือ สิงห์มอม และถ้าเราไล่ลงมายังภาคกลางจรดภาคตะวันออก การหาคนที่จะเข้าใจว่ามอมคืออะไรค่อนข้างจะลำบาก ยิ่งภาคใต้แล้วไม่ต้องพูดถึงเลยครับแทบจะไม่ใช่ดินแดนอิทธิพลของมอมเอาเสียเลย....
บางทีนะครับเรื่องของค่านิยมหรือทัศนคติมันก็สามารถนำมาวัดความเป็นอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ได้ ดังนั้นในเรื่องของการพ้องกันในด้านลักษณะหรือชื่อเรียก มันจึงไม่สามารถอธิบายความทางด้านวิชาการได้ชัดเจนนัก ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ควรด่วนวินิจฉัยเรื่องที่ยังคงเป็นสีเทาๆแบบนี้ แต่เชื่อไหมครับว่าความเป็นคนไทย วัฒนธรรมไทย มันมีจุดที่ทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันหรือสามารถอธิบายในเรื่องที่ยากๆให้เข้าใจได้อย่างไม่ต้องมานั่งโต้เถียงกัน จุดที่ผมพูดถึงนี้เราเรียกกันว่า ความเชื่อ ความศรัทธา
คนไทยโดยส่วนมากมักจะเคยผ่านหูกับคำว่า ไตรภูมิพระร่วง หรือ ป่าหิมพานต์ ทั้งสองคำนี้ล้วนนำมาซึ่งจินตนาการในการสร้างประติมากรรมโดยเฉพาะประติมากรรมรูปสัตว์ กล่าวคือสัตว์ที่มนุษย์นำมาสร้างเป็นรูปเหมือนนั้นจะมีทั้งสัตว์ที่มีตัวตนอยู่จริงและสัตว์ที่ไม่มีตัวตนอยู่เลย จะว่าไปแล้วผมคิดว่าคนไทยฉลาดในการจัดกลุ่ม หากว่าเป็นสัตว์ที่มีตัวตนอยู่จริงก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่มีตัวตนอยู่จริงระบบความเชื่อและคตินิยมของคนไทยจะนำเอาสัตว์เหล่านี้ไปรวมอยู่ในป่าหิมพานต์ ซึ่งป่าหิมพานต์ตามความเชื่อคือที่อยู่อาศัยของบรรดาสัตว์ลูกผสม เช่น บัณฑุราชสีห์ ไกรสรนาคา มอม ฯลฯ หากว่าเป็นคน ก็จะเป็นคนจำพวกที่มีฤทธิ์ มีเดช มีคาถาอาคมเหนือมนุษย์ปกติ เช่นพวกคนธรรพ์ นักสิทธิวิทยา ฯลฯ เราอาจอธิบายความได้ง่ายๆว่า พวกที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์คือ พวกที่สวรรค์อยู่ไม่ไกลแต่ก็ยังไปไม่ถึง ครั้นจะลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ก็ดูจะไม่สมศักดิ์ศรีเอาเสียเลย ดังนั้นไม่ว่าคนหรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์จึงอยู่ในอารมณ์ที่สามารถสร้างทั้งบุญและบาปได้ตลอดเวลา
จะว่าไปแล้วในเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธานี่แหละครับทำให้เราต้องชมเชยภูมิความรู้ของคนในยุคโบราณที่สามารถนำเอาความเชื่อ ความศรัทธามาผูกเข้ากับรูปสัตว์เพื่อให้เกิดผลทางด้านจิตใจ... และด้วยเหตุที่มอมเป็นสัตว์ป่าหิมพานต์ ที่มีรูปลักษณ์องอาจผึ่งผายราวราชสีห์ แข็งแกร่งดังเสือ นิ่มนวลเหมือนแมวและแคล้วคล่องว่องไวดุจลิง...... มอมจึงถูกนำขึ้นมาผูกเข้ากับอักขระเลขยันต์เพื่อให้ส่งผลด้านคงกระพัน มหาอำนาจ และตามที่ผมได้อธิบายไปข้างต้นว่าดินแดนล้านนาคือเขตอิทธิพลของมอม ดังนั้นจึงไม่แปลกว่ารอยสักยันต์รูปมอม จึงกระจุกอยู่เฉพาะในเขตภาคเหนือตอนบนและกระจายอยู่ในกลุ่มคนล้านนา รวมไปถึงชนชาวไทยบางกลุ่มเท่านั้น..... ว่ากันว่าด้วยความที่มอมเป็นสัตว์ที่มีอำนาจมาก ทำให้มอมมีความหยิ่งลำพอง ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ไม่ดีเหล่านี้จึงฉุดให้มอมไม่สามารถบรรลุธรรมก้าวสู่ความหลุดพ้น คนล้านนาจึงได้นำเอารูปประติมากรรมมอม มาตั้งไว้บริเวณทางขึ้นหรือทางเข้าโบสถ์ วิหาร ศาลา ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสติให้คนเรามีจิตสำนึกลดความมีอคติและมุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อให้ตนเองหลุดพ้น ตามหลักของพระพุทธศาสนา...
สุระณันตุ โภนโต ปัชชุนนะเทโว ข้าแต่เทพไธ้ ตนเปนใหญ่แก่เทวา เป็นเจ้าแก่เฆมะธาราฟากฟ้า กาละบัดนี้ก็เปนระดูวัสสา อันควรมีน้ำฟ้าสายฝน หยาดตกจากบนสู่ลุ่มใต้ ชุ่มเย็นแก่มวลหมู่ไม้รุกขา บัดนี้นาก็ยังว่าไป่เปนดั่งอั้น โขงชมพูนั้นก็ขาดกลั้นสายฝน น้ำจากพายบนบ่ตกลุ่มใต้ .....ฯลฯ ว่ากันว่าเมื่อถึงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่ชาวนาจะเริ่มทำนา หากฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวล้านนาจะมีคติความเชื่อในเรื่องของการบวงสรวงเทพเจ้าที่ชื่อว่า ปัชชุนเทวบุตร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้าฝน สถิต ณ สรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ทรง มอม เป็นสัตว์พาหนะ
ปัชชุนนะ แปลว่า เมฆฝน ผู้ที่ครองเมฆ ก็คือผู้ที่ครองฝน ด้วยฝนเกิดจากเมฆ ทำให้เทพปัชชุนนะ มีบทบาทสำคัญในการร้องขอฝน เมื่อบ้านเมืองขาดน้ำฟ้าในการทำนา แม้แต่พระพุทธเจ้าในกาลเสวยพระชาติเป็นพญาปลาช่อน ก็ยังได้ร้องขอฝนต่อเทพปัชชุนนะ ปัชชุนนเทพ ท่านจงคำรณคำรามให้ฝนตกมา ด้วยความไม่แน่นอนใจว่าข้าว จะได้ผลดีหรือไม่ อำนาจลึกลับและความเชื่อที่จะช่วยบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ จึงถูกตอบสนองผ่านพิธีกรรมแห่งท้องทุ่ง... สาธุการ ยกมือหว่านไหว้ พุทะเทพไท้ต๋นสัพพัญญู ชุมหมู่ข้าตู่ตกแต่งแป๋งสร้าง บอกไฟขึ้นก๊างจิเป็นบูชา หื้อหันกับต๋า ขึ้นปล๋อมเมฆฟ้า บ่าวสาวแหวนหน้า ต๋าปอมือบัว เสียงไหว้ดังรัว ปานดอยจะปิ๊น ฮ้าวสาวท่าวดิ้นสลบไสล ยอดสายใจ๋ ฝอด้วยเน้อเจ้า.... หากแม้ใกล้ฤดูกาลทำนายามใด ลำนำบทสวดที่ถือปฏิบัติทุกปี ก็หวนกลับดังก้องทุ่งนาเพื่ออ้อนวอนขอน้ำฟ้าอีกครั้งหนึ่ง สิ่งสำคัญในการทำนาที่ชาวนานึกถึงคือ น้ำ กล่าวคือเมื่อใกล้ฤดูทำนาหนใด หากท้องฟ้ายังไร้ฝน ชาวบ้านจะเริ่มบอกกล่าวขอฝนกับอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของ ปัชชุนเทวบุตร ผ่านทาง มอม เพื่อเป็นการย้ำถึงความมั่นใจว่าการบอกกล่าวครั้งนี้ปัชชุนเทวบุตรต้องได้รับแน่
พิธีกรรมในการขอฝนจากมอม เริ่มจากชาวบ้านจะแห่มอมไปตามท้องถนน ระหว่างทางที่แห่มอม ชาวบ้านข้างทางจะร่วมประพรมน้ำให้กับมอมและคนที่ร่วมในพิธี ด้วยความเชื่อที่ว่าหากพวกเขาเซ่นไหว้มอมแล้ว มอมจะนำความเดือดร้อนของชาวบ้านไปบอกกล่าวแก่ ปัชชุนนะเทวบุตร เพื่อบันดาลให้ฝนฟ้าตกลงมาให้ความชุ่มฉ่ำแก่ชาวบ้าน
ถึงเรื่องเล่าข้างต้นจะไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดของมอม แต่ผมก็เชื่อว่าเรื่องราวบางส่วนเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจในตัวตนของมอมมากขึ้น ถึงแม้บางคนจะว่ามอมเป็นสัตว์ในจินตนาการ แต่ก็ยังไม่มีใครออกมายืนยันว่าสัตว์ในจินตนาการจะไม่ได้มีอยู่ในโลกนี้จริงๆ อย่าลืมนะครับว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างในโลกที่ไม่แบนใบนี้ที่เรายังไม่รู้ สัตว์อีกหลายพันธุ์ หลายประเภทที่รอการค้นพบ แน่นอนครับทุกอย่างคงต้องรอการพิสูจน์ แต่ไม่ว่ามอมจะมีจริงหรือไม่มีจริง ผลจากการมีมอมขึ้นมาได้ก่อให้เกิดเรื่องจริงขึ้นสองประการคือ หนึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นคนไทยและวัฒนธรรมไทย สองคือเป็นการบอกเล่าว่าคนไทยมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สวัสดีครับ..... ขอขอบคุณ เอกสารอ้างอิง หนังสือ ข้าวบนแผ่นดินกลายเป็นอื่น โดยเมียงซอ คีรีมัญจา,ปกรณ์ คงสวัสดิ์ ภาพมอม จากเวปไซด์หลายๆแห่ง คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย กับข้อมูล เพื่อนต่อกับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายอ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤษภาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |