มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่งพลเรือเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ทรงกล่าวอบรมทหารเกณฑ์ใหม่ หลังจากที่ทรงอบรมเสร็จ พระองค์ได้ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่พระองค์ได้ทรงทำขึ้นเองแก่บรรดาทหารเกณฑ์ใหม่เหล่านั้น ทันทีที่น้ำพระพุทธมนต์ได้สัมผัสร่าง ทหารเกณฑ์ใหม่บางคนมีอาการของขึ้น ลุกขึ้นเต้นเหมือนลิงและวิ่งออกไปจากแถวทหาร พระองค์ได้ทรงรับสั่งให้ทหารช่วยกันจับทหารเกณฑ์ใหม่เหล่านั้นและนำตัวมาให้ทรงทอดพระเนตร พร้อมกับทรงตรัสถามว่ามีวัตถุมงคลอะไรติดตัวและเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านใด ทหารเกณฑ์ใหม่เหล่านั้นกราบทูลว่า เป็นศิษย์ของ ท่านพระครูพิบูลย์คณารักษ์ (หลวงพ่อดิ่ง) เจ้าอาวาสวัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา และมีเครื่องรางเป็นรูปลิงที่แกะจากรากไม้ติดตัว หลังจากที่พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเครื่องรางดังกล่าวแล้ว ทรงตรัสขึ้นว่า อาจารย์องค์นี้เก่ง
ท่านพระครูพิบูลย์คณารักษ์ หรือที่เราคุ้นชื่อกันว่า หลวงพ่อดิ่ง คงคสุวรณโณ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังครับ โดยเฉพาะเหรียญรูปเหมือนของท่าน ได้รับการจัดเข้าอยู่ในชุด เบญจภาคีเหรียญ ของวงการพระในเมืองไทย แต่ถ้าเป็นเครื่องรางของขลังแล้ว คงต้องยกนิ้วให้กับเครื่องรางรูป ลิง ที่มีประสบการณ์และราคาที่สูงชนเพดานตลาดเครื่องรางของเมืองไทยอีกเช่นกัน ผมและเพื่อนๆร่วมอุดมคติต่างก็เกิดไม่ทันหลวงพ่อดิ่งหรอกครับ แต่จะว่าไปแล้วมันคงเป็นแรงขับเคลื่อนภายในของคนที่ชอบในเรื่องแบบนี้ ประมาณว่าไม่เคยเจอหลวงพ่อแค่ได้กราบลูกศิษย์ของท่านก็พอใจแล้ว ยิ่งถ้าได้ทราบต่ออีกว่าลูกศิษย์องค์นี้เคยได้รับวิชาจากท่านมาบ้างก็เป็นอันว่าได้ใจพวกเราเข้าไปใหญ่ครับ ถึงแม้ว่าระยะทางและเวลาจะเป็นข้อจำกัด แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความศรัทธาและความสนใจของพวกเราเลยครับ โดยเฉพาะในยามที่พวกเรามีความตั้งใจ วัดบางวัว ตั้งอยู่ตำบลบางวัว อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และถ้าเราอยากทดสอบฝีเท้าโดยวิ่งข้ามถนนหลายเลนไปอีกฝั่ง จะเป็นเขตของตำบลบางสมัคร อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ในตำบลบางสมัครนี้แหละครับที่มี วัดบางสมัคร ซึ่งเจ้าอาวาสวัดนี้คือพระมงคลสุทธิคุณ หรือ หลวงพ่อฟู อติภทโท ลูกศิษย์องค์สุดท้ายของหลวงพ่อดิ่งครับ
หลวงพ่อฟู ท่านมีนามเดิมว่า ฟู นามสกุล ดวงดารา เกิดเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ณ บ้านบางสมัคร โยมบิดา มารดา ชื่อ นายนุ่ม-นางเปี่ยม ดวงดารา ด้วยความที่มีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ดังนั้นเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๕ ณ. วัดบางสมัคร โดยมี พระครูพิบูลย์คณารักษ์ (หลวงพ่อดิ่ง) วัดบางวัวเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมกิจนุรักษ์ (หลวงพ่อชื้อ) วัดทองนพคุณ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูเมธีธรรมโฆสิต (หลวงพ่อจอม) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางสมัคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยหลวงพ่อฟูท่านได้รับฉายาว่า อติภทโท ครับ หลวงพ่อฟู ท่านเป็นพระใจดีครับ ถึงรูปร่างของท่านจะค่อนข้างเล็กแต่ความเมตตาของท่านยิ่งใหญ่มากครับ เพราะระหว่างที่พวกเรานั่งสนทนากับท่าน พบว่าการจราจรในกุฏิของท่านค่อนข้างหนาแน่นครับ บางคนก็มาติดต่อเรื่องบวช บางคนก็มาขอความช่วยเหลือ บางคนก็มาขอฤกษ์ ฯลฯ ซึ่งพวกเราไม่เห็นหลวงพ่อปฏิเสธคำขอเลยครับ มีแต่จะครองปัญหาและแนะนำวิธีแก้ไขหรือไม่ก็สงเคราะห์กันไปตามความเหมาะสมครับ
เขามาให้ช่วย เราก็ต้องช่วย เอาเท่าที่ทำได้ วัดกับบ้านต้องช่วยเหลือกัน ครับในโลกทุกวันนี้ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและไร้น้ำใจ แต่ทว่าโลกในมุมที่กลับกันก็เป็นที่รู้กันทั่วบางสมัครว่า ถ้าใครเดือดร้อนและต้องการที่พึงทางใจ ไม่ว่าจะเรื่องใด ลองได้มาปรึกษากับหลวงพ่อสูงวัยท่านนี้รับประกันได้ว่าไม่มีผิดหวัง
คนเราตายไปเอาอะไรไปได้บ้าง แม้แต่เงินที่อมอยู่ในปากก็ยังเอาไปไม่ได้ ความดีต่างหากที่มีคุณค่า ต่อให้เราตายไปคนก็จะพูดถึงความดีงามที่เราทำ หลวงพ่อฟูเล่าให้พวกเราฟังว่า สมัยตอนบวชใหม่ๆ ท่านไม่ได้สนใจเรื่องคาถาอาคมหรอกครับ เพราะท่านมุ่งมั่นแต่ในเรื่องของการเรียนนักธรรมและบาลี แต่เพราะบริบทของสภาพแวดล้อมในยุคสมัยนั้นที่ศูนย์รวมของจิตใจชาวบ้านต่างอยู่ที่วัด เริ่มตั้งแต่เกิดจนตาย ทำให้ท่านหันมาศึกษาในเรื่องของศาสตร์ลึกลับแนวนี้บ้าง หลวงพ่อฟู ท่านเป็นพระที่เก่งและใจดี พี่ชายคนหนึ่งที่มาขอบวชกระซิบบอกผม.... แล้วเคยมีคนแขวนพระของหลวงพ่อโดนยิงไม่เข้าบ้างไหม ผมกระซิบถามบ้าง... ไม่มีครับ มีแต่คนแขวนลิงของท่านแล้วโดนมีดพร้าฟันที่หัวแต่ไม่เข้า ได้ฟังแล้วไม่รู้จะยิ้มดีหรือเปล่า รู้แต่ว่าไม่พลาดครับ พวกเรามาถูกที่ ถูกวัดทีเดียว....เพราะเท่าที่เราทราบมาเบื้องต้น หลวงพ่อฟูจัดว่าเป็นพระมีวิชาและครูบาอาจารย์เยอะพอสมควร บางองค์เก่งทางเป็นพระหมอรักษาโรค บางองค์เป็นพระที่เด่นในเรื่องเมตตา บางองค์ก็เชี่ยวชาญในด้านคงกระพัน ฯลฯ
จะว่าไปแล้วส่วนมากครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อฟูจะเป็นพระเกจิอาจารย์ภาคตะวันออก เช่นหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงพ่อจอม อดีตเจ้าอาวาสวัดบางสมัคร หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ฯลฯ ซึ่งแต่ละองค์ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่มีอยู่องค์หนึ่งครับ น่าสนใจ ท่านชื่อว่า "หลวงปู่บุญมา วัดอุทยานนที จังหวัดชลบุรี" วัดนี้อยู่ในตัวเมืองชลครับ หลวงปู่บุญมาท่านเป็นพระที่ดำรงวัตรปฏิบัติอย่างสมถะ รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ชื่อเสียงของหลวงปู่อาจจะไม่ดังคับแผ่นดิน แต่ถ้าเป็นเด็กเมืองชลยุคหลัง ๒๕๐๐ แถวบ้านโขดละก็ ผ่านมือหลวงปู่มาเกือบทั้งนั้น ที่ว่าผ่านเพราะส่วนมากเด็กที่เกิดใหม่พ่อแม่มักจะให้หลวงปู่ท่านโกนผมไฟ ผูกข้อมือครับ ว่ากันว่าเด็กคนไหนที่หลวงปู่ผูกข้อมือให้ มักจะเลี้ยงง่าย ร่างกายแข็งแรงครับ หลวงพ่อฟูท่านเล่าว่าโดยปกติแล้วหลายๆคน มักจะคิดว่าหลวงปู่บุญมาท่านจะเก่งแต่ด้านการทำยาสมุนไพร ยาหอม ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงแล้วหลวงปู่บุญมาท่านเป็นพระที่ขลังเอาการครับ เพราะหลวงพ่อฟูท่านเคยให้หลวงปู่บุญมาเสกพระให้ชุดหนึ่ง ปรากฏว่ามีคนที่ได้รับพระชุดนี้ไปจากท่านและไปโดนลอบยิงมาสามรอบ แต่ก็ไม่ได้รับอันตรายเป็นแค่ออกอาการ จุกๆคันๆ ซึ่งกับหลวงปู่บุญมา วัดอุทยานนที องค์นี้ หลวงพ่อฟูท่านได้สืบวิชามาค่อนข้างเยอะครับ
เวลาที่ไปหาครูบาอาจารย์ เช่นหลวงพ่อเริ่ม ตอนที่ท่านสอนหรือแนะนำอะไรก็จะจำและจดเอาไว้ หลวงพ่อเริ่มท่านบอกว่ามีอะไรก็นึกถึงครูบาอาจารย์ด้วย เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าคนเราไม่มีใครเกิดมาแล้วจะฉลาดหรือเก่งเลยทีเดียว ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของพรสวรรค์ ผมเชื่อว่าทุกคนเกิดมาล้วนมีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่กำเนิด เพียงแต่ว่าเราจะค้นพบพรสวรรค์ของเรากันตอนไหนเท่านั้นเอง หลวงพ่อเล่าว่าโดยส่วนมากแล้วเวลาที่ท่านเข้าไปขอเรียนวิชาอาคม อาจารย์ของท่านมักจะสอนเป็นเชิงแนะนำและให้ท่านกลับไปฝึกปฏิบัติเอาเอง ซึ่งท่านว่าวิชาอาคมต่างๆ ก็มีอยู่ในบทสวดมนต์เกือบจะทั้งนั้น สำคัญคือการไม่ลืมครูบาอาจารย์และต้องหมั่นฝึกปฏิบัติสมาธิกรรมฐานควบคู่ไปด้วย เพราะการฝึกกรรมฐานจะทำให้วิชาอาคมเหล่านี้มีพลังมากขึ้นเป็นเท่าทวี เชื่อกันว่าไสยศาสตร์เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับ ซึ่งหลวงพ่อฟูเองท่านก็เชื่อเช่นนั้น เพียงแต่ท่านบอกว่าในส่วนของความลึกลับนั้นมันก็มีบางแง่บางมุมที่เราพอจะศึกษาได้หากเราเปิดใจรับมัน และถ้าเราได้ศึกษามันอย่างจริงจัง เราก็จะพบว่าของบางอย่างมันก็เหมาะสมเฉพาะคนจริงๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่เรียนมาเหมือนกันแล้วจะทำได้เหมือนกันหมด เช่น ครั้งหนึ่งท่านกับเพื่อนของท่านได้ไปขอวิชากับหลวงพ่อดิ่ง โดยในวันนั้นหลวงพ่อดิ่งท่านได้สอน"คาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์" ท่านว่ามันก็เป็นเรื่องแปลก เพราะว่าโดยสากลแล้ว คาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์เป็นวิชาที่ใช้คุ้มครองตัว ป้องกันอันตรายจากบรรดาคมอาวุธ แต่เพื่อนของท่านกลับนำคาถานี้ไปใช้รักษาโรค ทำน้ำมนต์ ไล่ผีสาง ได้เด็ดขาดนัก ความพิศดารของคาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์ ทำให้ท่านต้องกลับมาคิดถึงความเป็นเหตุเป็นผลว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น คำตอบสุดท้ายที่ถูกเฉลยจากหลวงพ่อดิ่งคือ คำว่า จิต ท่านว่าหลังจากวันนั้นและตลอดระยะเวลาที่ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ ในการปลุกเสกวัตถุมงคลทุกครั้งท่านจึงไม่มีความลังเลใจเลยที่จะใช้ จิต เป็นตัวนำ คำว่า จิต นี่สำคัญนะครับ เพราะเป็นคำเดียวที่สามารถตอบโจทย์ในวิชาไสยศาสตร์ได้ทั้งหมด สามารถที่จะใช้ทำลาย สร้างสรรค์ และเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆในเชิงนี้ จะว่าไปแล้ว จิต เป็นหนึ่งคำที่กินความหมายลึกซึ้งครับ เพราะไม่ว่าใครก็ตามหากคิดจะศึกษาไสยศาสตร์ให้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องมี เหมือนกระบี่ในใจแหละครับ เมื่อถูกนำออกมาใช้ก็สามารถจี้ถูกจุดของฝ่ายตรงข้ามได้ภายในหนึ่งเพลงดาบ
ใครบางคนเคยบอกว่า ความศรัทธาและความงมงาย เป็นดั่งเชือกเส้นเดียวกันเพียงแต่ความหมายนั้นแตกต่างกันสุดขั้วโลก ดังนั้นคนเราจึงควรระวังครับ เพราะหากพลาดพลั้งไปความศรัทธาก็สามารถจะเปลี่ยนเป็นความงมงายได้อย่างง่ายๆ คนเรามีความเชื่อความศรัทธาเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะการศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้องมันก็จะช่วยชักนำเราไปในสิ่งที่ดีๆ ได้ครับ ดังเช่นเรื่องนี้ หลวงพ่อเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่ท่านบวชใหม่ หลวงพ่อพร้อมด้วยเพื่อนของท่านได้ไปกราบหลวงพ่อดิ่ง ก่อนกลับหลวงพ่อดิ่งท่านได้สอนคาถาให้บทหนึ่งใช้ท่องภาวนา สำหรับเพื่อนที่ไปด้วยมีพิเศษหน่อยคือได้ล็อคเก็ตอันเล็กๆ เป็นรูปหลวงพ่อดิ่ง ซึ่งเพื่อนของท่านได้พกไว้ในกล่องใส่บุหรี่ ตกดึกของคืนหนึ่งอากาศค่อนข้างร้อน เพื่อนของท่านได้ออกมานั่งรับลมตรงบันไดบ้าน และถูกลอบยิง แต่ก็แปลกที่ลูกปืนไม่สามารถทำอะไรได้ หลังจากที่หายตกตะลึงเพื่อนของท่านจึงวิ่งไล่กวดคนร้ายแต่ไม่ทัน เพราะในคืนนั้นบังเอิญว่านุ่งแค่ผ้าขาวม้าตัวเดียวเลยวิ่งไม่ค่อยถนัด มันเล่าว่ายิงไม่เข้าอย่านึกว่าไม่เจ็บ มันเหมือนเอาสากมากระทุ้งสีข้าง หลวงพ่อทวนคำพูดของเพื่อนท่านด้วยรอยยิ้ม ก่อนเล่าให้พวกเราฟังต่อว่าในวันนั้นเพื่อนของท่านไม่มีอะไรติดตัว ล็อคเก็ตรูปหลวงพ่อดิ่งก็เก็บอยู่บนหัวนอนภายในบ้าน คาถาที่ให้ก็ไม่ได้ท่อง ที่รอดมาได้ก็เพราะในใจเพื่อนของท่านนึกถึงหลวงพ่อดิ่งตลอด
หลวงพ่อดิ่ง ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่มีของแค่นึกถึงท่านก็สามารถคุ้มครองได้แล้ว ครับ ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เป็นสัจธรรมที่แท้จริงซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะมานั่งพิสูจน์ในเรื่องนี้ เพราะสถานการณ์หรือบริบทแต่ละอย่างพร้อมที่จะพลิกผันได้ตลอดเวลา เรื่องราวบางอย่างฟังแล้วอาจจะเป็นที่ขบขันสำหรับคนอื่น แต่ถ้าถามว่าหากตัวเราต้องพบกับสถานการณ์แบบเพื่อนของหลวงพ่อฟูประสบเราจะขำออกไหม หรือว่าบางทีเราอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเราได้อย่างไร เพราะฉะนั้น นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เถอะครับ ไม่ผิดกฏหมาย เรื่องของหลวงพ่อฟู ยังคงมีอีกเยอะครับ โดยเฉพาะในส่วนของความศักดิ์สิทธิ์ในองค์หลวงพ่อดิ่งและวัตถุมงคลของหลวงพ่อฟู เอาไว้ต่อตอนหน้าดีกว่า....สวัสดีครับ
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับภาพถ่าย เพื่อนต่อกับคำแนะนำและคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 |