Antony Blinken เป็นตัวเต็งที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาคนใหม่ เพราะตัวว่าที่ประธานาธิบดีเอง โจ ไบเดน ได้เป็นผู้ยืนยันด้วยตนเอง เพราะเป็นคนใกล้ตัวที่ โจ ไบเดน ไว้วางใจให้หนึ่งในทีมที่ปรึกษาทางด้านกิจการต่างประเทศมานาน

นายแอนโทนี บลิงเคน ตอนนี้มีอายุ 58 ปี ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในแวดวงกิจการต่างประเทศของสหรัฐ ถือว่า "เก๋าเรียกพี่" เขาจัดเป็นมืออาชีพจริงแท้และแน่นอนด้านต่างประเทศแตกต่างจากนายไมค์ ปอมเปโอที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ไปโยกมาจาก CIA ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่การทูตของสหรัฐดูด้วยชั้นเชิงและโผงผางโจ๋งครึ๋มเกินไปสักหน่อย และแน่นอนว่าตัวแอนโทนี บลิงเคนเขามีจุดยืนที่สอดคล้องกับ "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และมีนโยบายที่จะนำสหรัฐกลับสู่บทบาทผู้นำโลกอีกครั้ง รวมทั้งต้องมาไล่ปัดกวาดนโยบายต่างๆ ที่ประธานาธิบดีคนเก่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ได้ลงนามใหม่ และถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงและสนธิสัญญาเก่าต่อประชาคมโลกหลายๆ เรื่อง ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เป็นต้นว่าจะต้องนำสหรัฐกลับเข้าสู่สนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก, นำสหรัฐกลับสู่องค์การอนามัยโลก เพื่อให้อเมริกามีบทบาทนำในการจัดการกับปัญหาโควิด-19, กลับสู่ข้อตกลงยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้ง รวมถึงบทบาทสหรัฐในองค์การการค้าโลก หรือ WTO ที่ทรัมป์ได้พาอเมริกาให้ลดบทบาทลงไป

แอนโทนี บลิงเคน จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยเป็นบรรณาธิการหนังสือมหาวิทยาลัย The Harvard Crimson เมื่อจบการศึกษาจึงไปทำงานด้านสื่อด้วยการเป็นนักข่าวของนิตยสาร The New Republic แล้วเข้าเรียนกฎหมายที่ Columbia Law School จากนั้นก็ทำงานเป็นนักกฎหมายที่นิวยอร์กและปารีส ก่อนจะก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง โดยได้ทำงานให้กับอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ต่อมาจึงได้เป็นผู้อำนวยการเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดโมแครตในคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ต่อเนื่องมาถึงอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เขาจึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ จึงคุ้นเคย สนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนั่นเอง

แน่นอนที่สุดว่าทั่วโลกจะต้องจับตาดูฯโยบายและวิธีปฏิบัติของสหรัฐต่อจีนอย่างเข้มข้นอีกครั้ง หลังได้เกาะติด Trade War ระหว่างสหรัฐกับจีน มาตลอดช่วง 4 ปีในสมัย "โดนัลด์ ทรัมป์" แน่นอนว่า เมื่อจีนเป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมสถาปนา RCEP เขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดของโลกขึ้นมา ไบเดนคงจะหันหัวเรือให้สหรัฐจะกลับมาเป็นสมาชิกของ CPTPP อีกครั้ง และเมื่อประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" ของจีน ประกาศว่าจีนพร้อมจะเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ด้วย บางที สหรัฐอาจจะต้องสร้างเขตการค้าเสรีใหม่ที่มีอิทธิพลและใหญ่ไม่น้อยกว่าที่จีนมีบทบาทขึ้นมา เพื่อคานอำนาจของจีนในเอเชียไว้อย่างเข้มข้น

"โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ได้เคยประกาศเอาไว้ว่า "เราจะยอมให้จีนเป็นคนเขียนกติกาการค้าโลกไม่ได้ บทบาทนั้นต้องเป็นของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น”

ขอบคุณ: Vacation Rentals | Housing for Remote Workers | Event Venues Marketplace | Cheap Hotel Booking