เมธิลโบไมด์ 98%,100%

ยาพ่นชนิดน้ำ บรรจุ : 1 ถัง 50 กิโลกรัม 98% + 2% (แก็สน้ำตา) 100% จากประเทศอิสราเอล
คุณสมบัติ 
ใช้รมผลิตผลพืชไร่นาทุกชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วต่าง ๆ มันสำปะหลังอัดเม็ด เครื่องยา จีนสมุนไพร เพื่อกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร ในโรงเก็บ ใช้รมเฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยไม้และหวาย ไม้แกะสลักและเครื่องจักสารต่าง ๆ เพื่อกำจัดมอดเจาะไม้ (borer)

รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า 
ชื่อสามัญ เมทิลโบร์ไมด์ (methyl bromide)
กลุ่มสารเคมี Organic
สาระสำคัญ methyl bromide 98 % + chloropicrin เพื่อใช้เป็นสารเตือนอันตราย (warning agent) 2 %
จุดเด่น สังเกต บริเวณ ขอบส่วนบนของถังจะเป็นสีเหลือง สีน้ำเงิน , สีเทา 
ลักษณะเหมือนถังแก๊ส (เบลเยี่ยม)
ประเทศผู้ผลิต จีน อิสราเอล และ เบลเยี่ยม 
ขนาดบรรจุ บรรจุสารรมยา 50 กิโลกรัม น้ำหนักถังเหล็ก พร้อมฝา รวมไม่เกิน 16-18 กิโลกรัม

คุณสมบัติ 
ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชที่ทำลายผลิตผลทางการเกษตรภายหลังเก็บเกี่ยวรวมทั้งอาหารสำเร็จรูปผลิตผลในโรงเก็บ ตามตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าส่งออกต่างประเทศ เฟอร์นิเจอร์ไม้ เครื่องหวาย กองข้าว ข้าวโพด เมล็ดพันธุ์พืช เครื่องเทศสมุนไพร อาหารสัตว์ ปลาป่น กาแฟ ยาสูบ ฯลฯ

การจะนำสารเมทิลโบรไมด์เข้าในประเทศไทยมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง 

สารเมทิลโบรไมด์จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 การนำเข้าจะต้องขออนุญาตและดำเนินตาม ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร (เพื่อการนำเข้า) ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535  สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายวัตถุมีพิษ ส่วนใบอนุญาตและขึ้นทะเบียน สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กรุงเทพฯ ในวันและเวลาราชการ

MRL คืออะไร 

MRL (Maximum Residue Limit) คือ ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด ซึ่งสามารถมีได้ในผลิตภัณฑ์และผลิตผลจากการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นพืช ประมง หรือปศุสัตว์ โดยปริมาณดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อผู้บริโภค มีหน่วยเป็นมิลลิกรัมสารพิษตกค้างต่อกิโลกรัมของผลิตภัณฑ์หรือผลิตผล โดยเป็นนิยามที่กำหนดขึ้นตาม FAO และองค์การอนามัยโลก (WHO) และมีการกำหนดค่าMRL ตามมาตรฐานของ CODEX (1)

  ---------------------------------------------------------------------------

 (1) CODEX เป็นโครงการร่วมระหว่าง FAO (Food and Agricultural Organization) และWHO (World Health Organization) ทำการจัดตั้งมาตรฐานอาหารสากล โดยซึ่งเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงและกำหนดค่าปริมาณสารตกค้างสูงสุดในผลิตผลทางการเกษตร เมื่อพิจารณาตามลักษณะการกำหนดมาตรฐานแล้วสามารถแบ่งมาตรฐาน Codex ออกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1. Vertical standard ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานสินค้าต่างๆ (Commodity standard)เช่น มาตรฐานสัปปะรดกระป๋อง

2. Horizontal standard ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดทั่วไป (General subject) ที่จะนำไปใช้กับสินค้าต่างๆ เช่น ข้อกำหนดสารพิษตกค้างในอาหาร

ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมพิธีสารมอนทรีออล 

ประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบรรณในพิธีสารฉบับนี้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2531 และวันที่ 7 กรกฎาคม 2532 ตามลำดับและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2532 ซึ่งมีสาเหตุสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนี้

            1. แสดงความรับผิดชอบและความร่วมมือกับนานาประเทศในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโลก

            2. ป้องกันการขาดแคลนสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนซึ่งประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้เองต้องนำเข้าจากต่างประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกในอนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารมอนทรีออลเท่านั้น

            3. เพื่อป้องกันมิให้สินค้าส่งออกของไทยที่ยังคงบรรจุด้วยภาชนะที่ผลิตโดยใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนถูกกีดกัน

            4. เพื่อให้อุตสาหกรรมของไทยที่ต้องเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนในอนาคตอันใกล้ สามารถขอรับความช่วยเหลือทางเทคนิคและทางการเงินจากกกองทุนพหุภาคีเพื่อการอนุวัติพิธีสารมอนทรีออล ความช่วยเหลือดังกล่าวนอกจากจะทำให้สามารถเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนให้เป็นไปตามพันธกรณีที่กำหนดในพิธีสารฯ แล้วยังมีผลทางอ้อมในการเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมของไทยปรับปรุงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตและการจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดการค้าโลกสูงขึ้น

            5. การดำเนินการเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนอย่างรวดเร็วจะช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถขยายส่วนแบ่งทางการค้าได้อีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศพัฒนาแล้วได้ตั้งข้อรังเกียจสินค้าที่มีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม

            จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศมีการแข่งขันกันสูงมากไม่เพียงแต่คุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือผลิตผลเท่านั้น แต่ยังมีการตั้งกำแพงด้วยการกีดกันสินค้าหรือส่วนประกอบที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศไทยต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ในที่สุด

เหตุใดต้องจำกัดปริมาณการนำเข้าสารเมทิลโบรไมด์ 

สารเมทิลโบรไมด์เป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนซึ่งถูกควบคุมตาม Annex E ของพิธีสารมอนทรีออล เนื่องจากพบว่าเป็นสารที่มีค่าศักยภาพในการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน (Ozone Depleting Substance Potential : ODP) เท่ากับ 0.6  เท่าของสาร CFC-11  เป็นสารที่มีความเป็นพิษสูง ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศภาคีสมาชิกพิธีสารฯ จึงมีหน้าที่ร่วมกันลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนเพื่อสิ่งแวดล้อมอันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของนานาประเทศ

การกำหนดค่า MRL เพื่อการนำเข้าสินค้าในประเทศต่าง ๆ แต่ละประเทศมีการกำหนดค่าเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร 

การส่งออกผลิตภัณฑ์หรือผลิตผลทางการเกษตรและอาหารเพื่อนำเข้าต่างประเทศนั้น ในแต่ละประเทศจะมีการกำหนดค่า MRL ของสารที่ใช้แตกต่างกัน สำหรับค่า MRL ของสารเมทิลโบรไมด์ที่กำหนดไว้ในแต่ละประเทศมีดังนี้

            ค่ามาตรฐานสารพิษตกค้างประเทศคู่ค้า

            ประเทศไต้หวัน

            ประเทศเกาหลี

            กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU)

            ประเทศอังกฤษ

            ประเทศสหรัฐอเมริกา

            ประเทศออสเตรเลีย

            ประเทศนิวซีแลนด์

การเลิกใช้สารเมทิลโบรไมด์จะมีในส่วนใดบ้าง และเมื่อไหร่ 

ในปัจจุบันประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงของพิธีสารมอนทรีออลได้กำหนดให้ลดและเลิกใช้สารเมทิลโบรไมด์สำหรับ non –QPS ซึ่งกำหนดโควตานำเข้าสารเมทิลโบรไมด์ไว้ในรายละเอียด ปริมาณเมทิลโบรไมด์ที่อนุญาตให้นำเข้า

            สำหรับการใช้กำจัดศัตรูพืชในผลิตผลทางการเกษตรก่อนการส่งออกและการใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อการกักกันพืช (Quarantine and Preshipment; QPS) ได้รับข้อยกเว้นไม่ต้องควบคุมและลดการใช้สารเมทิลโบรไมด์ในขณะนี้ แต่การใช้นั้นต้องสอดคล้องกับคำจำกัดความของ QPS ตามมติที่ VI/11, VII/15 และ XI/12 ของการประชุมภาคีรัฐพิธีสาร และประเทศไทยต้องรายงานการใช้สารเมทิลโบรไมด์ต่อ Ozone Secretariat โดยต้องรายงานแยกตามชนิดของสินค้า เหตุผลในการใช้ รวมทั้งเอกสาร/ข้อกำหนดจากประเทศผู้ส่งออกและ/หรือประเทศผู้นำเข้าที่มีการบังคับให้ใช้เมทิลโบรไมด์ด้วย

หากต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือจะมีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบ 

ติดต่อขอข้อมูลและเข้าร่วมโครงการเพื่อรับความช่วยเหลือได้จากสำนักบริหาร โครงการลดและเลิกใช้สารเมทิลโบรไมด์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการลดและเลิกใช้สารเมทิลโบรไมด์ในประเทศไทยที่เกี่ยวกับด้านการเกษตร ได้ทุกวันและเวลาราชการ