*/
เวียงแหง ไชยปราการ ลาหู่ | ||
![]() |
||
ศฤฆารฮัท อ่างขาง แม่ฝางหลวง ครูอาสา วันเด็ก ลาหู่ มูเซอแดง ดอกวาสนาสวยที่สุด นำพุร้อนฝาง |
||
View All ![]() |
<< | มกราคม 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
มิได้สนิทสนมคุ้นเคย รู้่จักผ่านสื่อว่าเขาคือโก๊ะตี๋ ที่เอ็ดดี้ ผีน่ารัก นำมาเล่นตลกตั้งแต่ยังตัวเล็ก ๆ จนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วไป วันนั้นถ้าเอ็ดดี้ ไม่พาเด็กไว้ผมโก๊ะมาขึ้นเวที แล้วโปรโมทออกหน้าออกตา "หลานผม หลานผม" เราคงไม่ได้รู้จักดราราตลกอารมณ์ดีคนนี้ และถ้าเอ็ดดี้ไม่ได้เว้นที่ไว้หนูโก๊ะตี๋ได้ยืนอย่างสง่างาม ในวงการ....ในช่วงการแยกตัวออกมาตั้งคณะของตัวเอง...มีข่าวเรื่องสัญญาอยู่พักหนึ่ง ข่าวจบลงด้วยการที่เอ็ดดี้ ฉีกสัญญา ปล่อยเด็กที่ตนสร้างมากับมือโดยไม่ลบด้วยเท้า... ลองมาทำความรู้จักกับอดีตเด็กคนหนึ่งที่่มีโอกาสประสบความสำเร็จ และมีความกตัญญู ต่อบุพการีผู้มีอุปการะคุณ
โก๊ะตี๋ ในวัยเด็ก เรียนชั้นประถมที่ โรงเรียนวัดท่าอิฐ จังหวัดอ่างทอง ตอนเด็กมีผลการเรียนดีมาก และเรียนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนโพธิ์ทองจินดามณี จังหวัดอ่างทอง แต่ด้วยความเกเรตามเพื่อนจึงไม่ได้สอบ และหนีออกจากบ้านไปอยู่กับคณะลิเกอยู่พักหนี่ง ก่อนจะไปช่วยพี่สาวขายผักที่พิจิตร โดยร้องลิเกขายผักจนมีคนแนะนำให้ไปหาพระที่เป็นที่นับถือ ของนักร้องนักแสดงเพื่อให้ช่วยเหลือ โก๊ะตี๋ เริ่มเข้าสู่วงการเมื่ออายุประมาณ ๑๓-๑๔ ปี โดยร่วมงานกับคณะตลก เอ็ดดี้ ผีน่ารัก ตอนนั้นใช้ชื่อในการแสดงว่า โก๊ะตี๋ ผีน่ารัก เพราะไว้ผมโก๊ะ และเปลี่ยนชื่อเป็น โก๊ะตี๋ อารามบอย ภายหลังจากมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง โก๊ะตี๋ วีรบุรุษอารามบอย และแยกออกมาตั้งคณะตลกของตัวเอง เจ้าตัวได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ในอนาคตถ้าไม่ได้เป็นนักแสดง ตั้งใจจะบวช และอาจบวชตลอดทั้งชีวิตเลยก็ได้ (ขอบคุณข้อมูลส่วนนี้จาก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีhttp://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B_%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A2)
รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของตลกร่างท้วม "โก๊ะตี๋ อารามบอย" ที่ปรากฏตัวในแทบจะทุกสื่อทุกช่องในเวลานี้ อาจทำให้ใครหลาย ๆ คน หัวเราะชอบใจกับความร่าเริง และความมีอารมณ์ดีของเขา แต่เมื่อการแสดงบนหน้าม่านสิ้นสุดลง จะมีใครรู้บ้างไหมว่า หลังฉากต่อจากนั้น ตลกคิวทองอย่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย" คนนี้ ต้องเผชิญกับความเครียด และเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ จนแทบจะ "ตลก" ไม่ออก อีกมากมายที่พรั่งพรูเข้ามาจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่า ชีวิตของนายเจริญพร อ่อนละม้าย หรือ "โก๊ะตี๋ อารามบอย" คงจะสุขสบายเช่นเดียวกับรอยยิ้ม และมุกตลกที่เขาสามารถเนรมิตออกมาได้ทุกครั้ง ยามที่ต้องอยู่หน้ากล้อง บนเวทีที่แสงไฟสาดส่องลงมายังตัวเขา เพราะในอีกมุมหนึ่ง "โก๊ะตี๋" ยังต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว ญาติพี่น้อง กระทั่งญาติของญาติพี่น้องอีกนับยี่สิบชีวิต ซึ่งมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังที่ "โก๊ะตี๋" ซื้อไว้ให้ เพื่อเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้าน รวมทั้งจ่ายเป็นเงินเดือนให้คนในครอบครัวฟรี ๆ โดยที่ครอบครัวของเขาไม่ต้องทำอะไร ซึ่งหากเดือนไหนที่ "โก๊ะตี๋" ไม่สามารถหาเงินได้ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท นั่นเท่ากับว่าเดือนนั้นเขาต้องเป็นหนี้!!! ตั้งแต่เข้าวงการมา หาเงินมาได้ก็ต้องใช้เลี้ยงครอบครัว แต่นี่ก็เป็นทางที่เราเลือกแล้ว เพราะอยากให้แม่สบายใจ อยากเห็นแม่มีความสุข ใครไม่เป็นหนูไม่รู้หรอกว่า มันเหนื่อยมาก เหนื่อยจริง ๆ " ตลกร่างท้วม เผยความในใจ จนแทบจะไม่ได้เจอหน้า หรือพูดคุยกับใคร แต่อย่างน้อย ทุก ๆ เช้า โก๊ะตี๋ยังได้พูดคุย และนั่งทานข้าวกับแม่ ก่อนจะออกไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว นี่คือคติพจน์ประจำใจของตลกมืออาชีพคนนี้ โก๊ะตี๋ บอกว่า การที่เขาได้ออกไปนอกบ้าน ไปพบปะผู้คน ไปแสดงตลก เป็นทางที่เขาเลือกใช้ระบายความเครียดจากภาระหน้าที่ในบ้าน แต่หากอยู่ที่บ้าน เขาก็ต้องแบกรับความเป็นหัวหน้าครอบครัว และทำตัวมีสาระ ราวกับเป็นคนละคน คนละร่างก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะถอยรถให้พี่คนนี้ ไปขอเมียให้พี่คนนั้น ส่งหลานคนนู้นเรียนหนังสือ เป็นภาระของน้องทั้งนั้นแม่ก็สงสารเขามาก แต่ไม่เคยถามหรอกว่าทำไมลูกต้องทำมากขนาดนี้ เพราะรู้อยู่เต็มอกแล้ว ว่าเขาต้องลำบากเพื่อพี่น้อง เพื่อแม่ เพื่อให้ทุกคนอยู่ดีกินดี ภาพข้างนอกของเขาอาจจะดูยิ้มสู้ แต่ข้างในเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่กดทับอยู่ที่อก" แม่ดาวเรือง เผยความในใจที่สุดแสนจะสงสารลูกชาย ยังได้ทำธุรกิจร้านข้าวมันไก่ของตัวเองอีกหนึ่งอาชีพ หากแต่ไม่ใช่เป็นการเปิดร้านเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวเท่านั้น แต่จุดประสงค์หลักของเขาก็เพื่อต้องการให้คนในครอบครัวได้หัดทำอะไรบ้าง และยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ดังที่เขาบอกว่า ร้านนี้เป็น "โรงเรียนฝึกสันดานครอบครัว" เพราะคนในครอบครัวอยู่สบายกันเสียจนเคยตัวแล้ว ซ้ำยังมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาโดยตลอด เขาจึงต้องตัดปัญหาด้วยการทำธุรกิจ และขยายสาขาให้คนแต่ละตระกูลแยกกันรับผิดชอบดูแล ซึ่งก็ยังมิวายเกิดปัญหาในครอบครัวอยู่ดี แต่เหนื่อยใจ ตื่นขึ้นมาก็ยังเจอเหมือนเดิม อีกไม่นานหรอก หนูจะปิดตาไม่รับรู้อีกแล้ว ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ไม่ทนอีกแล้ว ไม่ไหวแล้ว" โก๊ะตี๋ ตัดพ้อชีวิต
เมื่อถามว่า แล้วชีวิตของ "โก๊ะตี๋" มี "สุข" หรือ "ทุกข์" มากกว่ากัน ตลกคิวทองเปรียบเทียบอย่างน่าคิดว่า "หากคน ๆ หนึ่งว่ายน้ำไม่เป็นแต่กระโดดลงไปในแม่น้ำโขง ความทุกข์คือแม่น้ำโขงที่อยู่รอบตัว ส่วนความสุขก็คืออากาศที่อยู่บนฟ้า พอเงยหน้าขึ้นไปสูดอากาศได้ มีความสุขได้หน่อย ตะคริวก็กินอีก ก็ต้องพยายามตะกุยตะกายว่ายน้ำขึ้นมาอีก ชีวิตมันวนเวียนอยู่อย่างนี้" เขาเก็บเอาความเครียดทั้งหมดไปปรับเปลี่ยนเป็นพลังแสดงออกมา พร้อมกับให้คนดูลองดูว่า หากเขาเล่นตลกมากแค่ไหน ก็แสดงความทุกข์ของเขาก็มากเท่านั้น แต่อย่างไรเสีย เขาก็ไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะเข้าใจสัจธรรมของชีวิตดี เพราะคนเราไม่สามารถหัวเราะได้ตลอด ๓๖๕ วัน เช่นเดียวกัน... ไม่มีใครร้องไห้ได้ตลอด ๓๖๕ วัน เราต้องอยู่กับความจริง อยู่กับตัวเอง ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน จะทุกข์ หรือจะสุข เส้นเลือดใหญ่ของเราคือ ชีวิต...ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป" โก๊ะตี้ ทิ้งท้าย ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.kapook.com/view27869.html ................................................................................................................................ ถ้าเด็กเกเรคนหนึ่งไม่มีใครให้โอกาส...เด็กคนนั้นโตขึ้นชีวิตจะเป็นอย่างไร โก๊ะตี๋นับว่าเป็นคนโชคดีที่มีพรสวรรค์ติดมากับตัว มีความสามารถในการแสดง ทั้งเล่นตลก ร้องเพลง เล่นลิเก แสดงและเป็นผู้กำกับภาพยนต์ แต่เด็กอีกมากมายโอกาสก็หาไม่ได้...พรสวรรค์ก็ไม่มี...ยังต้องอยู่ในสังคมที่สิ่งแวดล้อมเสื่อมทราม อนาคตของประเทศไทย ยิ่งนานวันยิ่งน่าเป็นห่วง เด็กในกรุงเทพฯ ตามแฟลต ตามบ้านเช่า สูติบัตรมีชื่่อแม่..แต่ชื่องที่ต้องลงชื่อพ่อ...ระบุว่า ไม่มีพ่อ แม่ก็ตะลอนทิ้งลูกไว้กับตายายแก่ ๆ ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ...เขาจะโตไปทางไหนกัน ผมมัวแต่เข้าป่าเข้าเขาไปหาเด็กดอย...วันหนึ่งพาเด็กในกรุงเทพฯไปเที่ยวทะเล อาการดีใจอย่างน่าแปลกใจเพราะบางคน เป็นครั้งแรกที่ได้ไปบางแสน บางคนเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกครูที่โรงเรียนพาไป และที่สะท้อนใจ...เด็กคนหนึ่งเมื่อส่งกลับบ้าน คุยฟุ้งทั่วแฟลต....ปู่อิคิวใจดีมาก ๆ เลย...พาไปเที่ยวแล้วซื้อขนมที่เซเว่นให้กินด้วย... ใครจะไปคิดว่าเด็กกรุงเทพฯ จะตื่นเต้นกับขนม...ราคาแค่ ๒๐ บาท ได้ขนาดนั้น..นานจนถึงวันนี้ ภาพที่เห็น...ไม่ใช่อย่างที่เป็นเสมอไป...ได้แต่ภาวนา..ขอให้เขามีที่ยืนในสังคม และโตขึ้นเป็นคนมีคุณภาพ ทำแต่ความดี ไม่ทำร้ายสังคม
ขอบคุณ บก.ชาลี ที่ที่ให้เกียรติส่ง tag วันเด็ก ๒๐๑๓ มาให้ ขอส่ง tag ต่ออีก ๓ ท่าน ๑. คุณเขียดขาคำ ๒. คนปทุมรักสุขภาพและครอบครัว ๓. แม่หมี
ปล. อยากจะส่ง tag ให้มุ๊กกี้ และคนผ่านทาง มาก ๆ แต่เกรงใจ...ในวันเวลา |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |