*/
<< | กันยายน 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |
September 29, 2009 ได้เวลา ตามรอย ที่ ร้อยรู กิจกรรมทำโป่งให้สัตว์ป่าเริ่มขึ้น เมื่อบล็อกเกอร์และกลุ่ม OKNature ออกไปสำรวจพื้นที่ละเลิงร้อยรู แล้วกลับมาชักชวนให้เพื่อนๆที่มีจิตสาธารณะออกไปช่วยทำโป่งเทียม โดยนำแร่ธาตุไปให้สัตว์ป่าที่นั่น ฉันกับเพื่อนๆบล็อกเกอร์บางส่วน และคนอื่นๆที่มีความประสงค์อยากจะช่วยสัตว์ป่า จึงออกเดินทางจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ รถของเรามีสมาชิกร่วมเดินทางจำนวน 4 คน และเนื่องจากเป็น Car Camp เราจึงจะทำอาหารทานกันเอง โดยตกลงกันว่ารถแต่ละคันจะทำอาหารที่อยากทำ แล้วนำมาแบ่งปันทานด้วยกัน เมื่อผ่านแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา เราจึงแวะที่ตลาดสด เพื่อทานอาหารเช้า และซื้ออาหารสด ผลไม้ เพื่อนำไปปรุงอาหารกันตอนค่ำหลังจากทำโป่ง และในมื้อเช้าของวันถัดไป ขับรถมาตามทางหลวงมุ่งหน้าสู่จังหวัดสระแก้ว เพื่อเดินทางต่อไปที่บุรีรัมย์ จุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าละเลิงร้อยรู จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างทาง ฉันเห็นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเลยว่า พื้นที่เป็นบริเวณกว้างขวางของเขตสระแก้ว และเลยไปถึงอีสานตอนล่างครอบคลุมไปด้วยผืนป่าปลูกของต้นยูคาลิปตัส หรือต้นไม้ที่มีคนพยายามจะสร้างภาพให้มันว่าเป็น ต้นกระดาษ พืชเศรษฐกิจที่จะสร้างงาน สร้างรายได้งามๆให้คนในพื้นที่ กะๆเดาๆเอาด้วยสายตาคงกินเนื้อที่หลายหมื่นไร่ ต้นไม้ชนิดนี้มีการวิจัยทางวิชาการและเผยแพร่ว่ามีผลกระทบทางลบอย่างมากมายต่อสิ่งแวดล้อมและผืนดิน หลังจากปลูกยูคาลิปตัสไประยะหนึ่ง ดินจะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง และต้องใช้เวลายาวนานในการฟื้นฟูสภาพของดิน ต้นไม้ชนิดนี้ยังทำลายแหล่งน้ำตามธรรมชาติของคน พืช และสัตว์ หากใบของมันหล่นลงไปและเน่าเปื่อยในแหล่งน้ำนั้น น่าแปลกใจว่า ทำไมฉันจึงเห็นป่ายูคาลิปตัสยืนต้นท้าทายไปสุดลูกหูลูกตาในวันนี้ บางคนบอกฉันว่า เพราะมีผู้ประกอบการผลิตกระดาษจากเยื่อของยูคาลิปตัส ได้เข้าไปส่งเสริมให้ผู้คนจำนวนหนึ่งปลูกต้นไม้โตเร็วชนิดนี้ และรับรองการรับซื้อผลผลิต จึงทำให้คนที่ใจร้อน ไม่เห็นถึงผลเสียในระยะยาวที่จะเกิดต่อผืนดินของตน กระโดดเข้ามาปลูกกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และทำเงิน ทำรายได้อย่างงามในระยะสั้นๆ จนมีการเอาอย่างและปลูกกันอย่างกว้างขวาง นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งในการบุกรุกป่าสงวนจนป่าธรรมชาติลดลงจากกว่าหกแสนไร่ เหลือเพียงหนึ่งแสนไร่เศษในปัจจุบัน นี่รวมถึงการที่ผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานให้ปลูกยูคาลิปตัสในเขตป่าดงใหญ่ครอบคลุมพื้นที่มหาศาล ลึกเข้ามานับสิบกิโลเมตรจากถนนใหญ่ จนจ่อติดกับที่ทำการของหน่วยงานรักษาป่า และพันธุ์สัตว์ป่า น่าคิดว่า ขณะที่เริ่มสัมปทานปลูกยูคาลิปตัสจะมีการหักร้างถางป่าที่เคยเป็นบ้านของสัตว์ป่านานาชนิด และต้นไม้น้อยใหญ่ถูกตัดและรบกวนมากมายแค่ไหน ขณะนี้ เมือสัมปทานสิ้นสุดลง ก็เกิดปรากฏการณ์ของการรุกล้ำเข้าไปจับจองพื้นที่แห่งนี้อย่างโจ่งแจ้ง น่าคิดว่ามีการสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่? และหากการจับจองสำเร็จ แหล่งปลูกยูคาลิปตัสที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้คงจะยังคงเป็นแหล่งป้อนผลผลิตให้โรงงานอยู่อีกต่อไปหรือเปล่า? ระหว่างทาง มีรถอีแต๋นหลายคันบรรทุกคนและไม้ยูคาลิปตัสที่ตัดแล้วขับผ่านเราไป คนบางกลุ่มเดินเท้า โดยมีเครื่องไม้เครื่องมือในการถางหญ้าและเครื่องมืออื่นๆไปด้วย ฉันไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร และเข้ามาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์อะไร แต่สังเกตเห็นป้ายประกาศการจับจองผืนดินเป็นอาณาเขตกว้างขวางบ้างก็เขียนว่าเป็นป่าของชุมชน.. อยากรู้จังสิทธิอันนี้ท่านได้แต่ใดมา? รถของเรามาถึงที่ทำการฯที่ละเลิงร้อยรูเมื่อพรรคพวกที่ล่วงหน้ามาทำโป่งเสร็จแล้ว เนื่องจากเราหลงทางแค่ไป-กลับ กว่าร้อยกิโลฯเท่านั้นเองค่ะ ต้องวกรถกลับมาจากอำเภอกบิลบุรี เพื่อมุ่งหน้ามายังวัฒนานคร แล้วขับเรื่อยมาทางตาพระยา จนเข้าเขตบุรีรัมย์ และสถานีพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าละเลิงร้อยรู หลังทักทาย กระเซ้าเย้าแหย่กันพอหอมปาก หอมคอกันเสร็จ ก็มาถ่ายรูปคณะที่ช่วยกันทำโป่งกันที่หน้าสำนักงาน ป้ายหน่วยพิทักษ์ฯ และป้ายสัญลักษณ์ของป่ามรดกโลก เราเดินทางไปดูบรรยากาศที่ฝายเก็บน้ำลำนางรอง ที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในหลังจากผ่านป่าโปร่ง น้ำในฝายไหลพุ่งแรงผ่านหลังฝาย แล้วตกกระเซ็นลงสู่ตีนฝายเบื้องล่าง จนดูคล้ายธารน้ำตก ต้นไม้ไร้ใบเหลือเพียงกิ่งก้านสีเข้มตัดกับผิวน้ำที่สงบนิ่งกระจายเป็นหย่อมๆ สร้างบรรยากาศที่ดูสงบ และสวยงามให้กับธรรมชาติรอบๆตัว .. แหล่งน้ำในบริเวณนี้เดิมเป็นแค่ทางน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนป่า เป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่า หลังจากที่มีการสร้างฝายกั้นน้ำเมื่อปีเศษที่ผ่านมา ได้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่สำคัญ ให้คนในท้องถิ่นจับปลามาเพื่อดำรงชีพ รวมถึงเริ่มมีการอพยพของนกจากถิ่นอื่นเข้ามาบ้างแล้ว และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสายฝนพรำ ฉันได้เห็นนกแขกเต้าตัวผู้สีสวยเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ความน่ารักของเจ้านกตัวน้อย ทำให้ต้องเก็บภาพมาฝากค่ะ เรานัดหมายกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าฯ ว่าเช้ามืดวันรุ่งขึ้นจะเข้าไปที่ป่าใกล้ฝายกั้นน้ำ เพื่อดูว่าจะมีสัตว์ป่าอะไรบ้างออกมากินโป่ง พอเราเข้ามาใกล้ทางเลี้ยวเข้าฝาย ลุงที่นำทางชี้ให้ดูกระทิงฝูงหนึ่งที่ชายป่าใกล้ๆกับถนน เสียดายที่เสียงเครื่องยนต์ของรถทำให้กระทิงฝูงนั้นถอยกลับเข้าไปในป่า เรารีบขึ้นไปบนห้างดูสัตว์ หลายคนตั้งสโคปฯ และอีกหลายคนแพนไบนอกฯไปมาเพื่อดูว่ายังมีกระทิงหรือสัตว์อื่นๆอยู่ในบริเวณนี้อีกหรือไม่ ดูนั่นๆๆๆๆๆๆ เสียงของลุงคนนำทางดังขึ้น พร้อมกับชี้มือไปยังทิศทางที่มีสัตว์บางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในม่านใบไม้ ที่เห็นไหวๆอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่เบื้องล่าง กระทิง นั่นลูกกระทิง 2 ตัว ใครบางคนเอ่ยอย่างตื่นเต้น ไหนๆๆๆๆๆๆๆ ฉันถาม พร้อมกับแพนกล้องถ่ายรูปไปยังทิศทางที่หลายคนกำลังดูอยุ่ แชะ แชะๆๆๆๆ ฉันลั่นชัตเตอร์กล้องอยู่หลายครั้ง ก่อนที่เจ้าลูกกระทิงที่ไล่หยอกล้อกันเองจะลับหายไปจากสายตา ฉันรีบเช็คคุณภาพของภาพถ่าย เบลอค่ะ ได้มาแค่ที่เห็นนี่เอง เสียดายจัง ไม่เห็นกระทิงที่โตเต็มที่จะๆ .. อยากจะมาตั้งแค้มป์บนห้างส่องสัตว์บ้างจะได้ไม๊คะลุง? เผื่อจะเห็นกระทิงทั้งฝูง ฉันถามขึ้นมา ลุงตอบว่าคงมาได้ แต่ลุงต้องมานั่งห้างส่องสัตว์ด้วย มาตามลำพังไม่ได้ค่ะ อุทยานแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้เศรษฐกิจขนาดกลาง เช่น ประดู่ ตะเคียน ชิงชัน ยางนา กระบก เต็ง รัง ฯ ที่ยืนต้นหนาแน่นพอสมควร เป็นพื้นที่ราบสูงที่มีแหล่งน้ำซับอยู่ตรงกลาง จึงถือว่าเหมาะสำหรับเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า ระหว่างทางจากบ้านพักมาที่นี่เราจึงเห็นมูลช้าง มูลของสัตว์ป่าหลายชนิดมากมายอยู่ตามถนนดินแดง และการได้เห็นฝูงกระทิงที่นี่ ทำให้เราคอนเฟริมได้อย่างมั่นใจว่า ป่าผืนนี้ยังคงอุดมสมบูรณ์ และอาจจะเป็นป่าสมบูรณ์แหล่งสุดท้ายของบุรีรัมย์ก็ได้ เข้าใจว่าสัตว์ป่าได้รับการรบกวนในอัตราที่ยังต่ำอยู่ หวังว่าหลังจากที่บทความนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ป่าแห่งนี้จะไม่ระเบิดด้วยนักท่องเที่ยว และผู้คนที่ต้องการไปดูสัตว์ป่า เราเดินชมบรรยากาศยามเช้าบนสันฝายเก็บน้ำ อากาศยามเช้าท่ามกลางป่าเขาช่างสดชื่นเหลือเกิน กลิ่นของป่า ใบไม้ ใบหญ้า เป็นกลิ่นที่เย้ายวนให้ก้าวเท้าออกเดินเพื่อมาเยือน มาชื่นชม มากอบโกยความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยเบื่อ สายลมเย็นที่ผ่านมาส่งสัญญาณว่าอีกไม่นานความหนาวคงจะมาเยือนที่นี่อีกครั้ง รอบๆบริเวณนี้เป็นแหลงที่อยู่และบ้านของนกหลายชนิด ทั้งนกที่เห็นได้ทั่วๆไป และนกบางชนิดที่หายาก ว่ากันว่า หากโชคดีคุณจะได้พบเห็นนกยูง ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ป่า นกเงือก นกหัวขวาน เหยี่ยวรุ้ง และนกชนิดต่างๆอีกหลายชนิด แต่ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกจึงมักจะแยกแยะไม่ออกว่าเป็นชนิดใดบ้าง อุปกรณ์ถ่ายภาพไม่พร้อมและไม่เหมาะสมที่จะถ่ายภาพนกที่อยู่ในระยะไกลๆ จึงไม่ค่อยมีภาพสวยๆมาฝาก แต่ก็ชอบดูค่ะ เห็นนกร่วมสิบตัวเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ ได้ความว่าเป็นนกแขกเต้า เมื่อมาดูนกที่นี่แล้ว ให้คิดถึงเรื่องของนกอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ นกแสก .. นกที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนที่ชอบคุย ชอบฟัง แล้วต่อเติมให้เกิดอรรถรสที่ตื่นเต้นมากขึ้น บ้านเรามักมีเรื่องเล่าขานเป็นตำนานความเชื่ออยู่มากมาย ซึ่งบางอย่างก็ถูกเสี้ยมสอนมาตั้งแต่วัยเด็ก ถึงแม้ว่าบ่อยครั้งที่เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องเล่าด้วยความสนุกปาก ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของผีสางและลางร้าย แต่เรามักจะลืมไปว่าการถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กจะมีส่วนสำคัญมากต่อแนวความคิดและการเติบโตที่ถูกต้องของสังคม ความเชื่อบางอย่าง อาจเป็นพิษเป็นภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นกรณีของนกแสก ที่มีคนบางกลุ่มเชื่อว่า ถ้านกแสกบินและร้องข้ามหลังคาบ้านใครบ้านนั้นจะต้องเคราะห์ร้าย และอาจมีคนในบ้านนั้นที่ต้องตาย หรือสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับผู้พบเห็น นกแสก มีอาหารหลักคือหนูและสัตว์เล็กๆ ทำให้ลดจำนวนหนูนาและหนูบ้านได้มาก สร้างสมดุลให้กับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ น่าเสียดายค่ะ ที่มีคนหลงผิดคิดฆ่านกแสก จนเหลือในปริมาณที่น้อย จนพบได้ยาก เวลาดึกๆหากได้ยินเสียงแปลกๆใต้ฝ้าเพดาน เป็นเสียงวิ่ง เสียงร้อง หลายคนคิดถึงผี ความจริงแล้ว เสียงนั้นคือเสียงของหนูที่กำลังร่าเริง เพราะไม่มีนกแสกนักล่าผู้รักษาสมดุลของธรรมชาติในยามค่ำคืนยังไงล่ะคะ จ่าจินต์กำลังส่องอะไรนะ? พร้อมกับบอกว่า จ่า อิจฉาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จังวุ้ย อ๋อ A perfect match OKNature Sweetheart คุณเต็งพ้งและผบ.สูงลิ่ว คนข้างกายสุดเลิฟนี่เอง ฉันมีภาพคุณหนุ่ย บล็อกเกอร์มัชฌิมาปกรณ์ .. กำลังก้มทำอะไรบางอย่างอยู่ตามภาพ คุณหนุ่ยเธอบอกว่ากำลังถ่ายภาพอุ้งตีนเสือ แค่คำว่า เสือ ก็ทำให้เราหลายคนตื่นเต้นแล้วค่ะ ฉันเลยขอให้คนนำทางพาไปดูรอยเท้าสัตว์ต่างๆที่อาจจะมากินโป่งที่ทำเอาไว้ไม่ไกลจากห้างส่องสัตว์มากนัก ที่เห็นในภาพด้านล่างคือโป่งที่ทำเอาไว้ ปรากฏร่องรอยของสัตว์ป่ามากมายลงมาละเลงและกินโป่ง คุณลุงบอกว่าสัตว์กินพืช เช่น ช้าง กระทิง กวาง ฯ จะต้องหาพื้นที่ที่มีแร่ธาตุและมาดื่มน้ำที่ซึมขึ้นมา หรือหากเป็นหน้าแล้งพวกมันก็จะมาเลียผิวดินเพื่อหาแร่ธาตุต่างๆ ที่เห็นในภาพด้านล่าง คือ รอยเสือขนาดเล็ก คาดว่าน่าจะเป็นเสือปลา มีรอยเท้าของกระทิงและกวางอยู่มากมาย กระจายอยู่เต็มไปหมด ที่นี่คงเป็นสวรรค์ ที่พวกสัตว์ป่าหลากชนิดที่ชวนกันมากินบุฟเฟ่แร่ธาตุกันอย่างสนุกสนานเต็มอิ่ม ชนิด All you can eat ค่ะ คุณลุงกำลังเล่าให้ฟังว่า ได้มีการนำ ถั่วฮาบาต้า (ต้นที่ทีดอกสีเหลืองเล็กๆในภาพ) และ หญ้าพันธุ์ลูซี่ จากต่างประเทศมาทดลองปลูกเพื่อเป็นอาหารของสัตว์กินพืช เช่น กระทิง ช้าง กวางฯ และปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสภาพแวดล้อม จึงมีการปลูกอย่างกว้างขวาง มองเห็นบางส่วนเรียบราบ ซึ่งได้รับการบอกกล่าวว่า เป็นร่องรอยที่สัตว์ป่ามาและเล็มกินใบหญ้าที่งอกงามอยู่บริเวณนี้ ทำไมคนเขาเรียกที่นี่ว่า ละเลิงร้อยรูคะ? คุณนิดถามลุงคนนำทาง ละเลิง หมายถึงที่ราบ หรือเวิ้งแอ่งขนาดใหญ่ ส่วนคำว่าร้อยรู หมายถึงรูของตาน้ำที่ผุดขึ้นมามากมายนับร้อยรูจากพื้นดิน เป็นต้นน้ำของที่นี่ ที่ไหลไปหล่อเลี้ยงผืนป่าให้ชุ่มชื้น สามารถไปดูได้ที่บริเวณ สระน้ำดำ แต่ตอนนี้ไม่มีร้อยรูแล้ว เนื่องจากช่วงสงครามอินโดจีน เราต้องรับเขมรอพยพเข้ามา และได้นำมาไว้ที่นี่ให้เป็นค่ายอพยพ พวกเขาเลยขุดเป็นสระ เพื่อทำเป็นแหล่งน้ำในการดำรงชีวิต ลุงเล่าให้ฟังแบบสังเขปประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ เรื่องราวที่น่าสนใจ ทำให้พวกเราตกลงใจที่จะตามรอยไปดูต้นน้ำของละเลิงร้อยรูที่ สระน้ำดำ ตรงบริเวณทางเข้าฉันเห็นมูลช้างอยู่จำนวนหนึ่ง หากเป็นมูลช้างเปล่าๆคงไม่มีอะไรมาเล่า .. แต่ที่ทำให้มันพิเศษขึ้นมาคือ มีเห็ดสีสวยขึ้นเป็นหย่อมๆบนมูลช้าง จนอดใจไม่ได้ ต้องนำภาพมาฝากค่ะ ความสวย บนกองมูลค่ะ เราเดินแหวกพงหญ้าสูงเข้าไปเรื่อยๆ พื้นดินยังคงชุ่มด้วยน้ำฝนที่ตกมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา อาจจะทำให้การเดินยากอยู่บ้าง แต่เราก็ยังคงเดินหน้าลึกเข้าไปเรื่อยๆ ตลอดทางมีสังคมป่าหลากหลาย มีป่าพรุน้ำจืด สลับกับทุ่งหญ้า บางครั้งปรากฏร่องรอยของสัตว์ชนิดต่างๆ ที่เห็นในภาพด้านล่างคือ รอยตีนกวาง และเปลือกของลูกกะบก ที่ลุงบอกว่าเป็นอาหารเมนูโปรดของสัตว์เล็กๆประเภทกระรอก กระแต เห็นต้นไม้ต้นนั้นไม๊ครับ ลุงชี้ให้พวกเราดูต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ถัดทางเดินเข้าไป แต่ยังอยู่ในระยะสายตาที่มองเห็นได้ชัดเจน เมื่อช้างลงไปเล่นน้ำในสระน้ำดำแล้ว พวกมันจะพากันมาถูตัวกับต้นไม้ เป็นวิธีการกำจัดแขกที่ไม่ได้เชิญที่มาอาศัยอยู่บนตัวของมันให้หลุดออกไป ส่วนจุดสีแดงๆบนลำต้น นั่นเป็นการที่ช้างจิกงาลงไป ทำให้เกิดรอย ลุงเล่าต่อ ตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงช้าง หรือเห็นตัวพวกมันเลยลุง มันไปไหนกันหมดคะ? ฉันถามขึ้นมา ช้างเดินลงไปทางใต้ราว 2 สัปดาห์แล้วครับ ช้างกินอาหารมากในแต่ละวัน และเดินหากินเป็นบริเวณกว้าง มันจะเดินไปยังแหล่งอาหารที่สมบูรณ์มากกว่า และเมื่อหญ้าแถวนี้แตกยอดสมบูรณ์ดังเดิมมันจะวกกลับมาอีกครั้ง เป็นวงจรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อีกสักหนึ่งเดือนมันจะกลับมาแถวนี้อีกครั้ง คุณลุงอธิบายให้เข้าใจ ความงาม ตามรายทาง เราเดินมาสักพัก ก็เห็นร่องรอยรากฐานของสิ่งก่อสร้างของเขมรอพยพ เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว ที่นี่จึงเคยเป็นบ้านชั่วคราวที่ให้ความร่มเย็นกับพวกเขาในยามที่บ้านเมืองถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟของสงคราม ว่ากันว่าในช่วงเวลานั้น มีชาวเขมรอพยพเข้ามาที่นี่นับหมื่นนับแสนคน ซากของแท่นรับความเคารพในพิธีสวนสนาม ที่ซึ่งสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุ ยืนเป็นประธาน และเข้ามาเยี่ยมเยือนประชาชนของท่านในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในที่สุดเราก็มาถึง สระน้ำดำ จริงด้วยค่ะ น้ำที่นี่สีคล้ำมากๆ แต่ลุงบอกว่าน้ำที่ไหลจากที่นี่ไปยังที่อื่นๆสีจะไม่ดำแบบนี้ ที่นี่เองค่ะที่ชาวเขมรได้ขุดสระเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ในการดำรงชีวิต ฉันไม่ได้รู้สึกโกรธพวกเขาหรอกค่ะ ที่ทำเช่นนั้น เป็นใครมาอยู่ที่นี่ก็คงทำเช่นเดียวกัน เราไม่เหลือ แหล่งน้ำผุดนับร้อยรู ซึ่งเป็น Unseen ของดงใหญ่ แต่สระนี้ได้กลายเป็น Oasis ของสัตว์ป่ามากมายที่ได้อานิสงค์และได้มาใช้บริการของสระเป็นที่อาบ กิน แช่เนื้อตัว และแพร่พันธุ์ เรากลับมาถึงที่พักเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสูงมากแล้ว เราจึงทำอาหารกินกันเอง .. พรุ่งนี้จะเขียนเรื่องสนุกๆของอาหารการกินให้ฟังอีกตอนค่ะ ก่อนกลับและล่ำลา ละเลิงร้อยรู เรามอบหนังสือคู่มือดูนก 2 เล่มให้กับคุณลุง และฝากเงินจำนวนหนึ่งไว้เพื่อซื้อแร่ธาตุสำหรับสัตว์มาเติมโป่งในวันข้างหน้า .. โดยหวังว่าเราจะได้กลับมาช่วยทำโป่งให้สัตว์ป่าได้มากขึ้น ภาพที่เห็นด้านล่าง เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทำก่อนออกมาจากพื้นที่ คุณคิดอย่างไรบ้างคะ? |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |