*/
<< | มกราคม 2012 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 |
กระเช้าขึ้นภูกระดึง ความคิดและความพยายามที่ต้องทบทวน ระยะนี้มีข่าวเรื่อง กรมอุทยานฯ ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ใน การก่อสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ขึ้นมาอีกครั้ง หลังความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของหลายๆคนและหลายๆหน่วยงานที่พยายามผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ ท่ามกลางการคัดค้าน ไม่เห็นด้วยของผู้คนอีกจำนวนมาก เอกสารการศึกษาได้สรุปว่า ผลดี ของการมีกระเช้าขึ้นภูกระดึง คือ
ส่วน ผลเสีย ของการมีกระเช้านั้น คือ
ฉันเป็นหนึ่งในหลายๆคนที่ไม่เห็นด้วยในการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง หากการสร้างนั้นอยู่บนเหตุผลเพียงแค่ต้องการให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้น กระจายรายได้เข้าสู่ชุมชน และคนทุกวัย ในทุกสภาพสุขภาพได้ขึ้นไปสัมผัสยอดดอย จึงต้องสร้างกระเช้า ปัจจุบันแทบทุกอุทยานและเขตรักษาพันธุ์ฯ ล้วนสามารถเดินทางถึงจากทางถนนทั้งสิ้น จะเหลืออยู่ก็แค่ ภูกระดึง ที่รอท้าทายให้ผู้คนได้พิชิตภูกระดึงด้วยการเดิน การเดินเท้า ที่อาจจะไม่ใช่การพิชิตความสูง หรือระยะทางสำหรับใครหลายคน หากแต่มันคือการพิชิตความฝันของเราเอง .. ความฝันที่มีมาเนิ่นนานแต่ยังไม่ได้ทำให้สำเร็จ เช่นเดียวกับความฝันอีกหลายๆอย่าง ภาพถ่ายด้านบนเป็นข้อพิสูจน์ในการเดินทางมาตามความฝัน ปี 2553 คุณยายคูณ มาลาคำ อายุ 73 ปี ในชุดผ้าถุงแบบชาวบ้านชนบท มากับลูกหลาน และชายรูปร่างสมบูรณ์ ที่ไม่ได้ปล่อยให้ความฝันลอยผ่านมือไป เพียงเพราะน้ำหนักตัวที่คิดว่าอาจจะเป็นอุปสรรค หากคุณถามฉันว่า ภูกระดึงมีดีอะไร? ถึงจะตอบไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฉันก็รู้ว่า ภูกระดึงนั้นมีเสน่ห์ทางด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลายครบเครื่อง ทั้งเสน่ห์ของต้นไม้และป่าที่เปลี่ยนไปตามสภาพภูมิประเทศและความสูง เป็นสิ่งที่เราได้เห็น ได้เรียนรู้ในระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดภู การเดินทาง ใช่เพียงการออกจากจุดเริ่มต้น ถึงจุดหมายคือสิ้นสุด ทว่า บนรอยทางยังมีเรื่องราวให้ขบคิด ค้นหา และจดจำ บนเส้นทางการเดินเท้าขึ้นภูกระดึง นักท่องเที่ยวทุกคนเสมอภาคกัน จึงนับเป็นความคลาสสิกอีกอย่างหนึ่งที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ เมื่อเวลาเดินสวนทางกัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะยิ้มแย้มทักทายกัน บ้างก็พูดเป็นกำลังใจให้อย่างเช่น เดินไปเรื่อยๆนะ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ซึ่งการพูดจาอย่างนี้เป็นเสน่ห์ที่หาได้ยากยิ่งนัก จนอาจจะไม่เคยพานพบในเมืองที่ศิวิไลย์ เมื่อพ้นเส้นทางโหดและชันสู่หลังแปแล้ว ทีนี้ก็จะได้พบกับเขายอดตัดในพื้นที่กว้างใหญ่ ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร ที่มีป้าย ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง ตั้งตระหง่าน ณ จุดนี้ ฉันว่าความเหนื่อยจะหายไป ความภูมิใจจะเข้ามาแทนที่ เพราะเราสามารถฝ่าฟันอุปสรรค ความเหนื่อยล้า สูงชัน ขึ้นมาเป็น ผู้พิชิตภูกระดึง ได้อีกครั้ง ความภูมิใจเล็กๆ ที่มีแต่คนที่เดินขึ้นภูกระดึงเท่านั้น ที่มีสิทธิ์จะรับรู้และสัมผัสได้ การถ่ายรูปกับป้ายเราคือผู้พิชิตภูกระดึงทางอุทยานฯจัดให้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนภูมิใจมากที่สุด รวมถึงฉันด้วย หากถ้าวันใดเกิดมีกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงขึ้นมา ฉันก็ยังไม่รู้ว่าภูกระดึงในวันนั้นยังจะมีมนต์เสน่ห์อันใดชวนให้ขึ้นไปสัมผัสอีกบ้าง เสน่ห์ที่น่าหลงใหล ที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้บนภูกระดึง ก็คือความงดงามของธรรมชาติป่าไพร สายน้ำ พรรณไม้ โดยภูกระดึงนั้นมีป่าอยู่ถึง 6 ประเภท คือ ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา ป่าละเมาะ ป่าดิบแล้ง และป่าสนเขา พื้นที่หลายแห่ง เคยเป็นภูผาที่เคยเขียวขจี บัดนี้เป็นเขาหัวโล้น สิ่งที่ตามมาในปัจจุบัน คือ ความถี่ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตระหนักว่า การชำเราธรรมชาติ คือการถามหาหายนะของมนุษยชาติ หลังมีกระเช้า ผู้สนับสนุนการสร้างบอกว่า คนที่ไปเที่ยวภูกระดึงจะได้ไปแบบเช้าไป-เย็นกลับได้ .. ฉันว่านี่เป็นการคิดแบบตื้นเขินมาก คุณคงเห็นด้วยกับฉันว่า เสน่ห์ของภูกระดึงที่เป็นสุดยอดไฮไลท์นั้นอยู่ที่พระอาทิตย์อัสดง ที่ผาหล่มสัก และพระอาทิตย์ขึ้น หากไม่ค้างแรมบนยอดภูกระดึงแล้วจะได้ชมไฮไลท์สุดยอดนี้ได้อย่างไร? เพราะจากจุดเดินขึ้นหลังแปไป-กลับผาหล่มสักระยะทางก็ราวๆ 20 กิโลเมตร ยังไงๆคนที่ขึ้นกระเช้าไปก็ต้องเดินอีกไกลอยู่ดี หลายคนก็อาจจะเดินไม่ไหวอีกนั่นแหละ หรือจะต้องสร้างทางด่วน นำรถไฟฟ้าขับผ่านถนนเข้าไปบริการ ที่ต้องแลกมาด้วยความหายนะของธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีก???? อีกทั้งการไปชมพระอาทิตย์ตก แล้วนั่งกระเช้าลงมา ก็ผิดกฎระเบียบของกรมอุทยานฯ อีก เพราะเลยเวลาปิดอุทยานไปแล้ว ที่ฟังแล้วสลดใจในความคิดแบบตื้นเขินของคนบางคน ก็คือ เคยมีการออกมาให้ข่าวว่า หลังการสร้างกระเช้าแล้ว อาจจะมีการแบ่งโซนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยการสร้างที่พักชั้นดี มีรถกอล์ฟบริการวิ่งทั่วยอดภู เอาอก เอาใจ ขนาดนี้แล้วภูกระดึงจะไม่พังได้อย่างไร ต่อไปก็จะเป็นแค่แหล่งท่องเที่ยวดาดๆ ทั่วไป ที่ขึ้นง่าย ลงง่าย ไร้รสนิยม การก่อสร้างโครงการนี้คาดว่าจะใช้เงินราว 500-600 ล้านบาท แต่จะมีรายได้เข้าจังหวัดปีละเท่าไหร่กัน? การกระจายรายได้สู่ชุมชนจะมีรูปแบบอย่างไร? ในหลายโครงการ เป็นที่รู้กันว่า ผู้ที่เข้าไปดำเนินการและได้รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นนายทุนต่างถิ่นแทบทั้งสิ้น ยิ่งที่ไหนฮ๊อตฮิต ติดอันดับที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุนต่างถิ่นครอบงำแทบทั้งสิ้น แล้วชุมชนในท้องที่จะได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้อย่างไร? แค่ไหน? หลังมีการสร้างกระเช้า มีแผนการจัดการเรื่องรายได้ให้กับบรรดาลูกหาบราว 500 คนอย่างไร? เพื่อไม่ไห้รายได้ของพวกเขาหดหายไป หรือต้องตกงาน เพราะหากนักท่องเที่ยวมาแบบเช้าไป-เย็นกลับ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ลูกหาบเหล่านี้อีกต่อไป บรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ที่ขายของระหว่างซำต่างๆ ก็คงไม่มีรายได้ เพราะการนั่งกระเช้าแบบติดจรวด 20-30 นาทีก็ถึงยอดภู แม่ค้าที่ขายของระหว่างทางก็คงขายไม่ได้อีกต่อไป แล้วจะบริหารเรื่องนี้อย่างไร? นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวยอดภูกระดึงมากขึ้นมากหลังจากมีกระเช้าขึ้นยอดภู อาจจะเป็นจริง แต่จะเป็นแค่ความคิดที่ตื้นเขิน ขาดการพิจารณาและประเมินความเป็นจริงในหลายๆด้านหรือไม่? ปัญหาที่ตามมากับจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายนั้นมีวิธีการจัดการที่เป็นรูปธรรม พร้อมจะดำเนินการแล้วละหรือ? ลองคิดดูเล่นๆ ความสามารถในการจัดการรองรับนักท่องเที่ยวบนภูจะทำกันอย่างไร? ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวมีประมาณ 1,500-2,000 คนต่อวัน ในขณะที่อุทยานฯจำกัดนักท่องเที่ยวที่พักค้างบนภูไว้ที่ 5,000 คนต่อวัน เราจึงต้องมีประสบการณ์เรื่องปัญหาของห้องน้ำ ห้องส้วม และขยะกันแม้ในสภาพปัจจุบันยังไงคะ ที่ผ่านมา แม้เส้นทางจะโหด ทางเดินจะลำบากแค่ไหน ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวยังมีคนเดินขึ้นภูกระดึงจนล้น แล้วถ้ามีกระเช้า (ซึ่งตามข่าวกล่าวว่าสามารถพานักท่องเที่ยวขึ้นยอดภูได้ราว 750-1,000 คนต่อชั่วโมง) ป่าจะไม่แตกหรืออย่างไร ปัจจุบัน มีช่วงที่อุทยานฯปิดป่าที่ภูกระดึง เพื่อให้ป่าได้พักตัวและฟื้นจากการบอบช้ำในช่วงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมและสัมผัส ... หากเมื่อมีการสร้างกระเช้าที่แสนแพงแล้ว ไม่แน่ชัดว่าจะมีช่วงปิดป่าเช่นเดิมหรือไม่ ... หากไม่มี ป่าและสรรพสัตว์ที่ใช้ภูกระดึงเป็นบ้าน คงถูกย่ำยีจนสุดจะดำรงชีวิตปกติได้ ... ความสูญเสียจะมากมายแค่ไหน? ใครจะรับผิดชอบ? การจัดสรรปันส่วนระหว่างนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการของกระเช้า กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินเท้าขึ้นไปเอง จะมีสัดส่วนอย่างไร? เราคงไม่อยากเห็นหรือได้ยินคำว่า คนที่จ่ายมาก ย่อมมีสิทธิ์มากกว่า คนจน อาจจะถูกแบ่งชนชั้นในเรื่องนี้อีกครั้ง แหล่งน้ำธรรมชาติ ร้านค้า ห้องน้ำ และขยะ จะจัดการกันอย่างไร? ปัจจุบันอุทยานฯมีเจ้าหน้าที่ดูแลไม่พอ จึงดูแลได้ไม่ทั่วถึง อันเป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง ในวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวที่แห่แหนขึ้นไปมากมาย จะบริการ ดูแลอย่างไร เมื่อนักท่องเที่ยวมากๆ ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำธรรมชาติ ร้านค้า ห้องน้ำ และขยะ ก็จะตามมาเป็นสัจจะธรรม ฉันเคยเดินทางไปตามอุทยานบางแห่งในต่างประเทศมาแล้ว บางแห่งมีการจำกัดนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในจำนวนที่ต่ำมาก เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน และทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงการรบกวนสัตว์ป่า บางแห่งต้องมีคนออกมา เท่ากับจำนวนคนที่จะเข้าไปเท่านั้น หากจะมีคำพูดว่า ฉันไม่ไว้ใจ หรือเชื่อในคำพูดและความสามารถในการจัดการของคนของเราเอง ฉันคงต้องยอมรับค่ะ ว่าจริง ก็ประสบการณ์ในอดีตสอนให้ฉันรู้ว่า ฉันไม่อาจเชื่อในการแสดงออกของคนหลายๆคน รวมถึงนักการเมือง และหน่วยงานหลายๆแห่ง ตอนนี้เห็น $$$$$ sign ลอยไป-มาอยู่ในโครงการนี้มากมาย ในขณะที่สัตว์ป่าร้องไห้ ไม่อยากคิดต่อไปแล้ว เอียนจัง
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |