*/
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ถึงแม้ว่าลอร่าจะไม่ต้องไปทำงาน แต่เธอก็มีงานที่จะต้องทำที่บ้าน ฉันจึงได้มีโอกาสโซโล่เดี่ยวในอัมสเตอร์ดัม ก่อนออกจากบ้าน ลอร่าทำการบ้านติวเข้มในเรื่องเส้นทาง จนมั่นใจว่าฉันจะไม่หลง แล้วจึงปล่อยฉันออกจากบ้านในช่วงเวลาประมาณใกล้ ๆ เที่ยง มันสายมากแล้วนะ..แต่ร้านรวงต่าง ๆ พร้อมใจกันปิดในวันอาทิตย์ แถมผู้คนก็ดูเหมือนอยากอุดอู้อยู่บนเตียงนอนกันเสียหมด ฉันเดินอยู่บนถนนอย่างอ้างว้าง เหมือนอยู่ในเมืองร้างที่ไม่เคยมีใครเหยียบย่ำมาที่นี่เป็นเวลานานแล้ว ฉันเดินมาได้พักใหญ่ แต่ก็ยังไม่พบใครผ่านไปมาสักคน จึงพาลนึกไปถึงหนังแนวแอ็คชั่น ที่มนุษย์โดนฆ่าล้างโลกจนเป็นเมืองร้างไร้สิ่งมีชีวิต ฉันในตอนนี้...และตรงนี้..คงเหมือนตัว อีกัวน่า (แต่เป็นอีน่ากลัว ในเรื่องจริง) ย้อนยุคหินโลก มาเดินดุ่ม ๆ สำรวจบ้านเมืองอยู่ตัวเดียวอันเดียว สักพักใหญ่ก็มีรถโดยสาร tram ผ่านมาอย่างเงียบ ๆ ในช่วง 2-3 วินาที ที่รถผ่าน ฉันมองสำรวจลอดเข้าไปภายในรถ พบว่ามีมนุษย์โลกชาวดัตซ์นั่งกันตาปริบ ๆ จึงนึกโล่งใจที่พอได้เห็นว่ามีคนบ้าง +++++++++++++++++++++++++++++++++ ที่ตั้งของบ้านลอร่า อยู่ไม่ไกลไปจากย่านชุมชนพลุกพล่านนัก...ไม่นาน ฉันก็โผล่มาที่ Museumplein แล้ว ตรงนั้นเป็นย่านพิพิธภัณฑ์สำคัญ ๆ มากมาย แถมมีร้านขายของที่ระลึกอีกหลายแห่งด้วย ฉันมองเห็นป้ายตัวมหึมาเขียนว่า I Amsterdam ฉันหันซ้ายหันขวา มองหาคนที่ดูว่าน่าจะถ่ายรูป เป็น..มาถ่ายให้ฉัน จนแล้วรอดรอด ช่างภาพคนนั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวังเลยนั่นคือออกมาไม่ได้เรื่องตามเคย ได้โปรดเถอะเพคะ เสด็จพี่...อย่าตัดหัวหม่อมฉันออกเลย ฉันรำพึงรำพัน ขณะดูผลงานของบุคคลที่เดินจากไป ฉันตัดสินใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เขาว่าน่าจะสวยที่สุดในอัมสเตอร์ดัม คือ Rijks Museum แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการปรับปรุงครั้งใหญ่ ทว่า..ชายแดนฮอลแลนด์ไม่ได้อยู่ติดกับประเทศไทย โอกาสที่ฉันจะได้มาเยือนที่นี่อีกนั้น ไม่ได้เป็นไปได้ง่ายนัก..ฉันจึงต่อคิวเข้าแถวเพื่อชมความอลังการด้านใน สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของที่นี่ สำหรับฉันแล้ว ไม่ใช่ของเก่าในยุคก่อน แต่เป็นผลงานภาพวาดของศิลปินชื่อดังหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรนแบรนด์ และ เวอร์เมียร์ (Johannes Verneer) ซึ่งแม้เขาจะมีชื่อเสียงมาก แต่ฉันผู้อยู่นอกวงการและบางครั้งก็นอกโลกมนุษย์ออกไปเลย ฉันจึงไม่เคยได้ยลหรือสัมผัสของจริงของพวกเขามาก่อน ภาพบน : ผลงานชิ้นเอกของเรมแบรนด์ที่มีความสำคัญมากสำหรับเมืองนี้ ภาพบน : ภาพจริงที่เห็นกับตา..ร้องซี้ดอยู่ในใจเลยทีเดียว..เชื่อเหอะเรื่องจริง ขนาดฉันไม่ได้ร่ำเรียนมาจากด้านงานศิลปะ แต่ยังซาบซึ้งได้ถึงเพียงนี้..นี่ถ้าเด็กศิลป์ตัวจริงมาเยือน คงได้ยืนอ้าปากค้าง น้ำลายหยดสามแหมะเหมือนปลากระป๋องปุ้มปุ้ย กันเป็นแน่ ภาพวาดต่าง ๆ ที่เห็น เมื่อดูแล้ว ต้องยอมรับในความอัจฉริยะและฝีมือขั้นบรมครูต่าง ๆ จริง ๆ มันช่างเหมือน...เสียนี่กระไร ฉันนึกไม่ออกเลยว่า พวกเขาวาดกันไปได้อย่างไร และแม้บางภาพที่ไม่เหมือนนัก แต่ทฤษฎีการใช้แสงนั้นเรียกว่าสุดยอด ภาพบน : ภาพนี้วาดโดยจิตรชื่อ Frans Hals สุดยอดของรายละเอียด +++++++++++++++++++++++++++++++++ ฉันเดินจนตาลายเพราะมาม่า ห่อเดียวไม่น่าจะเรียกว่าเป็นอาหารหลักมื้อเช้าได้ จึงเดินไปหาซื้อฮอทด็อก ตามรถที่ตั้งขายให้นักท่องเที่ยวซื้อกิน นี่มันอะไรกันวะ..ฮอทด็อกแท่งเล็ก ๆ ยัดใส่ขนมปังผ่ากลางยาวและน้ำเปล่าอีก 1 ขวด สนนราคาไทยประมาณ 200 กว่าบาท เชียวหรือ ฉันคิดในใจ ขณะขย้ำอาหารที่ไม่อร่อยและไม่อิ่ม..เข้าปากด้วยความโมโหหิวและโมโหราคา ในช่วงบ่ายที่เหลืออยู่ ฉันออกสำรวจบ้านเรือนในย่านถนน Pieter Cornelisz Hooft Straat มันเป็นแหล่งสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพ ประเภทเดียวกับที่วางขายในเกษรพลาซ่าในกรุงเทพนั่นแหละ ฉันได้แต่มองลอดผ่านกระจกดูผู้คนที่มาจับจ่ายในย่านนี้..พวกเขาดูดีมีสตางค์กันทั้งนั้น..ไม่เหมือนฉัน ขาซ้ายเดินนำไปให้เลี้ยวซ้าย ผ่านสวน Vondelpark ไปแล้ว...ฉันตัดสินใจข้ามไปอีกฝั่งของคลอง รถราที่นี่วิ่งน่าปวดหัวสิ้นดีเพราะบนถนนไม่ได้มีเพียงแค่รถยนต์ แต่ยังมีรถไฟ tram อยู่บนรางอีกต่างหาก เวลาจะข้ามถนนแต่ละครั้ง ตาต้องดู ประกอบกับเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศ เพราะบางครั้งก็อาจมีรถจักรยานพุ่งทะยานมาจากไหนก็ไม่รู้เช่นกัน ฉันคิดว่า..เดินเหินในอัมสเตอร์ดัม คงต้องคอยตั้งสติให้มั่นเสียหน่อย หรือไม่ก็เดินจงกรมไปเลย รับรองไม่ตาย ก็รอด (จะพูดทำไมเนี่ย) ในฝั่งตรงกันข้ามคลอง..ฉันเห็นคุณปู่เจ้าถิ่น กำลังครองตารางหมากรุกขนาดไม่ต้องกลัวว่าจะทำหมากหายหรือมองไม่เห็นแต่อย่างใด เพราะตัวเดินหมากมีขนาดพอ ๆ กับกรวยสีส้มที่ใช้กั้นรถบนถนนในเมืองไทยดี ๆ นี่เอง รอบ ๆ ตารางกรอบสี่เหลี่ยมดังกล่าว ฉันเห็นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ยืนลุ้นครุ่นคิดอย่างเอาจริงเอาจัง ฉันเห็นแล้วอยากกระโดดเข้าไปท้าเล่นหมากฮ็อตแถมด้วยหมากเก็บกับคุณลุงสักเกมส์ ภาพบน : Excuse me, anyone wants to play หมากเก็บ with me? ภาพบน : พี่คะ..อย่าเครียด เดี๋ยวหน้าแก่ (ลุงตอบ สายไปแล้วหนู) ฉันเดินมั่วซั่วจนมาโผล่ที่ Leidseplein ซึ่งเป็นเขตเมืองหลวง (City Center) ที่นี่ มันช่างดูยุ่งเหยิงวุ่นวายจนดูเหมือนว่า เหตุที่เมื่อตอนเช้าฉันหาใครไม่เห็น ก็เพราะผู้คนทั้งเมือง แห่มาที่นี่กันหมดนะซี ภาพบน : คนเยอะแบบนี้ อีกัวน่าตกใจหมด ภาพบน : อย่ามัวเดินจงกรมค่ะ...รถไฟมาข้างหลังแล้วค่ะคุณพี่
ภาพบน : สวัสดีค่ะพี่สาว..หน้าตาเราคล้ายกันจริง ๆ แหะ แหะ ภาพบน : ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มาดามทุซโซ่
ภาพบน : บอกแล้วว่าให้รีบเล่น ณ ตรงนั้น...ฉันรู้สึกได้ถึงสิ่งไม่ดี รวมทั้งเรื่องโลกีย์และสิ่งผิดกฎหมาย ก็ร้านรวงแถวนี้ มีแต่ร้าน Coffee shop หรือที่รู้ ๆ กันในเมืองว่า มันคือร้านสูบกัญชานานาชนิด ฉันเริ่มเห็นคนสีผิวมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น บ้างก็เดินโซซัดโซเซมึนเมาจากอบายมุขตัวใดตัวหนึ่ง แต่เมื่อถลำเข้ามาแล้ว ฉันก็ต้องทำมึน แต่ไม่เมา ใจกล้าเดินบ้าตามฝูงชนต่อไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะมาเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวให้ผู้อื่นสังเกต ค่าที่ฉันพยายามเอาตัวเข้าไปรวมกลุ่มกับผู้คนที่เดิน ประหนึ่งมั่วนิ่มว่าเป็นเพื่อนกับใครคนใดคนหนึ่งที่เดินอยู่ในนั่นแหละ ภาพบน : ไม่มีกาแฟเหรอคะพี่...จะซื้อไปฝาก บก.โอเคฯซะหน่อย เดินไปเดินมา ฉันมาโผล่ในย่านโสเภณี (Red light Street) เข้าจนได้ ธุรกิจในช่วงตะวันยังไม่ตกดิน ยังคงดูเงียบเหงาสำหรับแม่หล่อนที่ยืนอยู่ในห้องกระจกทั้งหลาย ไม่รู้ว่าตอนรับงาน คุณยายจะถอดฟันปลอมวางไว้ ป้องกันการหลุดร่วงจากปากรึเปล่านะ สาวบางคนที่ฉันเห็น ดูเยี่ยงไรก็คล้ายกระบือไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ ขนาดลำตัว ลำแข้งที่เป็นมัด ๆ แถมอ้วนอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใครอีกต่างหาก หนุ่ม ๆ เห็นเธอ อาจอยากเป็นชาวนาขึ้นมาทันที ถ้าความคิดของฉันพูดได้ ป่านนี้..คงจะไม่ได้ก้าวขาออกมาจากที่นั่นเสียแน่แท้ ถ้าไม่โดนตบจนตายคาฝ่าพระบาทน้องกระบือคนนั้น ก็อาจจะถูกทาบทามให้ร่วมวงการเพราะอีกตู้ข้าง ๆ ก็กำลังขาดกระบืออีกตัวหนึ่งอยู่พอดี ภาพบน : อีกัวน่าตกใจอีกแล้ว...นึกว่าของจริง ..เพื่อนกันค่ะ เพื่อนกัน ค่ำแล้ว..ฉันหิวจนเดินไม่ไหว ขาก็ปวด ท้องก็ว่าง ฉันตัดสินใจใช้รถไฟ tram เป็นครั้งแรก ซึ่งมันก็ไม่ยากเย็นนัก ถ้าหากเราใจกล้าและหน้าด้านบ้างเล็กน้อย |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |