ฮีธเป็นลูกของคิม นักแข่งรถและวิศวกรด้านเหมืองแร่ กับแซลลี่ ครูสอนภาษาฝรั่งเศส ฮีธมีพี่สาวชื่อแคตเธอรีน ซึ่งชื่อของฮีธกับแคตเธอรีน เป็นชื่อของตัวละคร ฮีธคลิฟ กับแคธี่ ในนิยายเรื่อง Wuthering Heights ซึ่งพ่อแม่นำมาตั้งเป็นชื่อลูก

เมื่ออายุ 10 ขวบ พ่อแม่หย่ากัน แต่ละคนไปแต่งงานใหม่ ฮีธจึงมีน้องสาวอีกสองคน ฮีธสนใจการแสดงตอนเรียนโรงเรียนกิลฟอร์ดเมื่อตัวเองอายุ 12 ปี และเข้าร่วมเวทีการแสดงละครเพลงคณะต่างๆ ในเมืองเพิร์ธ จนกระทั่งอายุ 17 ปี จึงย้ายไปนครซิดนีย์ และเข้าร่วมบริษัทการละครกิลฟอร์ด เพื่อนซี้ชื่อ เทรเวอร์ ดิคาร์โล ขับรถพาฮีธเข้านครซิดนีย์เพื่อหาเส้นทางการแสดงในที่สุดได้รับบทบาททางทีวีออสเตรเลีย เริ่มจากผลงานซีรี่ส์ชุด Sweat ปี 2539 ในบทเกย์นักปั่นจักรยาน ตามด้วยบทเจ้าชายในยุคเซลติก ซีรี่ส์ของค่ายหนังฟ็อกซ์เรื่อง Roar ปี 2540

จากนั้นข้ามก็ข้ามมาที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ได้รับบทแจ้งเกิดใน 10 Things I Hate About You ปีเดียวกันนั้นมีผลงานในภาพยนตร์คอมเมดี้ของออสเตรเลียเรื่อง Two Hands เป็นหนังที่ได้ไปฉายในเทศกาลหนังอิสระ ซันแดนซ์ ฟิล์ม เฟสติวัล จากนั้นจึงตามด้วยผลงานเรื่องดังของเมล กิ๊บสัน The Patriot และเป็นพระเอกใน A Knights Tale

ผลงานที่เหลือได้แก่ Monsters Ball ซึ่งแสดงเป็นลูกของพระเอก (บิลลี่ บ๊อบ ธอร์นตัน) ซึ่งในภาพยนตร์มีฉากตัวละครที่เขารับบทยิงตัวตายด้วย ตามด้วย Four Feathers และหนังเขย่าขวัญปนโรแมนติกเรื่อง Sin Eater (2002) รับบทเป็นบาทหลวงที่ต้องช่วยนักสืบสาวสืบคดีปริศนา นอกจากนี้ยังมีข่าวจะร่วมนำแสดงกับยวน แม็กเกรเกอร์ในเรื่อง Nautica

ฮีธ เลดเจอร์ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องหุบเขาเร้นรัก (Brokeback Mountain) ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ต่อมาได้สวมบทบาท บ็อบ ดีแลน ในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง I'm Not There และได้รับบทเป็นโจ๊กเกอร์ ในหนังอย่าง The Dark Night ภาคต่อของ Batman Begins

ในวันที่ 22 มกราคม 2551 พนักงานนวดหญิง พบศพ ฮีธ เลดเจอร์ นอนเปลือยกายคว่ำหน้าอยู่บนเตียงของเขา โดยมียานอนหลับจำนวนหนึ่งอยู่ใกล้กับตัวของเขา ซึ่งคาดการว่าเสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 15.45 ตามเวลาท้องถิ่น

เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 17 ปี ฮีธและเพื่อนได้ตัดสินใจเก็บกระเป๋า แล้วออกจากโรงเรียน เอารถคันหนึ่งมุ่งสู่ซิดนีย์ ฮีธเชื่อว่าซิดนีย์จะเป็นที่ที่เขาจะสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ หรืออย่างน้อย ก็เป็นที่นักแสดงมีโอกาสที่จะดัง ยังไงก็ตาม เค้าก็มาถึงซิดนีย์ด้วยเงินเพียง 69 เซนต์ ฮีธพยายามทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองดัง

งานแสดงครั้งแรกของเขา ในหนังทุนต่ำเรื่อง Blackrock ในปี 1997 ไม่เป็นที่ประทับใจเท่าไหร่ เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่น่าเป็นห่วง เมื่อเด็กชายต้องดิ้นรนต่อสู้ และเขาได้รู้ว่าเพื่อนสนิทร่วมห้องนั้นถูกข่มขืน

เขาไม่ได้มีส่วนในหนังเรื่องนี้มากนัก ความจริง มันเป็นแค่เพียงบทเล็กๆ มีเพียงสิ่งเดียวที่บอกให้รู้ในบทบาทของเขาคือ แสงไฟวูบนึงที่เขา แล้วเขาก็ถูกชกคว่ำ หลังจากบทเล็กๆ นั้น ฮีธก็ได้มาคัดเลือกตัวนักแสดงสำหรับบทบาททางรายการทีวี ที่มีชื่อว่า "Sweat" ในปี 1996 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มนักกีฬาโอลิมปิค เขาได้รับการเสนอบทให้หนึ่งในสอง อันแรกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ และอีกบทเป็นนักขี่จักรยานเกย์ ฮีธยอมรับบทหลังและเขาก็รู้สึกโดดเด่นจริงๆ มันทำให้เขาแจ้งชื่อได้บ้าง แต่โชคไม่ดีที่รายการถูกตัดออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำให้เขาต้องมองหาบทใหม่ ฮีธ แสดงในเรื่อง "Home and Away" (1988) สำหรับระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งในบทที่เขาต้องแสดงเป็นนักเซิร์ฟ ที่ตกหลุมรักสาวคนหนึ่งของซัมเมอร์เบย์

เมื่อเข้ามาสู่บทสั้นๆ ใน Paws (1997) ซึ่งเคยเป็นภาพยนตร์ที่แสดงโดย นาธาน คาวาลีรี ซึ่งโด่งดังมาในออสเตรเลีย ฮีธได้แสดงเป็นนักเรียนในหนัง ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการสร้างและการแสดงของเช็คสเปียร์ ที่เขาแสดงเป็น "Oberon" เป็นบทที่สั้นมาก นี่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการให้บทเล็กกับเขา ไม่มีอะไรที่ก้าวหน้าสำหรับอาชีพของเขา และเมื่อมาถึงเรื่อง Two Hands (1999)

ฮีธก็ได้ไปอเมริกาเพื่อพยายามเข้าคัดเลือกตัวนักแสดงในบทภาพยนตร์ เรื่อง "Roar" (1997) เขาไม่สามารถหางานที่อเมริกาได้เลย แต่เมื่อผู้กำกับชาวออสเตรเลีย จอร์จ จอร์แดนได้เลือกเขาสำหรับบทนำในเรื่อง Two Hands (1999) เป็นภาพยนตร์ตื่นเต้นระทึกขวัญเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมของออสเตรเลีย บทส่งให้เขาโดดเด่นและทำให้เขาได้รับบทในหนังเรื่องต่อมาคือ 10 Things I Hate About You (1999) หลังจากนั้นมันก็ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นดาราที่ผู้ชมอยากให้แสดงตามที่ต้องการ ซึ่งเขาไม่ชอบเลย ดังนั้นเขาจึงรับบทในหนังสงครามดราม่าที่ออกจะซีเรียสเรื่อง The Patriot (2000)

สิ่งที่ตามมาก็คือการแข็งทื่อสม่ำเสมอของบทบาท ฮีธยอมรับสำหรับทุกบทบาท อะไรก็ได้ที่หลีกเลี่ยงการแสดงบทที่ผู้ชมต้องการให้เป็น บางคนก็ชื่นชอบก็บทสั้นๆ ในเรื่อง Monster's Ball (2001) แต่ในเวอร์ชั่นของเขา เน็ท เคลลี่ (2003) กับล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งทำให้ผู้จัดจำหน่ายเริ่มลังเลที่จะปล่อยมันไปที่ออสเตรเลีย The Sin Eater (1997) ซึ่งฉายทางทีวี ก็แย่ไม่แพ้กัน และเรื่อง A Knight's Tale (2001) ก็เป็นแสงสว่างที่นำทางสู่วงการบันเทิง

ฮีธ เคยได้รับบทบาทมากมายและดูเหมือนเขาจะแน่ใจกับสิ่งที่จะทำต่อไป เขามุ่งหวังที่จะเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ทางด้านตลก เขาดูเหมือนจะต้องการแต่บทจริงจัง ซึ่งเป็นอุปสรรคที่กีดขวางอาชีพของเขา ฮีธมาจากคนธรรมดาที่ได้กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงนอกประเทศออสเตรเลีย แต่ในอาชีพนี้จนถึงวันนี้เขาสามารถจะเป็นที่หนึ่งได้ ถ้าเพียงแต่เขาจะเลือกรับบทได้อย่างถูกต้อง

จากนี้ไปเขาจะเป็นตำนานของคนธรรมดาที่กลายเป็นนักแสดงมืออาชีพและต้องจบชีวิตด้วยวัยอันสั้น....

ผลงานการแสดงมากมาย

ขอบคุณข้อมูลจาก อินเตอร์เนต วิกีพีเดีย