ผมให้ความสำคัญกับประเด็นหลักมากกว่านะ ( The main issues )

     สวัสดีทุกชีวิต

วันนั้นผมได้มีโอกาสนั่งสนทนากับอาจารย์แดน  ผู้ซึ่งได้ให้วิชาความรู้ด้านการทำดนตรีของผมเมื่อหลายปีก่อน  ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้นเสียงเตือนจากโทรศัพท์ของอาจารย์ก็ดังขึ้น  ผมก็เห็นข้อความที่หน้าจอว่า 20.00 น. ร้องเพลง ( ผมไม่ได้แอบดูนะครับ ) พอดีว่าอาจารย์วางไว้บนโต๊ะ  ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่อาจารย์มีนัดร้องเพลงเหรอครับ  ฮาเลยดิ..  ไม่...ผมไม่ได้มีนัดร้องเพลง  แต่ผมจะตั้งเวลาไว้ว่า 2 ทุ่มต้องร้องเพลงมันเป็นเวลาของผม ..อาจารย์ตอบ

            ผมก็ถึงบางอ้อเลยว่าทำไมอาจารย์ถึงได้เก่งอย่างนี้เรียนก็ได้หลายปริญญา  ทำอะไรก็สุดยอด  เพราะว่ามีระเบียบวินัยและมีความมุ่งมั่นตั้งใจ  ใช้เทคโนโลยี่ให้เกิดประโยชน์  และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เห็นคลิปร้องเพลงของอาจารย์ใน Youtube มากมาย ทั้งที่ในใจก็คิดเสมอว่า  แกเอาเวลาไหนมาทำ 

            และเมื่อหลายวันก่อนผมก็ได้นั่งคุยกับพี่อู๋  ท่านผู้นี้ได้ให้วิชาความรู้กับผมมามากมายจนใช้ประกอบอาชีพในชีวิตกันได้เลย ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ การนำเสนอผลงานของบุคลดังๆระดับโลก  เขามักจะให้ความสำคัญหรือน้ำหนักในประเด็นหลักมากว่าที่จะไปใส่ใจเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยหรือลูกเล่นต่างๆ  จนไปบดบังความสำคัญของสิ่งที่ต้องการนำเสนอ  อย่างเช่น สตีฟ จอบส์  ( Steve Jobs ) เวลาเขานำเสนอผลงานใหม่ๆ  สิ่งที่ทุกคนอยากได้ยินคือคำพูดที่โดนใจสักประโยคมากกว่าที่จะตั้งใจดูภาพกราฟฟิค  ( Graphic )  ที่ฉายบนจอ ดังนั้นเราจะเห็นว่าไม่มีภาพอะไรมากมาย  เขาจึงโดเด่นและทำให้มีโอกาสถ่ายถอดสิ่งที่ต้องการนำเสนอนั่นเอง

            ที่พูดมาเสียยืดยาวแบบนี้ผมก็แค่อยากจะชี้ให้เห็นว่าเวลาเราคิดจะเล่นดนตรีหรือลงมือทำดนตรีนั้น สิ่งที่สำคัญเราต้องตั้งคำถามว่าเราต้องการนำเสนออะไร  เราจะได้ไม่หลงประเด็นและงานมันจะชัดเจนที่สำคัญมันจะสำเร็จลุล่วง   บ่อยครั้งที่ผมมีอารมณ์ต้องการจะทำเพลงสักเพลง  หยิบกีต้าร์แล้วอัดเสียงเลย  สักพักผมเริ่มคิดว่า เอาไมค์มาจ่อตรงนี้อีกตัวมั้ยเสียงมันจะมีมิติขึ้น  หรือถ้าให้ดีอัดลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์  ( Music Software ) ไปเลยดีมั้ย เอาละครับมันเริ่มยุ่งยากขึ้นและจากนั้นสายแจ็คก็เริ่มมั่วไปหมด ปรับโน้นเปลี่ยนนี่  อัดแล้วเสียงไม่ดี มีปัญหาซึ่งใช้เวลากับการแก้ปัญหาส่วนอื่นๆ จน เริ่มร้อน เริ่มหิว และเริ่มหมดไฟ จบ...และแล้วเพลงนั้นก็ไม่เกิด

            หากเราเข้าใจและวางแผนเข้าถึงแก่นของสิ่งที่ต้องการนำเสนอเราจะได้ไม่ไปทำอย่างอื่นให้มันวุ่นวาย  อัดเสียงแล้วเล่นให้มันได้ในเวลานั้น เผลอๆบางครั้งมันอาจจะได้เพลงหรือลูกเล่น ( Lick ) ต่างๆ ที่ คุณชอบก็เป็นได้  เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของเทวัญ ทรัพย์แสนยากร หรือ ต๋อง นักแซกโซโฟนแจ๊สชาวไทย เขาบอกว่าเวลามีไฟเขามักจะเข้าห้องอัดแล้วเล่นสด( Improvise ) แล้วอัดเสียงไว้ หลังจากนั้นเมื่อมีเวลาค่อยกลับมานั่งฟังสิ่งที่เล่นไปชอบลูกเล่นไหนก็ค่อยนำมาเล่นในครั้งต่อไป และอีกอย่างเพื่อจะได้เป็นข้อมูลเก็บไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

            ลงมือทำเถอะครับ  ทำทั้งที่คุณคิดว่ามันยังไม่พร้อม  อย่ารอให้อุปกรณ์ดีแล้วจึงทำ หรือรอให้มีฝีมือระดับเทพก่อน  ทำนิดทำหน่อยก็คิดว่าลงมือทำแล้ว  ดีกว่าไม่ทำเลยนะครับ อย่างที่เขามักจะพูดๆกันว่าเพลงดีนะแต่ยังไม่ได้ทำหรือยังทำไม่เสร็จ  กับเพลงที่เสร็จแล้วแต่มันไม่ดี   จงจำไว้ว่าสาระหรือแก่นแท้ของผลงานของคุณอยู่ตรงไหน  ต้องการจะสื่อสารอะไร บางครั้งคุณภาพเสียงดีๆห้องอัดยอดเยี่ยม หรือฝีมือระดับเทพ ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับเพลงที่อัดกันเล่นๆในห้องนอน...ครับ

 ขอบคุณทุกชีวิต

  Mr.morgan

   27/01/57