เสด็จพระราชดำเนินเปิดโครงการหนองใหญ่ จังหวัดชุมพร
วันนี้พวกหนู จะพาไปเที่ยว ชมสวน ก่อนที่ทางอำเภอทุ่งตะโก จะจัดบรมมัคคุเทศก์ ให้กับนักเรียน และกลุ่มอื่นใน วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๒ ที่ว่าการอำเภอทุ่งตะโก จ.ชุมพร วันนี้จะนำไปชมสวน เศรษฐกิจพอเพียงกันนะค่ะ สวนลุงนิล ชุมพร มีพืชคอนโด ๙ ชั้น เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สวนลุงนิล ซึ่งนำชื่อเล่นมาตั้งชื่อสวน ส่วนชื่อจริง คือนาย
ก็เป็นบ้านญาติของเพื่อนหนู คือพี่หมวย (น.ส.กมลชนก ศรีสุบัติ)
อยู่โรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา นี้เองค่ะ สวนลุงนิล อยู่ที่หมู่ ๖ ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร แหล่งที่มา : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๑ หากเอ่ยชื่อ คุณสมบูรณ์ ศรีสุบัติ หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึง "สวนลุงนิล" ซึ่งเป็น "ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติพืชคอนโด ๙ ชั้น" ชาวบ้าน แห่งบ้านทอนอม หมู่ที่ ๖ ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร และเกษตรกรส่วนใหญ่ในจังหวัดชุมพรคงเคยได้ยินชื่อบุคคลผู้นี้ที่ได้รับ การยอมรับจากหลายหน่วยงานว่าเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่มีชีวิตน่าสน ใจเป็นอย่างมาก เพราะบุคคลผู้นี้มีความรู้แค่ชั้นประถมปีที่ 4 เคยมีอาชีพ เป็นช่างตัดเสื้อ เป็นเจ้าของร้านอาหาร ๙ แห่ง และเคยเป็นเจ้าของสวน ทุเรียนที่ประสบปัญหาจนมีหนี้สินกว่า ๒ ล้านบาท แต่เขาก็สามารถเปลี่ยน ชีวิตของตนด้วยการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรทฤษฎี ใหม่ ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนสามารถปลด หนี้ และกลายเป็นผู้ที่มีรายได้ปีละนับล้านบาทเลยทีเดียว ชุมพร ในวัยเด็กเขาเคยฝันว่าโตขึ้นจะเป็นครู แต่เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี เมื่อโตขึ้นเขาจึงต้องหันไปเรียนวิชาตัดเย็บเสื้อผ้า ก่อนจะเปิดร้านเล็กๆ รับเย็บเสื้อผ้าได้ประมาณ ๔ ปี แต่เมื่อไม่สามารถสู้กับเสื้อผ้าโหลจากโรง งานที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากได้ จึงต้องเลิกกิจการหันไปเรียนวิชาทำ อาหาร แล้วไปทำงานเป็นกุ๊กอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านปิ่นเกล้าที่ กรุงเทพฯ จากนั้นไปทำงานที่ร้านอาหารในจังหวัดภูเก็ต เมื่อเก็บเงินได้ ก้อนหนึ่งก็นำมาลงทุนเปิดร้านอาหารหน้าวิทยาลัยเกษตรกรรมชุมพร อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร โดยมีน้องสาว ๔ คน มาช่วยกันดูแลกิจการ พร้อมกับซื้อสวนกาแฟไว้ ๑๗ ไร่ ที่บ้านทอนอม ตำบลช่องไม้แก้ว แต่ แล้วก็เกิดมีปัญหากับผู้ที่ประกอบอาชีพร้านอาหารด้วยกัน คุณลุงนิลจึง ถูกคนร้ายยิงถึง ๗ นัด ที่ศีรษะ ๑ นัด ขา ๑ นัด สะโพก ๒ นัด และหน้า ท้อง ๓ นัด จนอาการสาหัส มีลูกน้องเสียชีวิต ๑ คน เมื่อหายเป็นปกติเขา จึงตัดสินใจย้ายไปเปิดร้านอาหารที่หัวหินจนขยายสาขาได้ ๑๐ ปี มีถึง ๙ สาขา แต่สาขาที่ ๙ เป็นร้านขายผลไม้จึงกลับมาชุมพรเพื่อหาผลไม้ ป้อนเข้าร้าน นั่นขายได้ราคาดีมาก เลยตัดสินใจว่าจะปลูกทุเรียนแทนกาแฟที่ถูกไฟ ไหม้ไปในสวนที่อำเภอทุ่งตะโก โดยให้ภรรยาคนก่อน (แม่ของลูก ๓ คน) และญาติๆ ช่วยดูแลร้านอาหารให้ ส่วนตัวเองก็มาปลูกทุเรียนอยู่ที่นี่ เมื่อ ปี ๒๕๒๙ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ ๔ แสนบาท ปลูกทุเรียนอย่างเดียว ประมาณ ๗๐๐ ต้น เมื่อภรรยากับลูกๆ กลับมาเห็นในปี ๒๕๓๐ ก็ชอบใจ จึงตัดสินใจเซ้งร้านอาหารทั้ง ๙ แห่ง เพื่อนำเงินจำนวน ๒ ล้านบาท มา ลงทุนที่สวนทุเรียนทั้งหมด" คุณลุงนิล กล่าว บาท ก็เริ่มหมดไป เพราะทุเรียนในสวนประสบปัญหาเนื่องจากขาดน้ำจน ได้รับความเสียหายเหลือเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ขณะที่สมาชิกทุกคนใน ครอบครัวต้องกินต้องใช้ ภรรยาทนไม่ไหวก็ขอไปทำร้านอาหารต่อที่ กรุงเทพฯ ตนจึงเริ่มต้นกู้ยืมเงินเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๑๐ ต่อเดือน จนเป็น หนี้เกือบ ๒ ล้านบาท ทุกวันจะมีแต่เจ้าหนี้มาทวงหนี้ ทำให้รู้สึกท้อแท้ และหมดหวัง ถึงกับเคยคิดสั้นที่จะยิงตัวตาย โดยไปยืนกอดต้นทุเรียน ที่ใหญ่ที่สุดในสวนพร้อมทั้งพูดกับต้นทุเรียนต้นนั้นว่า"ข้าเคยคิดว่าจะ ตายก่อนแก แต่นี่แกกลับมาตายก่อนข้า ดังนั้น ข้าไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำ ไมอีกแล้ว" ต่อจากนั้นก็กลับเข้าบ้าน หยิบปืนขึ้นมาจ่อที่ขมับ แต่เมื่อ เห็นหน้าลูกชายก็ถามตัวเองว่า "ถ้าเราตายแล้วลูกๆ ที่ยังเล็กอยู่ ทั้ง ๓ คน จะอยู่กับใคร" เลิกความตั้งใจที่จะฆ่าตัวตาย และคืนวันนั้นคือวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐ ได้เปิดทีวีดู พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเรื่องหลัก เศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรกรรมทฤษฎีใหม่ ตนฟังแล้วถึง กับน้ำตาไหลและยกมือไหว้ท่วมหัว และเหมือนกับการจุดประกายให้ เกิดความคิดที่จะทำตาม โดยเขียนป้ายเอาไว้ว่า "จะขอตามเท้าพ่อ" พอตื่นเช้าก็เริ่มต้นสำรวจตัวเองแล้วพบว่า รูรั่วที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้การ ทำสวนของตนมีปัญหาคือเงินที่ใช้ซื้อปุ๋ยเคมีปีละหลายแสนบาท เมื่อ รู้เช่นนั้นจึงหยุดการซื้อปุ๋ยทุกชนิดทันที แล้วหันมาใช้ EM หรือน้ำ จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชแทน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการ ซื้อปุ๋ย พร้อมทั้งหันมาใช้วิธีปลูกพืชห่มดินตามแนวทางของในหลวง เปลือยดิน ควรปลูกพืชห่มดินเอาไว้ จึงเปลี่ยนความคิดใหม่ จากสวน ที่ไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียว กลายเป็นสวนที่ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกไปหมด ตรงไหนเป็นที่ว่างก็เอาใบตองหรือเศษใบไม้ใบหญ้าไปปิดเอาไว้ พร้อมยึดหลักลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส นั่นคือ ปลูกพืช ที่เราชอบกินแซมตามที่ว่างระหว่างต้นทุเรียน เช่น ปลูกต้นส้มจี๊ด ปลูกกระชาย ปลูกกล้วยเล็บมือนาง พร้อมทั้งเลิกการใช้สารเคมี ทุกชนิด พอผ่านไปประมาณ ๑ ปี ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน มีเงินเหลือจึง นำไปปลดหนี้ ใช้เวลาประมาณ ๖ ปี หนี้ที่มีอยู่ ๒ ล้าน ก็สามารถ ใช้คืนเขาได้หมดแล้ว" คุณลุงนิล เล่าอย่างภาคภูมิใจ คาบาน่า รีสอร์ท ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร มีศูนย์การ ศึกษากสิกรรมธรรมชาติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง จึงสนใจและ เดินทางไปขอศึกษาด้วย โดยครั้งแรกใช้เวลาในการเรียนรู้ ๓ วัน อีกครั้งใช้เวลา ๔ วัน ๓ คืน หลังจากจบการอบรมแล้วคิดว่าตนได้ รับความรู้มากกว่าที่คาดเอาไว้ เช่น ได้สูตรในการทำน้ำชีวภาพต่างๆ รู้จักวิธีปลูกพืชห่มดินที่ถูกต้อง วิธีการรีไซเคิลขยะกลับมาใช้ประโยชน์ ได้อีก การทำปุ๋ยชีวภาพ ทั้งปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำ และแนวทางกสิกรรมธรรม ชาติอีกมากมาย คือ การปลูกพืชเป็นชั้น ๙ ชั้น ชั้นที่ ๑ คือ การขุดบ่อเลี้ยงปลา พร้อม กับปลูกพืชน้ำอย่างผักกระเฉด ผักบุ้ง บัว ชั้นที่ ๒ คือ การปลูกพืชจำ พวกกลอย มันหอม และพืชตระกูลหัวทั้งหมด เช่น ขมิ้น กระชาย ชั้นที่ ๓ ปลูกพริกหน้าดิน และผักเหลียง ชั้นที่ ๔ ปลูกส้มจี๊ด ชั้นที่ ๕ ปลูกกล้วยเล็บมือนาง ชั้นที่ ๖ ปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ชั้นที่ ๗ ปลูกสะตอ มังคุด ลองกอง โดยทุกต้นจะปลูกพริกไทยดำให้เลื้อย ขึ้นไปบนต้นเพื่อเป็นรายได้เสริมด้วย ชั้นที่ ๘ เป็นส่วนของธนาคาร ต้นไม้ ที่ปลูกไว้กิน ไว้ใช้ ไว้จำหน่ายพันธุ์ไม้ให้สมาชิก และชั้น ที่ ๙ ปลูกไม้ยางนา ๓๐ ต้น สูงต้นละประมาณ ๔๐-๕๐ เมตร และ เพาะกล้าไว้อีก ๕๐๐ กล้า ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการเดินตาม รอยพ่อทั้งสิ้น" คุณลุงนิล กล่าว ที่เป็นรายได้หลักแล้ว ยังมีรายได้จากพืชต่างๆ ที่ปลูกแซมเข้าไป ในสวน นั่นคือ กลอย สามารถขายได้ปีละประมาณ ๑ แสนบาท ส่วนกระชาย นำไปส่งโรงงานผลิตเครื่องแกง ปีละประมาณ 4 ตัน พร้อมน้ำสมุนไพรคุณลุงนิลอีก ประมาณ ๕ ตัน ในราคากิโลกรัมละ ๑๒ บาท ส้มจี๊ดที่ใช้ใส่อาหารแทนมะนาวมีรายได้วันละประมาณ ๒ พันบาท กล้วยเล็บมือนาง จะตัดสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ ๑ ตัน ราคา กิโลกรัมละ ๕ บาท โดยมีร้านค้าแถวศาลพ่อตาหินช้าง อำเภอท่าแซะ ขับรถเข้ามารับซื้อถึงสวน และพริกไทยดำที่ฝากไว้ตามต้นมังคุด ต้นสะตอ ต้นลองกอง ก็ขายได้ปีละประมาณ ๓ แสนบาท ลักษณะคอก ขนาด ๓X๓ เมตร ลึกลงไปจากพื้นดิน ประมาณ ๑.๕ เมตร และมีการก่ออิฐรอบๆ สูงจากดินประมาณ ๑.๕ เมตร เพื่อป้องกันลูกหมูโดดออกมาข้างนอก ใช้เงินลงทุนหลุมละประ มาณ 1 หมื่นบาท แล้วนำแกลบมาเทใส่ที่พื้นหลุม เมื่อหมูถ่ายลง ไปบนแกลบจะเกิดการคลุกเคล้ากันจนกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีที่สามารถ นำไปใส่โคนต้นไม้หรือนำไปขายได้หลุมละประมาณ ๒ หมื่นบาท ยังไม่รวมการขายลูกหมูอีกตัวละ ๑ พันบาท ซึ่ง ๑ หลุม สามารถ เลี้ยงลูกหมูได้ ๕ ตัว" คุณลุงนิล ขยายความเรื่องหมู ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจนสามารถปลดหนี้ได้หมดแล้ว คุณลุงนิลตัดสินใจที่จะแบ่งปันความรู้ให้เกษตรกรรายอื่นๆ ด้วยการเปิดศูนย์กสิกรรมธรรมชาติพืชคอนโด ๙ ชั้น ซึ่งพร้อม ที่จะเผยแพร่ความรู้แก่ผู้สนใจ พร้อมเปิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ในลักษณะโฮมสเตย์ในพื้นที่ โดยมีการก่อสร้าง "บ้านดิน" ให้ผู้ที่ ต้องการเข้ามาเรียนรู้ได้เข้าพักด้วย เกษตรกรตัวอย่างที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต โดยยึดหลักเศรษฐกิจ พอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนสามารถ ปลดหนี้ปลดสิน และยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งตนเอง และยังพร้อมแบ่งปัน สิ่งที่ตนได้รับจาก "การเดินตามรอยพ่อ" ให้หลายคนที่อาจจะยังมอง หาหนทางไม่เจออยู่ในขณะนี้ด้วย นำมาบอกเล่าโดย ..เด็กอาสาทุ่งตะโก.. โรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ พระบรมฉายาลักษณ์ แขวนไว้รอบบ้าน ผักกระเฉดงาม ไม่มีสารพิษ ในน้ำมีปลา มีผัก และน้ำรดสวนยามฤดูแล้วบางปี แต่ส่วนมากไม่ค่อยได้รดเพราะดินชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดปี พริกไทย งามเพราะขี้หมู ที่เลี้ยงไว้เพื่อปุ๋ยชีวภาพ ที่โคนต้นหมาก เห็นพืชเขียวๆ ใช้ได้ทั้งนั้น มีกระชายเป็นต้น แก้วมังกร ก็หวาน เพราะปุ๋ยธรรมชาติ คือไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ทางเดินชมสวน มะละกอพันธุ์ ฮาวาย ส้มเขียวหวาน หวานจริงๆ ตัวแมลงก็ไม่ทำร้าย ลองกองหวาน ดก ต้นนี้ ไม่ตัดขายเพราะเอาไว้ให้ค้างคาวและนกแก้ว นกตี้ซิ๊บ กระแต กระรอกได้กินกันบ้าง ถือว่าได้บุญ เพราะสัตว์เหล่านั้น ช่วยกำจัดวัชพืช หรือแมลงต่างๆ ที่มารบกวน หรือ ทำลายพืชสวน ซังปาล์ม ปูห่มพื้นดิน ตามที่พ่อ สั่งสอนว่า ห่มผ้าให้ดิน นี่แหละผ้าห่มดิน ต้นส้ม ต้นมะกอก ต้อนกล้วยเล็บมือนาง และต้นต่ำๆ เช่นกระชาย อยู่ร่วมกันได้ มะละกอ งาม เพราะขี้หมู ที่เลี้ยงไว้เพื่อทำปุ๋ยอินทรีย์ ดูโคนต้นมะละกอ ก็รู้ได้ว่า มะละกอกินซังปาล์ม ขี้หมู เท่านี้เอง ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ลุงนิล ต้อนรับแขกมาจากสัมพันธวงศ์กรุงเทพฯ ที่บ้านลุงนิล มีแต่สื่อการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนั้น สถานที่อบรมกลุ่มต่างๆที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ ที่ขาดไม่ได้คือพระบรมฉายาลักษณ์ จะเห็นได้ว่า มีทุกจุด โดยเฉพาะ ที่ด้านหน้า ห้องบรรยาย นี้คือกำลังใจที่หาซื้อไม่ได้ สื่อการเรียนรู้ ติดไว้ให้ศึกษาข้างฝาผนังห้องบรรยาย น้ำกระชาย เป็นยาสมุนไพรอย่างดี หญ้าไม่ต้องตัด ยาฉีดหญ้าไม่ต้องฉีด เพราะว่า ปล่อยไว้ให้คลุมดิน เป็นปุ๋ย และทำให้ดินชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา เขียวสดชื่นไปทั่วสวน พริกไทยงาม ตามธรรมชาติ เถาวัลย์อื่นๆ ก็กินได้ เช่นตำลึง
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
ดอกกล้วยไม้นานาพันธุ์ | ||
![]() |
||
ดอกกล้วยไม้ ประดับป่า มนุสสา ยังปีนป่าย ขึ้นเอามาจนได้ เพื่อเลี้ยงไว้ ชมความงาม |
||
View All ![]() |
ลมพัดผ่านท้องทุ่ง ฟุ้งเกสร | ||
![]() |
||
ลมพัด ผ่านท้องทุ่ง เกสรฟุ้ง หอมนาสา สายลม แผ่วพัดมา หอบไอเย็น คลุมผิวดิน เทือกเขา และต้นไม้ ผลิตฝนให้ กระแสสินธุ์ โบกลม พัดไหลริน อาบพื้นดิน ชุ่มฉ่ำใจ เสียงนก กู่ร้องขาน สุขสำราญ ป่าไม้ไหว แ |
||
View All ![]() |
<< | สิงหาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |