ความน่าสนใจของเรื่องนี้มีอยู่ว่า

มีผู้เสนอแนวความคิดการเลือก คัดสรร ผบ.ทบ.

โดยอ้างอิงการบริหารองค์กรเอกชน/บริษัทใหญ่ ๆ

เปรียบเทียบการแต่งตั้ง  CEO  บริษัทชั้นนำ

พยายามเสนอกระบวนการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. ต่าง ๆ นานา

เป็นประเด็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย สำหรับคนทั่วไป

คนทั่วไปในที่นี้ล้วนเป็นคนเดิม ๆ ที่คุ้นเคย

คุ้นเคยกับการนำเสนอเรื่องราวที่เป็นผลพวงจากวิกฤตการเมือง

ก่อนไปถึงจุดที่เป็นประเด็น

ขอทำความเข้าใจกับคำว่า ผู้นำทหาร สักเล็กน้อย

ในสังคมทหาร ให้ความสำคัญกับ “ความเป็นผู้นำ”

หลักสูตรของทหารจะอบรม สั่งสอนศาสตร์ที่ว่าด้วยผู้นำ ภาวะผู้นำ

ผลพลอยได้คือการซึมซับสะสมทางความคิด การกระทำ ไปจนถึง

สิ่งที่ต้องปฏิบัติเมื่อตกอยู่ใน “ภาวะผู้นำ” หรือ “ภาวะผู้ตาม”

ไม่ได้แยกว่า ทหาร ในสนามรบ หรือ ทหาร ในสำนักงาน

เพราะไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่ง ทหาร ในสำนักงาน ต้องไปอยู่ในสนามรบ

ไม่รู้ว่าวันหนึ่งวันใดกองทัพจะถูกหยิบยกให้เป็นเรื่องวิพากษ์

ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถูกยกยอให้เป็นดั่งวีรบุรุษ

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งผู้นำทหาร ทั้งสิ้น

ผู้นำ ในความต้องการของทหารจึงต้องเป็นผู้นำที่มีอำนาจและอิทธิพล

ผบ.เหล่าทัพ เป็นผู้นำสูงสุดของแต่ละเหล่าทัพที่มีอำนาจในทางกฎหมาย

กฎหมาย กำหนดอำนาจให้ ผบ.เหล่าทัพ แต่ไม่ได้กำหนดให้มีอิทธิพล

เพราะอะไร ?

ก็เพราะว่าอิทธิพล ใช่จะได้มาจากอำนาจทางกฎหมาย

อิทธิพลในที่นี้ ไม่ใช่ ผู้ทรงอิทธิพลตามที่เข้าใจกัน

แต่เป็น คุณค่าของตัวผู้นำ คุณค่าที่ควรกล่าวถึงและชื่นชมในสังคม

มีตัวอย่างให้ประจักษ์ มาแล้วก็ไป ไปแล้วไปลับ

จะเห็นว่า ผบ.เหล่าทัพ ในความหมายของทหาร ต้องเป็นมากกว่า

ผู้บริหารองค์กร บริษัทในภาคธุรกิจ

การมองตัวผู้นำทหาร จึงไม่ได้มุ่งเน้นที่กระบวนการคัดเลือกมากมายนัก

ควรใช้คำว่า คัดเลือก ไม่ใช่ สรรหา

แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ คุณธรรม จริยธรรม และภาวะผู้นำ

ในอดีตและปัจจุบันของคนที่จะเป็นผู้นำทหาร 

จึงเข้าสู่ประเด็นว่า

แล้วใครจะรู้สิ่งสำคัญเหล่านี้ดีไปกว่าตัวผู้บังคับบัญชาโดยตรงของคนที่กำลังอยู่ในวิถีทางคัดเลือกผู้นำทหาร ซึ่งขณะนี้กำลังถูกพิสูจน์ด้วย

“วิถีผู้นำ”