ผ่านมาถึงตอนที่ 3 แล้วสำหรับการเดินป่าเขาหลวง นครศรีธรรมราช ช่วงสงกรานต์ปี 51 ของวิกกี้ วันนี้ต้องเดินให้จบม้วนซะที หลังจากโอ้เอ้ไป 3 วันเพิ่งขึ้นยอดพรหมโลกได้ที่เดียว
"โห...เมื่อคืนนี้ "หมีขอ" ตกลงมา ใกล้ๆ กับเปลผมเลย" พี่ 511 เดินมาจากเปลที่กางอยู่อีกด้านหลังของแคมป์ "ท่าทางจะตกใจเปลวไฟหน่ะ พอดีตอนนั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แล้วไฟมันลุกพรึ่บ ก็ได้ยินเสียงตกลงมาดังแอ่ก" ป๋มเองได้กาแฟมาปลุกถึงเปล ถึงได้ดึงตัวเองออกมาได้ จัดการกาแฟเสร็จก็ล้างหน้าล้างตา ก่อนจะมาช่วยกันทำกับเช้ามื้อเช้า แล้วยังต้องเตรียมเสบียงมื้อเที่ยงอีก กินข้าวเสร็จก็เติมน้ำกันให้เต็มขวดนะ เป้าหมายข้างหน้าไม่รู้จะมีน้ำหรือเปล่า ข้าวสารและเสบียงที่พร่องไป ถูกแทนที่ด้วยขวดน้ำที่เติมเต็ม เพื่อความไม่ประมาท เพราะเส้นทางที่เราจะไป ก็ที่ผาเหยียบเมฆเลยพี่ มีน้ำ แต่ป๋มจำได้ว่างต้องลงไปเอาลึกมาก แล้วก็ทางชันมากด้วย แต่ถ้าเราไปทางห้วยน้ำเย็นก็สบายหน่อย มีน้ำแน่ๆ อยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเลือกทางไหน
จากที่พัก... เรา 3 คน วิกกี้ พี่คิด และป้อม อยู่ปิดท้ายเหมือนเคย คราวนี้ ทิ้งห่างกลุ่มหน้าที่ไปกันก่อนราวครึ่งชั่วโมงกว่า เพราะพี่คิดเจอถือหม้อข้าวที่เพิ่งหุงสุกใหม่ๆ เกือบ 10 โมง เราถึงได้เริ่มออกเดินกัน จากเร่งเดิน แต่พอเจอสันเขาวิวเปิด ก็อดไม่ได้ ที่จะแวะถ่ายรูป
เราตัดเข้าป่าโบราณอีกครั้ง เพราะต้องย้อนกลับไปทางเก่า แล้วเสียงกิ้วก้าว ก็ตามมาอีก เมื่อเจอสิงโตพัดเหลือง กับเอื้องสายเสริต ถึงเมื่อวานจะหลอนไปแล้ว แต่วันนี้มาเจอใหม่ ก็ตื่นเต้นใหม่เหมือนกัน
แม้จะรู้ตัวว่าเดินทิ้งห่างจากกลุ่มหน้าไกลโข แต่เราก็สปีดไปได้ไม่มากนัก เพราะนอกจากดอกไม้ตามทางเดินแล้ว ยังเจอกับวิวสวยๆ ข้างทาง ทั้งวิวเขา และเงาทะมึนของต้นไม้ใส่เสื้อ
เดินเลาะมาอีกด้าน เจอกับเป้าหมายที่เราจะไปเยือน ยอด 1600 ม.รทก. หรือยอดฝามี หากแต่เมื่อเหลือบแลไปด้านข้างสันเขา ทำให้รู้สึกเลยว่า "ใกล้ตา ไกลตีน" เป็นอย่างนี้นี่เอง ท่าทางเราจะต้องเดินขึ้นเขา ลงหุบ อีกหลายระลอก กว่าจะไปถึงยอดฝามีได้
อำลาป่าโบราณพรหมโลก ก่อนจะเดินทะลุถึงหน้าผากมังกร อ้าวไม่มีใคร ท่าทางเค้าเดินไปกันแล้ว งั้นเราก็ตามไป ย้อนไปตามสันเขา จนถึงจุดที่เราเดินตัดขึ้นจากอีกด้าน นั่นแหล่ะ ดงไผ่คลาน แล้วก็ตามด้วยเสียงของเพื่อนๆ "นั่นไง รออยู่นั่นเอง"
แต่พอหลุดออกมาโค้งเขาอีกฝั่งเท่านั้นแหล่ะ ทิวเขาสวยๆ ด้านหน้า ทำเอาหายเหนื่อย รีบหยิบกล้องออกมาถ่ายรูป ก่อนที่เมฆจะเปลี่ยนรูปร่างไป "โบว์รัย" ชี้ให้ดูเส้นทางสันสวยที่เราจะเดินกันวันนี้ นู่น...เป้าหมายลิบๆ ยอด1600ม. หรือยอดฝามี
หลังชี้ชวนกันดูทิวเขา ลูกนั้นลูกนี้ ที่น่าเดินไม่นาน ถึงคราวที่เราต้องแปลงกายเป็นเลียงผา ไต่ตามขอบเขาไปแบบนี้ บางช่วงเหมือนเดินกลางเขา แต่บางช่วงก็ไม่กล้าปล่อยมือจากต้นไม้เตี๊ยที่ขึ้นอยู่ เพราะเพื่อนคงไม่อยากลงไปเก็บร่างเราเท่าไหร่หรอก
จุดที่พัก หลังเดินเป็นเลียงผา ไต่ขอบเขาชันๆ ที่ต้นไม้เองยังไม่กล้ายืนต้นสูง ท้าแดด ลม เราก็มุดเข้ามาอีกด้าน ผ่านต้นไม้ใหญ่ เลยขอนั่งพัก หลบร้อน แล้วก็ดูเทรล ก่อนจะตัดขึ้นยอดสูงสุด คราวนี้ มูงจริงๆ ขอร๊าบบ เวลาก็ใกล้เที่ยงเข้าไปทุกที หากแต่พอขึ้นเป้เดิน พอหลุดพ้นชายป่าด้านนี้ ก็เจอกับทุ่งหญ้า กับเฟิร์นต้น ใบแหลมๆ กับแดดจัด ในระยะเขาชันๆ ที่เราจะต้องไต่ขึ้นให้ถึงยอด ซึ่งแน่นอน .... ยังไม่ใช่ยอดฝามี ตรงนี้แค่เขาวงกต หลอกล่อให้ดูเหมือนใกล้ แต่ที่ไหนได้ ขึ้นแล้ว ก็ต้องลง แต่ก่อนลง ขอมุดเข้าไปนั่งพักจิบน้ำซะก่อน ตอนนนี้ แอ้มเอากล้วยตากที่เหลือ ออกมาแบ่งกันกิน คนละลูกสองลูก เรียกกำลังกันก่อน เพราะเราจะยังไม่พักกินข้าวเที่ยงที่จุดนี้
จากจุดที่เราพักนี้ ตอนแรกนึกว่าจะได้เดินไปตามสันเขาเสียที ที่ไหนได้ ตัดดิ่งลงข้างทางไปนู่น
แต่ระหว่างทางเหนื่อย ก็ยังได้ภาพดอกไม้ป่า แปลกตา
ไม่นาน ก็ต้องโผล่ออกมาขอบเขาอีก "เฮ้ยยย ไอ้มุมนี้ เมื่อกี้เราก็มองมาจากเนินขาลูกข้างหลังนั่นนินา" แต่พอมองไปข้างหน้า หรือหมู่เพื่อนเดินเรียงกันขึ้นไป ก้เอาน่า วางเป้ ถ่ายรูปกันอีกสักยก จะเป็นไร สวยดี...
เริ่มใกล้ความจริงเข้าไปทุกที แต่ก็ไม่วายต้องมุดๆ เข้าดง ก่อนจะวกมาตามเส้นทางเลียงผากันอีก และท้ายที่สุดก็ถึงทางชันช่วงสุดท้าย ขณะที่ตอนนี้เวลาปาเข้าไปเที่ยงแล้ว
สันเขา ที่ทอดตัวชันขึ้นเบื้องหน้า .... นั่นหล่ะ เป้าหมาย ยอด1600 ม. หรือ ยอดฝามี
แดดร้อน อ่อนแรง เหนื่อยล้า
ระหว่างที่ตัดขึ้นทางชันนี่เอง ที่ป๋มเจอกับต้นไม้ใหญ่ที่มีมอสขึ้นเต็ม ทำให้จำได้ว่า ต้นเดียวกับที่เคยไปถายรูปมาเมื่อคราวก่อน แสดงว่าป๋มเดินเลย ทางที่ตัดขึ้นมาจาก"อ้ายเขียว-หนานระฟ้า" มาแล้ว จาก 3 คนปิดท้าย ตอนนี้มีเพิ่มเป็น 5 คน ที่มานั่งหอบด้วยกัน เพราะหมดแรง เสียงนกเล็ก ๆ มาทักทาย จนอดเหลียวมองหาไม่ได้ เห็นรูปลักษณ์รู้ได้แค่ว่า เป็นนกกินปลี แต่ชนิดไหนก็จนปัญญาจะบอก ฮี่ๆ "วิกกี้ จากตรงนี้ไปผาเหยียบเมฆ ใช้เวลาเท่าไหร่" พี่ 511 ถามขึ้น ด้วยเพราะรู้ว่าป๋มเคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อน เจ้าแอ้มก็มาเหมือนกัน แต่ก็นานแล้ว แถมบอกว่า ไม่ต้องถามเพราะเดินตามอย่างเดียว "คงราว 3 ชั่วโมง แต่ตอนนั้นมันหลายปีมากแล้วที่มา แถมเดินช้าโคตรๆ อีก" เพราะจากจุดที่พักกินข้าวเที่ยง ไม่ไกลจากยอดฝามี เราก็เดินจนเกือบ 4 โมงเย็นถึงแคมป์พักที่ห้วยน้ำเย็น แต่พี่จากผาเหยียบเมฆ เราเดินอีกครึ่งวันก็ออกชายป่าได้แล้ว แต่ถ้าห้วยน้ำเย็น จะเดินนานกว่ามาก เพราะจำได้ว่าที่เค้าพูด ๆ กัน มีบางทริปกว่าจะออกไปถึงวังลุงก็ปาเข้าไปเกือบจะตกรถ
แล้วที่สุด ตอนแรกตั้งใจไปห้วยน้ำเย็น เพราะห่วงน้ำมากกว่า แต่ก็ตัดลงผิดเทรล เพราะความจำไม่แม่นของป๋มเอง ที่เกิดลังเล ว่าไปทางขวา หรือซ้ายละหว่า พอเดินไปหน่อย ก็ให้พี่สาคร ขุนส่า แซงขึ้นไป ตามด้วยคนอื่น ป๋มเองลงมาเดินท้ายๆ ดีกว่า หากแต่เดินไปไม่นาน ก็รู้ว่าผิดเทรล แต่ก็ไม่รู้จะเรียกอีกกลุ่มยังไงดี 5 5 5 5 ขณะเดียวกัน ในใจก็คิดว่า พวกเราคงถึงผาเหยียบเมฆเร็วอยู่แล้วหล่ะ ถ้าเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวพักอยู่ เราก็เดินต่อกันไปเลย ให้ลงไปถึงแหล่งน้ำด้านล่าง ที่มีอย่างน้อยก็ 3-4 จุด ก่อนออกชายป่า
ก่อนออกเดินทางจากจุดนี้ แสงแดดส่องลงในหุบพอดี เลยขอโอ้เอ้ถ่ายรูปอีกหน่อย "คราวที่แล้วป๋มเลาะไปทางขวาเรื่อยๆ นะ ไม่ไกลหรอก อีกราว 2 ชั่วโมงก็เจอแหล่งน้ำแรก" ป๋มว่าหลังจากที่ความจำกลับคืนมา
ว่าแล้วพวกเราก็ไปกันต่อ เลาะตามขอบเขาเหมือนเคย แต่คราวนี้ไม่ต้องเป็นเลียงผาแล้ว เข้าป่าดิบๆ ก่อนจะเดินลง ลง ลง ดิ่งลง เรื่อยๆ เรา 3 คนเร่งจ้ำตามกลุ่มหน้าที่ออกตัวไปก่อน แต่ก็ยอมเสียเวลาหยุดถ่ายรูปบ้างในมุมที่ชอบ เสียงนก เสียงลม เสียงแมลง กับดงต้นไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกของความเป็นป่าที่สมบูรณ์ เรายังคงเดินดิ่งลง ๆ ๆ ช่างดูโหดเชียวถ้าเป็นขาขึ้น เพราะมันก็จะขึ้นอย่างเดียวเหมือนกัน หลายมุมในจุดนี้ที่ชอบใจ แต่ก็ถ่ายรูปไม่มากนัก ด้วยเพราะเวลาคล้อยบ่ายแก่ๆ เข้าไปทุกที ตอนนี้ 5 โมงกว่าแล้ว
"โห รอเป็นชาติเลย" เสียงเพื่อนแซวขึ้นมา
"งั้นก็ตามนั้น" แล้วเราก็ไปกันต่อ ราวครึ่งชั่วโมงจริงๆ ที่ได้เจอจุดที่พัก ที่เราหลายคนเห็นตรงกันว่า น่าพักที่สุดแล้ว หลุดจากนี้ก็ออกชายป่า
ราวบ่ายโมง เราก็ออกมาถึงเส้นทางสู่บ้านวังลุง รถตู่มารออยู่ก่อนแล้ว เจอผู้คนที่มาเล่นน้ำตกไม่มากนัก เจ้าหน้าที่ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านวังลุง อยู่กันหลายคน ซึ่งพี่ลูกหาบของเราก็ดูจะรู้จักมักคุ้น กันดีก็มีพูดคุยทักทายพร้อมทำความเข้าใจ บอกเล่าถึงการมาเยือนของเราให้ได้รู้ทั่วถึงกัน "น้องมาทางไหน" พี่คนหนึ่งถามป๋ม "มาจากทางพรหมโลกค่ะ เดินมาทางผาเหยียบเมฆ แล้วก็เดินรวดเดียวลงมาเลย มานอนที่ต้นน้ำวังลุงค่ะ แบบไม่ได้แพลนล่วงหน้าเลยพี่ เลยไม่อยากพักข้างบน" ป๋มตอบกลับไป จากนั้นก็พูดคุยทักทายนิดหน่อย แล้วยังไปขอให้พี่เค้าชาร์ตแบตฯ มือถือให้อีก
เราปิดฉากอำลาเขาหลวง กับทริปเดินป่า 5 วัน 4 คืน ตอนบ่ายคล้อยของวันที่ 16 เมษายน 2551 หลังไปร่ำลาพี่บ่าว พี่ขุนส่า พี่สาคร และน้องหนุ่ม ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองคอนไปไหว้พระบรมมหาธาตุ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เพื่อทำงานกันต่อ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หมายเหตุ ** อ่านไปแล้ว 3 ตอน แต่ป๋มก็อยากนำเสนอ เรื่องราวกับภาพถ่ายสวยๆ เจ้าของภาพหลายภาพที่ป๋มหยิบยืมมาลงประกอบเรื่องด้วย .... คลิกไปชมเลยฮับ http://board.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&redirect=force&forum=29&No=123655&page=1 ติดต่อขึ้น เขาหลวงยอดพรหมโลก |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
โมโกจู | ||
![]() |
||
เดินทางไกลเพื่อหินเรือใบ |
||
View All ![]() |
เปรโต๊ะลอซู ภาค 3 | ||
![]() |
||
ไปจับหมอกกันมั้ย |
||
View All ![]() |
<< | เมษายน 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |