ความเดิมตอนที่แล้ว : หลังจากพวกเราทั้ง 10 คน เดินเข้าป่าปิด ในวันที่ฟ้าแจ่มใส ผ่านไปทาง http://www.oknation.net/blog/vickie/2008/06/06/entry-1
เราออกเดินกันต่อ เป้าหมายน้ำตกขุนพอง ที่พักกินข้าวเที่ยง เราเดินตัดข้ามน้ำตกหงษ์ทองมา ก็เลาะเข้าแนวป่าอีกด้าน เดินเลาะไปตามทางชันบ้าง ไม่ชันบ้าง เดินขึ้นบ้าง เดินลงบ้าง สรุปว่าเจอทั้ง 2 อย่าง แต่ลดขนาดลง น้ำคราวนี้ ไม่เกรี้ยวกราดเมื่อที่เคยมาเจอเมื่อ 2 ปีก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มหน้ากินข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว เตรียมสัมภาระจะออกเดินทางต่อ บางคนข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้ว ป๋มไม่รอช้า วางเป้ได้ ขอถ่ายรูปก่อนสัก 2 รูป แล้วก็ไปนอนแช่ในแอ่ง ใต้ต้นเมเปิ้ลใหญ่ ดูน้ำตกไป สบายตัว สบายใจเป็นที่สุด
แช่น้ำไป กินข้าวเที่ยงไป ถ่ายรูปไป พักหนึ่ง นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มมีน้าต้อมมาด้วย ก็มาถึง ป๋มถามย้ำน้าต้อมให้แน่ใจว่าจะไปผาหล่มสัก เพราะไม่อยากพลาดเป็นหนที่ 4 "คุณวิกกี้ไปกับผมก็ได้ เดี๋ยวเราขึ้นทางสถานีโทรคมนาคมของ ทอ. เลาะไปถึงผาหล่มสัก" น้าต้อม ชวน พร้อมกับแป๊ปซี่กระป๋องที่ยื่นมาให้อย่างรู้ใจ
เป็นอันว่า คราวนี้ป๋มส่งน้องๆ สาวๆ ข้ามน้ำไปกับพี่สง่า 7 คน ส่วนเรา 3 คน ป๋มกับเพื่อนอีก2 ขอไปกับกลุ่มหลัง หุหุหุ ได้แช่น้ำเล่นต่ออีกตั้งนาน แต่ดูเหมือนฟ้าแจ่มๆ ในรูปจะเลื่อนหาย เมื่อมีเมฆสีเทาๆ เข้ามาแทนที่ "อืมม ท่าทางบ่ายนี้ฝนจะตกหรือเปล่าเนี่ยะ" ไม่นานนัก พี่เค้ากินข้าวเที่ยงกันเสร็จ เราก็ข้ามน้ำ ป๋มข้ามไปก่อนก็เลยพาเดินขึ้นทันที เพราะพื้นที่ฝั่งตรงข้ามค่อนข้างน้อย ไม่เหมาะยืนรอเป็นแน่ จากจุดนี้จะต้องปีนทางชัน ชัน ชัน จาก 2 เท้าก้าวขึ้น ก็ต้องเพิ่มมือซ้าย ขวา ช่วยเหนี่ยวตัวเองขึ้นไป ทางชันได้ใจจริงๆ ชุดที่มากับน้าต้อม มีลุงๆ ป้าๆ มาด้วย แต่เดินกันเก่งจริงๆ ใครเหนื่อยก็หยุดพัก แต่ไม่มีใครบ่นสักคน
จากน้ำตกขุนพองเราเดินย้อนขึ้นไปทางต้นน้ำ อีกฝากหนึ่งของสันเขาที่เดินช่วงขามา แต่คราวนี้โผล่ไปลานหิน เจอน้ำนิดเดียวเอง ไม่มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากเหมือนกับที่เคยไปเจอมาเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้เดินสบายขึ้นเยอะ เรา 3 คน ยังสม่ำเสมอกับการเดินรั้งท้าย เดินไป ถ่ายรูปไป ลัดเลาะผ่านช่องหินก้อนใหญ่ๆ ข้ามน้ำอีกหน่อย แต่พอจะตัดกลับอีกฝั่ง ผ่านแอ่งที่เคยลงนอนแช่เล่นระหว่างทาง คราวนี้น้ำแห้ง กอเฟิร์นนาคราชฟิจิไม่มีให้เห็น
"อ้าวนั่น สาวๆ ที่ออกเดินมาก่อนเรานี่นา" ถามไถ่ได้ความว่าไปดูหินมา เดี๋ยวไปผาหล่มสักด้วย แล้วป๋มก็กบฏอีกครั้ง ด้วยการเดินตามพี่สง่า คนเดิม ตัดขึ้นทางชันด้านขวา ได้ยินเสียงกลุ่มหลังกู่เรียกเป็นระยะ เพราะเส้นทางเดินช่วงนี้ไม่ชัด แถมด้วยหญ้าคาที่สูงท่วมหัว จากนั้นก็เดินตามเส้นทางแนวกันไฟ แต่ดูเส้นทางแล้วเหนื่อยคร๊าบ เหนื่อย ดีที่บางช่วงได้วิวมาช่วยคลายความเหนื่อยได้เยอะ
เราเดินกันไปตามแนวกันไฟ พี่สง่าเล่าให้ฟังว่า จำเป็นต้องทำ เพื่อป้องกันไฟป่า ไม่ให้ลามไปถึงดงไม้ใหญ่ ที่เป็นป่าดิบ ซึ่งก็มีอยู่น้อยมากๆ ใช่ฮับ เพราะเท่าที่มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ทุ่งหญ้า แต่เริ่มฝนๆ แบบนี้ หญ้าระบัดใบก็เป็นอาหารอย่างดีของสัตว์เท้ากีบขนาดเล็ก จำพวกเก้ง กวาง ที่เห็นรอยเท้าเยอะเหมือนกัน
มองย้อนหลังลงไปในหุบ เจอแนวสันเขาที่เราเดินขามา จนไปสุดที่ปลายหิน จากด้านนี้มองไป เห็นแล้วไม่น่าเชื่อ จะเดินลงมากันได้ เพราะถึงปลายทางก้อนหินยักษ์ๆ เราก็ไต่ลงมาด้านซ้ายนี่แหล่ะ ก่อนจะอ้อมภูเขาหินไปทางขวา เพื่อตัดลงน้ำตกหงษ์ทอง ก่อนจะอ้อมมาน้ำตกขุนพอง แล้วก็ตัดขึ้นแนวสันเขาทีเรากำลังเดินอยู่นี่
แต่เดินไปไม่ไกลก็ถึงบางอ้อ... อ้อ รั้วพังเป็นแถบเลยแฮะ เสาปูนยังหัก จะฝีมือใคร๊ ถ้าไม่ใช่พี่ช้าง
เดินยังคงมุ่งมั่นเดินไปยังเป้าหมาย ผาหล่มสัก นอกจากรอยรองเท้าคน ที่คาดว่าเป็นกลุ่มก่อนหน้าแล้ว ยังมีรอยเท้ากีบแทรกเข้ามาตามรอยทราย ระหว่างทางพยายามหาเรื่องคุย เรื่องอำ จะได้ไม่เดินเหนื่อยจนเกินไปนัก แต่เมฆชักหนาตาเข้าทุกที จนเป็นห่วงว่า อาจจะมีฝนตกหรือเปล่า ยังไม่ถาจะตกก็ขอให้ตกหนักๆ ไวๆ แล้วก็หยุดไปเลยนะ ฟ้าจะได้ระเบิดแสงสุดท้ายแจ่มๆ แต่ถ้าตกหนักแบบมาราธอนหล่ะก็ โกรธกันเลย
เดินข้ามสะพายที่เป็นต้นไม้ใหญ่ๆ กันอีกหน่อย
เดินคุยกันไป กระทั่งถึงผาหล่มสัก มีนักท่องเที่ยวมานั่งรออยู่ที่ร้านค้ากับเยอะเชียว แต่เท่าที่รู้มา ถือว่าน้อยมาก ถ้าเทียบกับช่วงเทศกาล ป๋มปรี่ไปที่ร้านถ้า ถ้าหาเครื่องดื่มที่ต้องการ แล้วก็ไม่นั่งทอดอารมณ์อยู่บนลานหินที่ใครมาผาหล่มสัก ก็ต้องมานั่งที่ก้อนนี้ เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จริงๆ เป็นลานหินกว้างๆ เอาการ แต่ด้วยมุมมอง ทำให้เห็นก้อนหินเหมือนเป็นชะง่อนผา ยื่นออกไปในอากาศ
ป๋มเลือกที่จะถ่ายรูปชะง่อนหิน มุมไฮไลท์ ก่อนอาทิตย์ตก เพราะดูจะปลอดคนดี ไม่ต้องแย่งกับใคร จะเดินไปถายมุมไหนก็ไม่ไปขวางทางกล้องใคร แล้วที่สำคัญหน้านี้ อาทิตย์ไม่ตกหลังกิ่งสนให้เห็นเด่นสง่า แต่จะเบี่ยงลึกเข้าไปในแผ่นดิน ถึงตอนนั้น คงต้องไปแย่งมุมริมสุดของหน้าผากับคนอื่นๆ
ป๋มเลือกไปนั่งตรงมุมอีกด้าน แล้วก็ให้แปลกใจกับลวดลายบนลานหิน ที่มองอีกมุมก็จะเห็นเป็นชะง่อนหิน ของมุมไฮไลท์นั่นเอง อีกนานกว่าดวงอาทิตย์จะตก ที่สุดป๋มเลยลงนอน ผลอยหลับไปก่อน มารู้สึกตัวอีกที น้อง 2 คนก็มาแจม อ่ะ แบ่งที่กันนอนเล่น คนน้อยๆ แบบนี้ดีเนอะ
ระหว่างนั่งรอดูอาทิตย์ตก เย็นย่ำเข้าไปทุกที พวกเราก็มาถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกซะหน่อย ไหนๆ ก็มาถึงผาหล่มสักกันแล้ว เดี๋ยวค่อยไปหามุมรอดูอาทิตย์ตกกันต่อ ขณะที่หลายกลุ่มทยอยกันเดินกลับ แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่อยู่รอดู "ไหนๆ ก็มาแล้ว"
"โอ้โห สวยจัง" ทุกคนหันไปดูเป็นแถว คนที่ถือกล้องก็ลงมือทำงานกันอีกรอบ
จากแสงสลัวๆ เริ่มมืด เส้นทางแฉะด้วยน้ำฝนที่ตกเมื่อวานนี้ จากที่เดินตามรอยทางรถ ต้องคอยเลี่ยงแอ่งน้ำ จนผ่านผาเหยียบเมฆ ถึงผานาน้อย ที่ร้านรวงปิดเงียบกริบ พวกเราใจเริ่มมาเป็นกอง ก็เหลืออีกไม่ถึงครึ่งทางแล้ว จนผ่านผานาน้อย
ตอนนี้เกือบ 2 ทุ่มแล้ว เราเจอแสงไฟข้างหน้า อ้าวไม่ใช่ใครที่ไหน คู่คุณลุง-คุณป้า ที่ป๋มเจอตอนเข้าป่าปิดด้วย 2 ทุ่มครึ่ง เราก็เดินไปถึง "ร้านนัดพบ" รวมเวลา 2 ชั่วโมงพอดิบพอดี กับเส้นทาง 9,200 ม. พอหยุดพักเท่านั้นแหล่ะ เหมือน ทีนจะหลุด หลังมื้อค่ำคืนนี้ เรานั่งคุยกันมีเจ้าตั้มทำข้าวโพดอบเนยให้กิน ไม่นานพี่เปี๊ยก ส่องไฟ ไปเจอกวาง "เฮ้ยตั้ง 3 ตัวแหน่ะ ค่อยๆ เดินออกมาจากชายป่า เลมหญ้าไปเรื่อย ขณะที่ชายป่าอีกด้าน มีหมาจิ้งจอกออกมาวิ่งวนเวียนไปมา
เช้านี้ตอนแรกตั้งใจจะตื่นเช้าไปถ่ายรูปในมุมใหม่ๆ แต่ดันแบตฯหมด เพราะงั้นเลยไม่ต้องรีบร้อนตื่น แถมแบกเป้ลงเอง เลยมีเวลาทำนู่น ทำนี่ ไม่ต้องรีบร้อนเก็บข้าวของ หลังมื้อเช้าเลยมานั่งเขียนโปสการ์ดถึงเพื่อน นั่งเล่น นั่งคุย จนเก็บของเสร็จก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว "ไปเหอะ บ่าย 2 เค้าห้ามลงนะเฟร้ย" "เฮ้อ ... ใครว่ามาภูกระดึงเดินสบายๆ ป๋มเถียงหว่ะ ... เดินเหนื่อยชะมัด"
ภูกระดึง ... สถานที่ ที่สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น ทุกครั้งที่ไป ได้แวะคุยกับแม่ค้า พ่อค้า ตามซำระหว่างทาง พวกเขาเหล่านี้ ใช้ช่วงเวลารอฝนทำนา ขึ้นมาขายของตามทางเดิน เช้าเดินขึ้นมา พอตกเย็นกะว่านักท่องเที่ยวหมดแน่ๆ ก็เดินลง ทำอย่างนี้เป็นประจำ เรียกว่าได้ทั้งเงิน ได้ทั้งสุขภาพร่างกายแข็งแรง ภูกระดึง .... เป็นบ้านของสัตว์ป่านานาชนิด ใหญ่สุดก็ช้าง เล็กสุดก็ทาก ระดับกลางๆ มีเพียบ ทั้งเก้ง กวาง หมูป่า หมาป่า หมาจิ้งจอก ส่วนพี่เสือป๋มไม่แน่ใจ แต่คาดว่าน่าจะมี ไปครั้งหลังสุด ตรงศาลาชายขอบที่ป๋มไปกางเตนท์นอน เจอหมูป่าตัวเขื่อง เจอกวาง เจอหมาจิ้งจอก แต่ดีแล้วที่ไม่เจอพี่หญ่ายย... ช้าง ช้าง ช้าง ที่จะมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ได้ และในความรู้สึกป๋ม มันเป็นช้างที่เครียดจากการถูกกระทำ จากการถูกรุกรานจนถอยร่นอยู่อยู่ภูกระดึง มันจึงไม่มองคนอย่างเป็นมิตร ... หลายครั้งที่มีข่าวคนถูกช้างเหยียบ ภูกระดึง ... ยังเป็นสถานที่ ที่ถูกดึงเข้าสู่วงการการเมือง ทั้งการเมืองระดับชาติ และการเมืองระดับท้องถิ่น ที่งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ... เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ที่มักถูกเลือกหยิบขึ้นมาพูดบนโต๊ะเจรจาระดับชาติ ก็คือเรื่องการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ในยามที่สถานการณ์การเมืองรุมเร้ารัฐบาล ทำให้ผู้คนหันเหความสนใจไปที่ภูกระดึงชั่วคราว วันนี้ ... ภูกระดึงเปลี่ยนไป ทั้งจากที่ฟังหลายคนบอก และจากที่ไปเห็นด้วยตา นับแต่ทางชันๆขึ้นเขา จากเมื่อก่อนที่ว่า หนุ่มสาวมักไปพิสูจน์รักที่ภูกระดึง เพราะทางเดินที่ชันดิกตรงทางขึ้นหลังแป ดูแล้วน่าทิ้งตัวถ่วงจริงๆ แต่ถ้ารักกันมาก ก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว แต่วันนี้ เส้นทางแปรเปลี่ยนเป็นขั้นบันไดซะหลายช่วง ...บางคนบอก ไปภูกระดึงแค่ถือเงินไปก็พอ ที่นี่มีทุกอย่างให้เลือกสรร ยกเว้นร้านสะดวกซื้อ ที่ยังไม่ไปเปิดกิจการ แต่ ณ วันนี้ ป๋มก็ยังรู้สึกว่าภูกระดึง ยังมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ทั้งเส้นทางเลียบผา ทั้งเส้นทางเลาะป่าสน และเส้นทางสายน้ำตก รวมถึงเส้นทางป่าปิด .... แล้วที่สุด ป๋มอาจจะได้ไปเยือนอีกครา |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
โมโกจู | ||
![]() |
||
เดินทางไกลเพื่อหินเรือใบ |
||
View All ![]() |
เปรโต๊ะลอซู ภาค 3 | ||
![]() |
||
ไปจับหมอกกันมั้ย |
||
View All ![]() |
<< | มิถุนายน 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 |