อรัมภบท ถึงทริปเดินป่า น้ำตกสิบห้าชั้น อยู่ในเขต อช.เขาสิบห้าชั้น อุทยานน้องใหม่ ไปแล้วหลายวัน ก็ไม่ว่างมาเขียนต่อ...ครั้นจะไปเขียนต่อในเอนทรีเดิมก็ดูจะเก่าไปหน่อย ขึ้นตอนใหม่แล้วกัน ส่วนใครยังไม่ได้อ่าน ลองคลิกๆ ไปดูแล้วกันนะกั๊บ แล้วจะรู้ว่า เฮ้ย .... ทำไม
ข้ามธารน้ำแรก ขึ้นเนินไปหน่อย ก็เจอกับร่องลึก กว้าง ... ต้องลงเดินกันตั้งแต่ตรงนี้หล่ะ ว่าแล้วเราก็ขึ้นเป้ เดินเรียงแถวตามกันไป ทางเริ่มไต่ลง ข้ามธารน้ำแรก ก่อนจะขึ้นเนินชันๆ กันอีกรอบ ตรงนี้เราหยุดหารือกัน ด้วยเป้าหมายอยากขึ้นไปนอนเหนือน้ำตก 15 ชั้น มากกว่านอนแค่ชั้น 6 หรือ 9 ตามที่แอบได้ยินผู่ช่วยอช.นัดแนะกับเจ้าหน้าที่นำทาง สรุปเรามี 2 ทางเลือก วันแรกจะเดินขึ้นเขาอย่างเดียวไปลงน้ำตก แล้ววันรุ่งขึ้นเลาะน้ำตกลงมา กับวันแรกเราจะเลาะน้ำตกขึ้นไป แล้วขากลับเลาะสันเขาลงมา ... ขึ้นเส้นน้ำตกแหล่ะ ... เพราะขาลงน้ำตกจะยากกว่า เป็นอันว่าตรงใจกันพอดี ก็วันแรกเริ่มเดิม ร่างกายขอปรับสภาพก่อน เดินไป เล่นน้ำไป ช่วยให้ร่างกายสดชื่นกว่าเดินสันเขาร้อนๆ เป็นไหนๆ ถามไถ่ได้ความว่าเดิน 2-3 ชั่วโมงก็ถึง แต่ลืมถามว่าถึงชั้นไหน น่ะซิ เราเดินทางเทรลเล็กๆ ข้างเขาไต่ระดับความชันไปเรื่อยๆ จนไปถึงมุมน้ำตกชั้นแรก แล้วป๋มก็ได้เล่นน้ำเสียที เราพักกันตรงนี้ นานหน่อย จนเย็นใจ ขึ้นเป้ข้ามน้ำตกไปเลาะอีกฝั่งแทน คราวนี้ไต่รากไม้ ไปข้างๆ ก่อนจะลุยน้ำข้ามมาอีกด้าน ... นี่ถ้าน้ำป่ามา ก็อยากหวังได้เดินกันเชียว เพราะบางช่วงก็เดินลุยไปตามน้ำ ไต่ขึ้นอีกฝั่งก็ยังต้องไปลุยน้ำตก แต่ธารน้ำไหลเอื่อยๆ เดินเรื่อยๆ ให้อารมณ์ของธรรมชาติ สดชื่นจริงๆ
หลังเล่นน้ำ ถ่ายรูปจนเย็นใจ เราก็ขึ้นเป้กันต่อเลาะข้างขวาของน้ำตกในรูป แล้วก็ไปตัดข้ามตรงกลางชั้น ทีแรกนึกว่าจะขึ้นเขา ที่ไหนได้ เลาะขึ้นไปเสร็จ ก็ต้องข้ามน้ำกันอีก เดินเขาเส้นนี้ เราแทบจะแปลงกายเป็นมนุษย์น้ำตกกันไปเลยทีเดียว คราวนี้กลุ่มที่เดิน แยกเป็น 2 กลุ่มโดยปริยาย กลุ่มหนึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อน ส่วนป๋มโอ้เอ้อยู่กลุ่มหลัง จะได้ไม่ต้องรีบร้อนเดิน
แต่ถึงจะข้ามไป ก็ยังไม่ถึงที่หมาย หรือจะพ้นจากธารน้ำสายเล็กๆ นี้ไปได้ ก็เรามาเดินขึ้นน้ำตกสิบห้าชั้นนินา ...."ผ่านไปกี่ชั้นแล้วเนี่ยะ" นับไปนับมา จนขี้เกียจนับ รู้แต่ว่า ตรงนี้ยังไม่ใช่ทำเลที่พักแน่ๆ
แต่ชั่วอึดใจ ก๊วนเราที่รั้งท้าย ก็เดินทะลุ ออกมาเจอกับน้ำตกอีกชั้น มีเพื่อนๆ นั่งพักรออยู่หน้าน้ำตก เน่น เจ้พวงลงเล่นน้ำอีกตามเคย ... วางเป้ได้ ป๋มก็ขอถ่ายรูป บันทึกความทรงจำซะหน่อยก่อน เพราะตั้งแต่เดินมา เพิ่งกดไปไม่กี่รูป
สายน้ำ น้ำไหล ล่องโรย ฝากสายน้ำไหล ถึงเธอ น้ำเสียงนุ่มๆ "ฝากรัก" ของเป้ สีน้ำ เวลาเอาตัวเองเข้ามาสู่ธรรมชาติ ความคิดคำนึงของเรา ไร้ซึ่งขอบเขต ทุกสิ่งที่มองเห็น ทุกสิ่งที่สัมผัส เป็นสิ่งที่ซึ่งไร้การปรุงแต่ง แต่ก็สร้างความรื่นรมย์ให้กับพวกเราได้ อย่างไร้ขีดจำกัด เราพักกันตรงนี้ เพื่อนบางคนเริ่มหิว หรือบางคนขี้เกียจแบกถุงข้าวแล้ว ก็เริ่มเอาออกมาจัดการซะ จะได้เสร็จเรื่องไป ส่วนตัวป๋มเองยังขี้เกียจกิน ปล่อยถุงข้าวสงบอยู่ในกระเป๋าข้างขากางเกงไปก่อน ยืนเล่น ถ่ายรูปเล่นไปก่อน เพราะเท่าที่ดู จากจุดนี้ เราจะต้องไต่ ๆ ๆ ๆ ๆ ขึ้นข้างเขา ขนาดแหงนคอตั้งบ่าเชียว ....เง้อ ...ป๋มจิปีนไหวมะเนี่ยะ แม่ให้ขามาไม่ยาวซะด้วย"
เมื่อเป้าหมายของพวกเราจะไม่นอนกันตรงนี้ เพราะงั้น ...หลังพักผ่อนหย่อนใจ จนอิ่มเอม ถามไถ่ได้ความว่า เดินอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็ถึงชั้นที่ 15 เป้าหมาย ตอนนี้ก็บ่ายกว่าเกือบ บ่ายสอง เราจึงออกเดินกันอีกครั้ง ... และ 2 ชั่วโมงจากนี้ไป ทำเอาหวาดเสียวไปตลอดทาง เราไต่เลาะขึ้นเขากันอีกครั้ง ช่วงแรกยังเป็นป่ารกๆ กับต้นไม้ใหญ่ที่มีให้ชื่นใจไปตามทาง ก่อนจะโผล่ไปเจอกับไม้ใหญ่ริมธารน้ำ มีกอไม้ล้มลุกเล็กๆ ขึ้นตามโคนต้น จนเราอดใจไม่ไหว ขอถ่ายรูปซะหน่อย แม้ตอนนี้ เมฆจะเริ่มเป็นสีเทาหม่นๆ
ระหว่างรอเพื่อน ที่เรียงคิวถ่ายเจ้าต้นไม้ใหญ่ จำได้ว่า มุมกล้องพี่โต้ง ก็สวยเชียว (แต่ไม่มีให้ดูอ่ะ) ป๋มก็หันมาถ่ายรูปธารน้ำข้างๆ ไม้ต้นนี้ดูท่าจะล้มนาน จนมอสขึ้นเต็ม สักพัก ฝนเริ่มโรยละออง พวกเรารีบเก็บกล้องกันจ้าละหวั่น เก็บกล้องเสร็จ เราก็รีบออกเดินกันอีกครั้ง คราวนี้เจอทั้งสายฝนด้านบน และสายน้ำด้านล่าง ที่เราต้องลัดเลาะไปด้วย เราลัดเลาะตามหินบ้าง บนพื้นดินบ้าง แล้วก็ไปเจอกับน้ำตกใหญ่ๆ อีกชั้นด้านบน ชั้นนี้ดูจะใหญ่กว่าที่ผ่านมา แต่เสียดายถ่ายรูปไม่ได้ เพราะฝนยังไม่ขาดเม็ด "ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ปีนลงมาถ่ายรูปตอนเช้าแล้วกัน" พี่จืดบอก จากน้ำตกนี้ เราตัดขึ้นเขาด้านขวา โอวพระเจ้า ใครอย่าเพิ่งตามมานะ ดินมันลื่นโคตรๆ กว่าที่ป๋มจะดึงตัวเองขึ้นไปได้ ขึ้นไปแล้วก็หยุดไม่ได้ เพราะต้องรีบไต่ขึ้นต่อ ไม่งั้นมีอันไถลลงข้างล้างไปชนเพื่อนที่ตามมาแน่ โหยยย เหนื่อย จนยืนหอบเป็นพักๆ บางช่วงแทบจะขึ้นไม่ไหว ทางมีพอแค่วางเท้า แถมเป็นดินลื่นๆ จากฝนที่เพิ่งตกไปไม่นาน แถมบางช่วงยังเจอท่อนไม้ขวางหน้าเข้าอีก ไต่เลาะเขาไปได้แบบอึดอัดสักพัก ก็ได้ยินเสียงน้ำตก อ้าวนี่เราใกล้ถึงแล้วเหรอ แค่พอพ้นโค้งก็เจอน้ำตกย่อยๆ สายน้ำขาวจั๊วะ เท่าที่คิดได้ตอนนั้นคือ วางเป้ ไต่ไปอยู่ใต้สายตกที่ไหลตกลงมา ล้างมือไม้ เนื้อตัวเสื้อผ้าที่เลอะดิน จนได้ยินเสียงเรียกให้ขึ้นไปด้านบนนั่นแหล่ะ แล้วจะขึ้นยังไงหล่ะเนี่ยะ แหงนหน้ามองถึงได้เห็น นี่เราต้องไต่สวนน้ำตกขึ้นไปอีกเหรอเนี่ยะ เอาก็เอา อย่าร่วงลงมาก็แล้วกัน ตายแน่ เห็นไลน์คนไต่นำ เราก็ไต่ตาม โชคดีไปที่หินน้ำตกนี่ ไม่ลื่นอย่างที่คิด เพียงแต่ใช้จังหวะก้าวยาวๆ พ้นช่วงน้ำตกขึ้นมา เห็นเพื่อนอีกกลุ่มที่เดินนำ นั่งรออยู่ฝั่งน้ำ ธารน้ำตรงนี้ไหลแรง เพราะใกล้ถึงช่วงลาดชันที่จะตกลงไปเป็นน้ำตกให้ป๋มล้างตัวเมื่อกี้นี้ ก่อนขึ้นมานี่ เอาหละหว่าที่นี้จะข้ามยังไงดี เพราะอีกฝั่งก็หินลาดๆ ไม่มีแง่งให้จับเอาซะเลย ขืนลื่นก็ตกไปข้างล่าง ตัวเปียกเป็นเรื่องปกติ หรือเป้เปียก็ยังดี แต่ถ้าของในเป้เปียกนี่ซิ หนาวแน่คืนนี้ (แม้จะแพ็กของทุกอย่างใส่ถุงพลาสติกอีกชั้น แต่ก็ห่วงอยู่ดี อิ อิ) สุดท้ายได้พี่โต้ง ยืนเป็นเสาหลักคอยฉุดพวกเราข้ามไปอีกฝั่ง ตรงนี้แม้ทำเลดี แต่ที่นอนดูจะไม่เหมาะอย่างยิ่ง แล้วที่สำคัญ มันยังไม่ถึงชั้นที่ 15 นินา "จากตรงนี้เดินอีกชั่วโมง .. ชั่วโมงกว่าๆ ก็น่าจะถึงแล้ว อ้าวเหรอ งั้นไปกัน ปล่อยกลุ่มแรกเดินนำไปก่อน ส่วนเราค่อยๆ โอ้เอ้ตามแรงโน้มถ่วงของโลก กับเสียงงึมงำในใจ " ตอนแรกที่เริ่มเเดนก็ว่าเดินแค่ 2-3 ชั่วโมง นี่มัน4 ชั่วโมงแล้วม๊างเนี่ยะ" "พี่จืด แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมเดินกลับมาถ่ายน้ำตกตรงนั้นนะ อุตส่าห์เล็งทำเลไว้แล้ว" แซวพี่เค้าซะหน่อย ฮา
นี่ชั้นที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถึงจุดที่เราต้องนั่งพักกันอีกยก บางคนเล่นน้ำ บางคนถ่ายรูป บางคนนั่งดื่มด่ำธรรมชาติ ส่วนป๋มเองงัดข้าวเที่ยงขึ้นมากิน ก็หน้าน้ำตกเล็กๆ นี้ เราพักกันนานพอควร เพราะเส้นทางต่อไป คือเดินขึ้นไปเหนือน้ำตกนี้ ไม่ใช่เดินสวนน้ำตกขึ้นนะ แต่ไต่ทางดินข้างๆ ขึ้นไป หากแต่ดูแล้ว ชันเอาการทีเดียว "เฮ้ย นี่มันเห็บลมนี่นา" ป๋มนร้องขึ้นเมื่อเก็นตัวเห็บเล็กๆ ไต่อยู่ที่ถุงกันทากสีมอๆ เพื่อนมาดูบอกว่าใช่ ทุกคนเลยสำรวจตัวเองกันอีกที ก็เจ้าพวกนี้จะอิยู่ตามขอนไม้ผุ ก็ตรงที่เรานั่งเล่น ถ่ายรูปเล่นกันนี่แหล่ะ แถมพิษสงร้ายน่าดู ใครแพ้ง่ายๆ ก็ถึงไข้ขึ้นเข้าโรงหมอกันทีเดียว สำรวจเสร็จสรรพ ไม่มีเจอ ก็รีบเดินกันต่อ คราวนี้ไต่ทางชันโคตรๆ กันอีกยก กิ่งไม้ รากไม้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ป๋มรักเลยเชียว กอดได้เป็นกอด จับได้เป็นจับ เพื่อดึงตัวเองขึ้นไป หันหลังลงไปมองข้างล่าง อ้าวพี่โต้งที่ตามมาเป็นตะคริว ต้องพักบีบนวดขา มีพี่จืดยืนเป็นกำลังใจ ส่วนป๋มค่อยๆ ไต่ขึ้น พอพ้นร่มไม้ใหญ่ ก็โอวแม่เจ้า แต่ผาหินอีกแล้ว กลุ่มแรกกำลังไต่ขึ้น ใครขึ้นไปก่อน ก็คอยดึงเพื่อนที่ไต่ตามขึ้นมา พี่เจ้าหน้าที่ขึ้นไปก่อน ผูกเชือกโยงต้นไม้ ส่งให้พวกเราดึงตัวเอง เซฟตี้ไว้ก่อน เพราะต้นไม้ใหญ่ไม่มี ที่วางแค่ แค่พอเท้าทีละก้าว แถมด้วยต้นหญ้าให้พอเหนี่ยวตัว ตั้งหลัก แต่ถ้าขืนเหนี่ยวแรง ก็คงไปเจอกันข้างล่างน้ำตกแน่ๆ ต่างคนต่างไต่ในมุมที่ถนัด แต่สุดท้ายก็ต้องไปขึ้นตรงฝจุดเดียวกัน เพราะดูจะสะดวกที่สุด แล้วก็ขึ้นไปนั่งพักเหนื่อย ริมธารน้ำลาดๆ ลูกหินลื่นๆ ที่ดูเหมือนจะเกิดการสไลด์ลงมา มากกว่าเป็นธรรมชาติของมัน เจอดอกหงษ์เหิร อยู่หลายกอ ออกดอกพอดี อืมมเลยเข้าพรรษามาแล้ว ยังออกดอกอีกนิ "ติ๊ก เจษฎา เนวิเกเตอร์ ก็มาแค่ชั้นนี้" รู้จากเจ้าหน้าที่ ก็เลยบอกต่อๆ กัน เดินหน้ากันต่อ ตอนนี้น่าจะบ่าย2 กว่าๆ เข้าไปแล้ว "ทำไมชั่วโมงของพี่เค้ามันนานจัง" นึกในใจ เพราะจากจุดนี้ได้ความว่า น่าจะเดินอีกราวชั่วโมง . . . ฮา เราไต่กันต่อ จากหินร่วนๆ ละข้ามน้ำ เหนือน้ำตก ที่ดูจะลึกเอาการ แถมด้วยหินที่ป๋มเหยียบปุ๊บก็ลื่นปรื้ด ดีที่พี่จืดคว้าเอาไว้ได้ แต่ป๋มเสียหลัก แทบจะเปียกน้ำไปทั้งตัว ทั้งเป้ แต่แค่ข้ามหินไปหน่อยเดียว ก็อุทานด้วยความตื่นเต้น "นี่เลย ใช่เลย" สวยมากๆ สายน้ำตกที่ลัดเลาะลาดชันลงมาตามช่องเขา "นี่ถ้าเราไม่ขึ้นมา ก็ไม่เจอน้ำตกสวยๆ แบบนี้ดิ" ว่าแล้วเราทิ้งเวลาไว้ตรงนี้กันอีกอึดใจใหญ่ๆ ต่างคนต่างงัดกล่องมาบันทึกความทรงจำ
ดื่มด่ำกันได้นานโข ก่อนจะค่ำมืดซะก่อน เรายังต้องปีนป่ายกันอีกยก คราวนี้ก็ไต่ขึ้นไปตามหินข้างๆ น้ำตกนั่นแหล่ะ ใครสะดวกเดินข้ามไปฝั่งซ้ายแล้วตัดกลับมาก็ได้ ใครไม่ชอบข้ามน้ำมาก ก็เลาะขวาตัดขึ้นไปเลย เพราะสุดท้าย ก็ต้องมาบรรจบที่ทางขึ้นทางเดียวกัน คราวแรก นึกว่าขึ้นเหนือน้ำตกตรงนี้ เราก็ถึงแค้มป์พัก แต่ที่ไหนได้ ยังอีกไกลเอาการ แต่ในใจตอนนั้นก็คิดแค่ว่า อีกแป๊บก็ถึง เดินป่ามักมีคนชอบบถามว่า เดินกี่กม. เดินกี่ ชม. ซึ่งถ่ามป๋มมักไม่ค่อยได้ตอบที่แน่นอน เรื่องกม.ตัดออกไปได้เลย เพราะระยะทางจริง กับระยะ GPS ก็ไม่เท่ากัน เพราะยังไม่ได้บวกระยะขจัด ขึ้นเขาลงห้วยไปด้วย กับความรกชัฏของเส้นทาง และบ่อยครั้งที่เราไม่อาจจะกะเกณฑ์ธรรมชาติได้ หลุดจากสายน้ำตกที่ทอดยาว และสูงชันขึ้นมาได้ ก็ถึงแอ่งน้ำขนาดกำลังเหมาะ แม้น้ำจะแรงไปหน่อย แต่ก็ให้ป๋มนอนแช่ได้สบายๆ ตอนนี้ป๋มเองไม่รีบร้อน เพราะเห็นพี่จืด ยังถ่ายรูปอยู่ ส่วนป้อมกับพี่โต้ง ก็ไปยืนเป็นแบบให้ถ่ายรูป มุมน้ำตกด้านบนขึ้นไปอยู่ แช่น้ำพอตัวเย็น ก็ขึ้นเป้เดินต่อ แล้วป๋มก็ต้องไปสะดุดอหยุดกึก อยู่กลางห้องโถงกว้างๆ ของป่าใหญ่ ข้างหน้ามีน้ำตกเล็ก ๆ ที่ทอดเอื่อยลงมา เหมือนที่เห็นในภาพขวามือ มุมนี้ดูโล่งโปร่งสบาย จนไม่อยากเดินไปไหน เหมือนตัวป๋มเองอยู่กลางห้องกว้าง สองฝั่งเป็นคันดินที่สูงขึ้นไป เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สูงร่มครึ้ม ต้นไผ่ทอดตัวประสานยอดเข้าหากัน ป๋มยืนแช่น้ำถ่ายรูป อยู่พักหนึ่ง พี่จืดที่เดินปิดท้าย ก็บอกให้ไปได้แล้ว และแม้ป๋มจะยังอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ต้องออกเดิน เพราะเริ่มบ่ายคล้อยลงทุกขณะ เก็บกล้องเสร็จ ตอนนี้เริ่มจ้ำตามหลังพี่จืดไปทันที ไต่เลาะตามรากไม้ใหญ่ ข้างน้ำตกขึ้นไป อยากตะโกนก้องป่าทีเดียวว่า "รักมุมนี้มากที่สุด" แต่คิดอีกที ถ้าน้ำป่ามาช่วงนี้ คงกวาดเราลงไปด้วย เพราะเหมือนเราอยู่ในหุบ กลางงน้ำเลยทีเดียว ขณะที่ 2 ข้างทางอยู่สูงขึ้นไป แต่ใครจะรู้ ยามที่สารอะดินาลีนหลั่ง คนตัวเล็กก็ยังแบกตุ่มใหญ่ๆไหวเลย ฮา
ปีนขึ้นเหนือน้ำตก จากจุดนี้ไป ก็เหลืออีกไม่ไกล จะเป็นธารน้ำเหมือนคลองเล็กๆ ที่เราจะต้องเดินตามน้ำไป ... งั้นเราเร่งสปีดกันหน่อยจะได้ไม่ถึงที่พักเย็นย่ำจนเกินไป หลังไต่รากไม้ข้างน้ำตกขึ้นไป ก็ยังต้องเลาะก้อนหิน ป่าช่วงนี้มืดครึ้มกว่าด้านล่าง กว่าจะหลุดขึ้นทางดิน แล้วสุดท้ายก็ไปจอดอยู่ริมน้ำ
และที่สุด เราก็ต้องเดินเลาะน้ำแบบนี้ไป ป๋มเดินปิดท้ายไปกับป้อม ชวนคุยกันไปเรื่อย แม้จะไม่ค่อยชอบน้ำแบบนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยังดีที่น้ำใสๆ มีช่วงเป็นบางช่วง ที่ป๋มไม่อยากแว่บคิดไปถึงหนังเรื่อง "อนาคอนด้า" เอาซะเล๊ยยย "ทำไมมันเดินตรงนี้ไกลจัง" ป๋มกะป้อมบ่นๆ กัน แบบไม่ชอบ เพราะมแน้ใส แต่ก็มีก้อนหินใต้น้ำ ที่ต้องเดินระวัง ไม่ให้ไปเตะมันเข้า พักใหญ่ จนไปถึงทางตัดขึ้นดิน "โอ้แม่เจ้า ข้างตลิ่งเละโคตร" จนต้องหาทางตัดขึ้นจุดอื่นใกล้ๆ กัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่
"เจ้มาผูกคอนโดดิ " จีทีโอชวน แม้จะค่อนข้างผิดหวังกับธารน้ำ ที่สูงเพียงตาตุ่ม ตรงแคมป์ที่เราพัก แต่ก็นับว่า สะดวกสบาย พอที่จะตั้งแคมป์ แต่เรื่องอาบ ไม่ต้องพูดถึง ป๋มอาบมาแล้วทั้งวัน งั้นค่ำนี้ อาบแห้งก็ได้ บางคนก็บอกว่า "อย่าหวังน้ำบ่อหน้า" ช่างเป็นสุภาษิตอมตะ ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ก็ตลอดทางที่เดิน มีแต่น้ำ น้ำ น้ำ ธารเอื่อยๆ บ้าง แต่ก็ให้แช่เล่นได้ ผิดกันกับตรงที่พัก ซะนี่กระไร ... ฮา เมื่อคอนโดริมน้ำไม่ได้ เลยต้องหาทำเลใหม่ เลยหันมาอีกด้ายระยะกำลังเหมาะ เสียแต่เป็นต้นไม่ที่ตายแล้วอีกด้านหนึ่ง แต่ไม่ทันไร มันก็ดูท่าไม่มั่นคงเอาซะแล้ว หมุนไปหมุนมา เลยไปขอคอนโดกะพี่โต้ง ซะรู้แล้วรู้รอด ก็ต้นไม้ที่จะผูกเปลที่ไม่ไกลพรรคพวก และพื้นล่างไม่รกจนต้องตัด ก็ดูจะไม่ค่อยมี และสำคัญที่สุดสำหรับป๋ม ก็คือ "ทาก" ที่เพื่อนๆ ร้องกันเป็นระยะๆ ก็ตลอดทางมาไม่เจอ ด๊านนมาเจออีตรงที่พัก แถมเยอะเอาการ คำนวนจากเสียงร้อง ขืนป๋มบุกเข้ารกเข้าพงหาที่ผูกเปลหล่ะ ตายแน่
ค่ำนี้ เรามานั่งขำ ขำกัน มือทำกับข้าวไป คุยกันไป มื้อค่ำ เรานั่งคุยสบายๆ อาหารเหลาลำเลียงลงท้อง ไม่ว่าจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้นใส่พริกไทยดำ โอวววว อร่อยมั่ก ฝีมือป้อม แล้วยังมีต้มยำ ยำทูน่า ผัดผักรวม แกล้มด้วยน้ำขาว ที่เวียนกันไปห้ามลัดคิว ใครง่วงก็ไปนอนก่อน แล้วไม่ทันที่เราจะลงเปลนอนกันหมด ก็มีเสียงกรนขึ้นมาเป็นเพื่อนซะแล้ว ส่วนป๋มกว่าจะโดดขึ้นเปลได้ ก็แทบแย่ เพราะคราวนี้ดันผูกสูงมั่ก กระโดดไม่ไหว สุดท้ายก็งัดท่าไม้ตายมาใช้ เหยียบเชือกเปลล่าง ปีนขึ้นไป ....แล้วก็หลับสบายยันเช้า เช้าตื่นมากับกลิ่นกาแฟสดหอมๆ ที่งานนี้ไม่ใช่ป้อม แต่เป็นพี่จืดที่อุตส่าห์แบกที่ชงเล็กๆ ขึ้นมาด้วย ... เสร็จโจร(วิกกี้) ขอเอี่ยวด้วยสักจอก ใครใคร่ถ่ายรูปก็ถ่ายระแวกแคมป์พักที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตลิ่งสูงๆ ใครใคร่ถ่ายทุกข์ ก็เข้าป่าไปพร้อมกับเสียมเล็กๆของดำเกิง ที่เราจะเรียกว่า shit kid หลังมื้อเช้า ที่เราทำลายเสบียงกันหมด เพราะเป้าหมายจะลงไปกินอาหารทะเล ริมหาดระยอง ใครเดินเร็วก็เดินกันนำหน้าไปก่อน ใครเดินช้าก็ตามปิดท้าย ค่อยๆ ไป ด้วยเพราะจังหวะแต่ละคนไม่เท่ากัน ตอนเดินทางชัน ขืนหยุดรอนานๆ ก็ขาล้ากันพอดี ป๋มเองช่วงนี้เดินกลางๆ พอตะกุยขึ้นไปบนสันเขาได้ ก็ค่อยเริ่มเดินสบายๆ แต่ครั้นจะหยุดช้าซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะเจ้าถิ่น "ทาก" เริ่มปรากฎกายให้เห็น เทรลเดินค่อนข้างชัดพอควร สันเขานี้ สามารถเดินต่อยาวเข้าไปถึงอ่างวฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา หรือ ยาวไปออกสระแก้วได้เลยทีเดียว "จิม" เจ้าหน้าที่ใจดี เล่าให้ฟัง "แถบนี้ชาวบ้านเรียกเขาซ่อง" เดินคุยกันไปคุยกันไป หอบกันไป "เจ้ นี่มันรอยเท้าหมูป่า" ดำเกิงที่เดินอยู่ใกล้ๆ บอก
ช่วงตัดเลาะลงเขา ยังโชคดีที่เจอต้นมันอีกเลยถือโอกาสถ่ายรูปซะหน่อย แต่เลยไปไม่ไกล ก็ต้องตะลึง ตึงตึง รอยเท้าช้างใหม่ๆ ผ่านลงข้างเขาไป เดินมั่ง เดินมั่ง แต่จะตัดดิ่งลงข้างล่าง ก็ด๊านลื่น แถมไม่มีต้นไม้จะให้เกาะ เลยค่อยเดินเลาะตามรอยเท้าช้าง เดินไปเดินมา เที่ยงกว่าๆ ก็ออกมาราวป่า แวะล้างเนื้อล้างตัว ตรงธารน้ำสุดท้าย ก่อนเดินออกถนนรถ ฝนเร่มโปรยละอองมาอีก พอขึ้นรถ ก็เจอฝนโครมใหญ่ แล้วก็ดันหยุดตก เอาตอนที่เราเข้าไปถึงหน่วยฯ ซะงั้น งานนี้ครบรสทีเดียว เสร็จสรรพจากเปลี่ยนเสื้อผา ร่ำลาเจ้าหน้าที่ พร้อมฝากเนื้อฝากตัวเผื่อคราวหน่าจะมาใหม่ ด้วยเพราะยังติดใจกับน้ำตกสวยๆ แล้วเราก็หันหัวรถ มุ่งตรงไปหาดระยองทันที แวะกินมื้อเที่ยง ควบเย็น สั่งอาการกันเสร็จถึงได้รู้ว่า มันเยอะโคตรๆ แถมสั่งเบิ้ลอย่างละ 2 จาน อย่างกะจะเลี้ยงคนสัก 20 คน แต่ที่ไหนได้ แว๊บหญ่ายๆ ผ่านไป ทุกอย่างก็ลำเลียงลงกระเพาะพวกเราหมดเกลี้ยง เป็นการปิดทริปที่สวยหรู สมบูรณ์แบบจริงๆ กับทริปเดินป่า 2 วัน 1 คืน กับป่าสมบูรณ์ ไม่ไกลเมืองกรุง ระหว่างทางนั่งรถกลับยังไม่วายแนะนำเพื่อนเดินป่าอีกคนที่ทำงานอยู่ระยอง ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า "กำลังจะโทรหาเจ้พอดีเลย จะถามเรื่องเที่ยวนี่แหล่ะ ทริปปลายฝน แต่ยังไม่ต้นหนาว 13-14 กันยายน 2551 |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
โมโกจู | ||
![]() |
||
เดินทางไกลเพื่อหินเรือใบ |
||
View All ![]() |
เปรโต๊ะลอซู ภาค 3 | ||
![]() |
||
ไปจับหมอกกันมั้ย |
||
View All ![]() |
<< | พฤศจิกายน 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 |