"ม่อนทูเล" ทิวเขาสูงชายขอบประเทศไทย ฝั่งตะวันตก ชื่อนี้ไม่มีอยู่ในสารบบแผนที่ประเทศไทย หรือแผนที่ Goolgle Earth หรือแม้แต่แผนที่ทหาร เพราะเป็นชื่อที่ชาวบ้าน"แม่จวาง" ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ใช้เรียกขานยอดเขาสูงแห่งนี้ ความจริงเป้าหมายของการเดินทางของเราในครั้งนี้ ไม่ใช่ม่อนทูเล หากแต่เป็น "ม่อนคลุย" ชื่อที่ชาวบ้าน"ทีชอแม" ใช้เรียกขาน และเพื่อนป๋มก็ไปเจอโดยบังเอิญ หลังเดินทางเยือนน้ำตกสวยงามชายแดนท่าสองยาง "น้ำตกขุนเหว่ย" ที่ทำเอาป๋มตาร้อนไปหลายวัน หลังจากที่ได้เห็นรูปงามๆ
"จากม่อนคลุยถ้าเดินไปนี่ พวกพวกเดินกันตั้งแต่6 โมงเช้า กว่าจะไปถึง ก็ 6 โมงเย็น" คำตอบที่ได้จากพี่แจ้ หลังเห็นพ้องต้องกัน ก็ไปหาข้าวเที่ยงกินกันให้เรียบร้อยไปเลย เพราะไหนๆ ก็จวนเที่ยงอยู่แล้ว แถมได้ให้คนขับรถได้นอนพักซะหน่อย
จัดแจงแบ่งสัมภาระ เสบียงกองกลางให้ลูกหาบ ที่เราขอแค่ 2 คน แต่ไปๆ มาๆ ชาวบ้านที่บ้านแม่จวาง ติดตามไปด้วยอีก 2 คน บอกง่ายๆแค่ว่า "เดินไปส่ง" เสบียงส่วนที่เหลือกำลังลูกหาบ เราก็แบ่งๆ กัน ยัดลงเป้ เข้าป่าแบบนี้ การมีน้ำใจต่อกันสำคัญชนิดที่ไม่ควรขาด จุดเริ่มเดินเท้า เห็นเขาสูงลิบๆ เป้าหมายของเราคือน้ำตกด้านหลัง ที่วันแรก เราจะไต่ขึ้นเหนือน้ำตก เพื่อที่วันต่อไป จะได้ทำระยะได้ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะเดินไม่ถึงยอด แสงแดดแผดร้อน ตลอดทางที่เราเดินผ่านทุ่งข้าว ที่เก็บเกี่ยวแล้ว กว่าจะพ้นไปถึงชายร่มไม้ใหญ่ริมนา ก็เล่นเอาเหงื่อตก ป๋มเองได้แต่นึกในใจ "ถึงน้ำตกเมื่อไหร่ จะแช่ให้สะใจเลย" แต่แม้จะพ้นเข้าชายป่าไปแล้ว เจอกับธารน้ำใสแจ๋ว แต่ก็ขออดใจไม่เล่นดีกว่า เพราะแดดเปรี้ยง ไม่มีร่มไม้สักนิด .... เราเลยได้แต่เดินลุยข้ามน้ำไป ทางเริ่มไต่ระดับขึ้น กับร่มไม้ที่เริ่มบังเงาให้เราเดินไม่ร้อนจนเกินไป พักเหนื่อย ได้กายใจสงบได้ไม่นาน ก็ต้องขึ้นเป้ ไต่ทางชันกันต่อ เลาะไปตามข้างเขา ก่อนจะลงข้ามน้ำอย่างที่เห็นในรูปนี้แหล่ะ แสงแดดบ่ายคล้อย ลอดผ่านใบไม้มาเป็นระยะ ข้ามน้ำผ่าน
หลังข้ามน้ำ เดินขึ้นทางชันอีกไม่ไกล ก็หลุดออกมาเจอทุ่งหญ้ากว้างๆ มีฉากเขาอยู่เบื้องหน้า และนู้นนนน.... เห็นอยู่ลิบๆ ทางเส้นสีขาวเล็กๆ "น้ำตก" เป้าหมายที่เราจะต้องไปให้ถึงในวันนี้ แต่เฉพาะหน้าตอนนี้ ที่ป๋มจดๆ จ้องๆ ก่อนก้าวเท้าเดิน ก็เห็นจะเป็นทุ่งหญ้าที่ขวางหน้า กับแดดที่ร้อนเหลือหลาย ป๋มก้มหน้าก้มตาเดิน ๆ ๆ ๆ ๆ ให้ทะลุทุ่งหญ้าไป สุดทุ่งหญ้า ก็วกลงข้างล่างได้นิดเดียว ก็ต้องไต่ขึ้นทางชัน ชนิดที่เงยหน้าก็ยังเห็นแค่ส้นเท้าเพื่อนที่เดินนำหน้า โอว ว ...แม่เจ้า หาที่วางเท้าแทบไม่เจอ กับต้นไม้ที่มีอยู่น้อยนิด ขึ้นไปยังไม่พ้นทางชัน ก็ได้ยินเสียงกู่ของคนข้างหลัง หลังพี่แจ้ ส่งภาษาถิ่นกับชาวบ้านที่ตามมาส่ง ถึงได้รู้ว่า เราไม่ควรขึ้นทางนี้ ที่นอกจากจะชันแล้วยังเดินลำบากกว่าเยอะ สุดท้ายก็ต้องไต่ลงไปทางเก่า .... พระเจ้าช่วยอีกรอบ ขาขึ้นว่ายาก ขาลงยิ่งลำบากกว่า ที่จะดูแลไม่ให้ตัวเองไถลลงไปพร้อมกับเป้หนักๆ ซะก่อน ผ่านป่ารกๆ ไปได้ระยะหนึ่ง กับเป้บนหลังที่ดูจะถ่วงน้ำหนักขึ้นมาอีก ตามความอ่อนล้าของร่างกาย ก็ได้เจอกับสิ่งสวยงามที่ปรากฎข้างหน้า น้ำตกสูงแห่งแรกที่ได้เจอ เป็นน้ำตกที่แบ่งเป็น 2 ชั้นต่อเนื่องลงมาถึงแอ่งด้านล่าง ใครถึงก่อนก็เล่นน้ำก่อน มันเป็นสุขอย่างนี้นี่เอง แต่ส่วนใหญ่เพื่อนจะเลือกนั่งพัก ล้างหน้าตา แขน คอ ก็พอ จากนั้นก็หามุมถ่ายรูปตามใจชอบ พักใหญ่ๆ ที่ตรงนี้ หากแต่ก้าวต่อไป สิ่งที่ท้าทายอยู่หน้าเรา ก็ผาหินชันๆ นี่ซิ ที่คิดหนัก ว่าเราจะเอาตัวเองขึ้นไปอย่างไรดี โดยที่ไม่ไถลลงมาด้านล่าง เราพยายามไต่ขึ้นข้างๆ ลานหิน เพื่อเกาะกิ่งไม้ข้างทาง โหนตัวเองขึ้นไป แต่บางคราว ก็ต้องเกาะแง่งหิน เพื่อเหนี่ยวตัวเองขึ้นไป ตามด้วยขาก้าวตาม บางช่วงห่างไกลเกินเอื้อม ก็ต้องอาศัยมือเพื่อน ที่คอยยื่นมาให้ดึงอยู่บ่อยๆ ระดับความชันของเส้นทาง ก็ให้ดูจากคนที่อยู่หลังสุดได้ ใครไต้ขึ้นไปได้ ก็ยืนพักไปลุ้นไป ก่อนจะค่อยๆ ไต่ขึ้นต่อ ลานหินที่นี่ ทำเอาใจป๋มกระหวัดไปถึงเส้นทางน้ำตกสายรุ้งละอองดาว ที่เจอแต่หินลื่นๆ จนแทบจะเดินไม่เป็นผู้เป็นคน .... สุดท้าย ป๋มก็งัดไม้ตายมาใช้ซะเลย คือ ถอดรองเท้า ใส่แต่ถุงเท้าเดิน ซึ่งถ้าถุงเท้าเนื้อแน่นๆ จะเกาะหินดีทีเดียว คราวนี้ก็เดินได้อย่างมั่นใจมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังให้จงหนัก อย่าเผลอไปเหยียบกิ่งไม้หนามแหลม หรือ เดินไปเตะก้อนหินซะก่อน ไม่งั้นมีหวังต้องกลับไปถอดเล็บอีกเป็นแน่ ลัดเลาะตัดขึ้นไป เห็นสายน้ำตกสูงอยู่ด้านหน้า พี่แจ้ ขึ้นไปสำรวจเส้นทางก่อน จะขึ้นทางไหนดี ระหว่างฝั่งซ้าย หรือขวา แต่คงไม่ฝ่าสายน้ำขึ้นไปตรงๆ เป็นแน่ หลังจากดูไลน์ ก็ได้สัญญาณให้เดินตามขึ้นทางฝั่งขวามือ(ของรูป) เลาะติดไปกับสายน้ำตก เกาะรากไม้ กิ่งไม้ โหนตัวเองขึ้นไป หลังจากกระย่องกระแย่ง ไต่ตามเพื่อนๆ ขึ้นไป ถึงรากไม้ใหญ่ที่พาดผ่าน อ้อ...เพื่อนๆ วางเป้ พักรอกันอยู่ตรงนี้ ที่ทางไม่กว้างนัก แต่ก็เพียงพอให้เรา 10 คน ได้วางเป้ วางขา ขณะที่ลูกหาบ กับลุงที่มาส่ง เดินหายขึ้นไปรออยู่ด้านบนแล้ว
นกโกะไต่ขึ้นด้านบนไปก่อน GTO กำลังจะก้าวตามไป ป๋มเองกำลังขึ้นเป้ หาที่ทางจะขยับตาม แต่ดูรากไม้ข้างน้ำตกแล้ว ก็เสียวลื่นอยู่ดี และไม่ทันสิ้นเสียงจีทีโอที่ร้องถาม "นกโกะ ขึ้นตรงนี้ได้ใช่มั๊ย" ร่างของ GTO ที่มีเป้ติดหลัง กระเป๋ากล้องสะพายอยู่ด้านหน้า ก็ล่วงละลิ่ว ลงไปตามสายน้ำ เสียงเพื่อนป้อม ที่ขึ้นไปด้านบนแล้ว ร้องเรียกด้วยเสียงตกใจ
พี่ตั๊ง ที่ยังอยู่ข้างล่าง ช่วยรับกระเป๋ากล้องมา ตามมาด้วยเป้ GTOลองขยับขาดู อืมมม ไม่เป็นไรมาก ดีที่ไถลลงโดยเอาขาลงไปก่อน แล้วจังหวะที่เกาะรากไม้ ทำให้ช่วยชะลอความเร็วลงได้บ้าง แต่เพราะเป้บนหลังที่ดึงรั้ง ทำให้หยุดไม่อยู่ แล้วก็โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก นอกจากฝ่าเท้าอักเสบ พี่ตั๊ง หมอยา เลยจัดยาแก้อักเสบให้กินซะก่อน เพราะนี่เราเพิ่งไปได้ค่อนทาง ยังไงก็คงต้องขึ้นไปหาที่ราบด้านบนพัก จากนั้นค่อยว่ากันใหม่ น้ำตกช่วงสุดท้าย ที่เราไต่ขึ้นไปถึง อืมมม ซู๊ง สูง ...หวังว่าเราไม่ต้องไต่ขึ้นไปตามนี้นะ แล้วก็รู้ในเวลาต่อมาว่า น้ำตกในเส้นทางนี้ จัดเป็นน้ำตกที่สูงเอาการ ร่วม 300 เมตร จากด้านบนสุด ที่ไหลต่อเนื่องลงไปถึงด้านล่าง
พวกเรานั่งพักกันอีกครู่ ให้เพื่อนๆ ได้ถ่ายรูป แล้วก็พักขาไปในคราวเดียวกัน GTO ยังมีแรงเดิน แม้จะบอกเจ็บเท้า แต่ยังดีที่เอาไม้เท้ามาด้วย ไม่งั้นยิ่งแย่ใหญ่
เฮือกสุดท้ายของการเดินขึ้นเหนือน้ำตก ไม่ต้องไต้ขึ้นตามลานหินลื่นๆ สีดำนี้ แต่เราก้าวข้ามผ่าน ตัดเดินขึ้นเขาในราวแทน ป๋มเองถึงตอนนี้ ใส่รองเท้าเดินซิขอรับ เพื่อความปลอดภัยของเท้า ที่จะต้องพาป๋มเดินทางอีก 2 วันเป็นอย่างต่ำ การทำระยะแทบไม่ต่างจากตอนเดินไต่ขึ้นตามน้ำตก เพราะทางชัน แถมด้วยดินร่วนๆ กับบางช่วงที่สูงชัน การเดินต้านแรงโน้มถ่วงของโลกแบบนี้ เหนื่อย หนัก นัก จนอยากจะเดิน 5 พัก 10 ซะจริงๆ แต่ยังขอรับ แค่เดิน 5 พัก 2 ก็แย่พอ จนคนเดินตามหลัง ขอแซงไปก่อนดีกว่า บ่ายคล้อยไปทุกที แสงแดดเริ่มเลือนหาย ถ้าแบบนี้ ตัวป๋มเอง ก็คงเหมือนยาหมดฤทธิ์ เพราะแรงเริ่มถดถอย เอาเป็นว่าไปขอเดินท้ายๆ แบบไม่กดดันมากนักดีกว่า แล้วระหว่างที่ไต่ขึ้นทางชัน สายตาเหลือบเห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับเหลี่ยมเขา แต่แสงยังจ้านัก ก็เลย รีบเดินขึ้นไปก่อน ด้วยหวังว่าจะเจอกับวิวเปิดๆ ในยามอาทิตย์ลดตัวต่ำลง แต่ที่ไหนได้ กิ่งไผ่รกไปหมด เลยได้แต่ภาพรกๆ เป็นฉากหน้ามาแทนที่ แสงสุดท้ายจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้ตกเข้าไปทุกที ถึงตอนนี้ เหลือป๋ม พี่จืดATG และป้อม ที่เดินปิดท้าย ซึ่งพี่จืด ไม่ยอมให้หยุดอีก เพราะกลัวจะโอ้เอ้กว่าจะถึงที่พัก จะมืดค่ำซะก่อน เพราะหนทางข้างหน้า ยังไม่รู้ว่าที่พักจะเป็นอย่างไร ตะวันอ่อนแรง ป๋มเองก็อ่อนแรง แต่พอได้ยินเสียงสายน้ำ ป๋มก็รู้ว่า อีกไม่นาน คงได้พักสักที แล้วก็เป็นไปตามคาด เลี้ยวอ้อมด้านขวาของเขา เลาะลงริมน้ำ ก็เจอกับกลุ่มลูกหาบ ที่วางข้าวของ เตรียมก่อกองไฟ หุงหาอาหาร แต่ช้าก่อน พวกเราว่าที่ทางมันไม่ค่อยน่านอน เลยบอกให้เดินตัดตามธารน้ำขึ้นไปอีกหน่อย น่าจะมีลานโล่งๆ พอนอนได้ เพราะยังไงมากันเที่ยวนี้ เราตั้งใจกันไว้แล้วว่า คงต้องนอนปลาทู เพราะตอนแรกเพื่อนบอกจะไปนอนม่อนคลุยไม่มีที่ผูกเปล เราเลยโยนเปลทิ้งไว้ในรถตู้ แล้วเราก็ได้ที่โล่ง แค่พอดิบพอดีกับกราวน์ชีต และฟรายชีต รองรับพวกเราทั้ง 9 คน ริมสายน้ำคืนนี้ มีเรื่องราว เรื่องเล่า มากมาย น้ำขาวจากหมู่ 4 หอมชื่นใจ ขับกล่อมจนเหลือ ป๋ม ดำเกิง และพี่ตั๊ง นั่งคุยกัน ถกตั้งแต่เรื่องการบ้านการเมือง ไปจนถึงเรื่องเด็กติดเกม ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต กระทั่งเรื่องหนัง ละคร และโจโฉ ซึ่งเป็นตัวละครที่ป๋มชอบที่สุดในสามก๊ก
ส่งรูปมาเรียกน้ำย่อยสัก 2-3 รูปก่อน ที่เหลือรอติดตามตอนหน้า .... ไต่ผาสูง !!! |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
โมโกจู | ||
![]() |
||
เดินทางไกลเพื่อหินเรือใบ |
||
View All ![]() |
เปรโต๊ะลอซู ภาค 3 | ||
![]() |
||
ไปจับหมอกกันมั้ย |
||
View All ![]() |
<< | มกราคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |