*/
รวยรินกลิ่นชีวา วันฟ้าฝนหล่นพรำ ที่ริมฝั่งโขง .. | ||
![]() |
||
รวมภาพชีวิตเดินทาง ห้วงสั้นๆกับวันพิเศษๆ และ บรรยากาศที่พิเศษ ความสุขล่องลอยมากับสายฝน และ ไหลผ่านไปปะปนอยู่กับสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยเนือย ชีวิตนี้ยังมีภาคความหวัง เป็นภาคต่อเรื่อยๆไม่สิ้นสุด |
||
View All ![]() |
Besame Macho | ||
![]() |
||
Besame Macho By Cesaria Evora _Latin Music |
||
View All ![]() |
<< | มกราคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |
.. เล่าเรื่อง และ ถ่ายภาพ โดย วินเซนต์ .. ........................................... เดินป่าเดินเขา นอนหนาวเท้าช้าง ในคืนหมาจอกเห่าหอน ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว .. บุ่งคล้า หนองคาย .. นอกจากจะมีความงดงามตามแบบฉบับของเมืองริมโขงแล้ว.. ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งก็คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว.. ตอนที่เราย้ายมาอยู่ที่เมืองเล็กๆริมโขงแห่งนี้ใหม่ๆ สิ่งแรกๆที่เราหวังตั้งใจก็คือการได้ขึ้นไปนอนค้างแรมบนภูวัวที่เรามองเห็นอยู่ไม่ไกลนัก หลังจากที่นั่งฟังเรื่องเล่าจากคนโน้นคนนี้มาหลายต่อหลายหนหลากหลายเรื่องราว ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเล่าที่เย้ายวลชวนให้ไปสัมผัสทั้งนั้น .. ทว่า ผ่านมา ๑ ปี เราทั้งคู่ก็ได้แต่ท่องเที่ยววนเวียนๆไปยลมนต์เสน่ห์ทัศนียภาพอันงดงามของลำน้ำโขงเสียเป็นส่วนใหญ่ มีแวะเวียนไปเดินป่าชมธารน้ำตกบ้างก็เพียงแค่ "ถ้ำฝุ่น" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว .. ที่ผ่านมาฉันจึงมีแต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตริมโขง ถ่ายภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน รวมถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี ตลอดจนกิจกรรมชีวิตต่างๆของผู้คนแถบนี้นำมาเล่าสู่กันอ่านเสียเป็นส่วนใหญ่ เรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ป่าบนภูวัวเลยไม่มีทั้งๆที่ที่นี่อยู่ติดๆกับภูวัวเสียด้วยซ้ำไป .. ปีนี้เราทั้งคู่หมายมั่นปั้นมือแน่วแน่แล้วว่ายังไงๆก็ต้องขึ้นภูวัวให้ได้เพื่อเป็นการนำร่อง จะเป็นจุดใดก็ได้ขอให้ได้ขึ้นไปสัมผัสก่อน จึงไปนัดหมายกับคนนำทริปที่เคยคุยเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวภูวัวด้วยกันมาหลายครั้งหลายรอบอย่าง คุณมานพ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบุ่งคล้า เพื่อให้ประสานงานไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว เพื่อขอเจ้าหน้าที่คนนำทางให้ช่วยพาคณะของเราขึ้นไปเที่ยวชมและพักค้างแรม (ทริปนี้ไปกันหลายคน) .. ซึ่งในวันที่เราขึ้นไปนั้นทางเขตฯภูวัว มีคิวงานเด็กนักเรียนจากโรงเรียนพรเจริญมาเข้าแค้มป์เดินป่าทัศนศึกษาเส้นทางธรรมชาติ จึงติดภารกิจกันแทบจะทุกคน โดยเฉพาะวิทยากรบรรยายให้ความรู้ไม่ว่างกันเลย เราก็เลยขอเพียงแค่คนนำทาง ๑ คน ก็พอ .. ทว่า เราก็โชคดีมากๆเลย ที่ผู้นำทางของเรากลับมากประสบการณ์เหลือหลายเพราะทำงานที่นี่มา ๓๐ กว่าปี ใจเย็นแถมใจดีอีกต่างหาก พี่สว่าง อ่อนคำตัน หรือ ป๋าหว่าง หรือ ผู้พัน (บางคนเรียกพี่แกว่าผู้พันเพราะพี่สว่างแต่งตัวชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตลอดเวลาที่ออกปฏิบัติหน้าที่) คือ ผู้นำทางของเรา.. พี่สว่างรู้เรื่องภูวัวทุกจุด พันธุ์ไม้ต่างๆถ่ายรูปมาถามได้เลยว่าชื่ออะไร ? มีสรรพคุณด้านใด ? ใครเป็นคนค้นพบ ? ชื่อพื้นเมือง ชื่อวิทยาศาสตร์ ตลอดจนความรอบรู้เรื่องของสัตว์ป่า ช้างมีกี่เชือก ? มีกี่โขลง ? โขลงใหญ่สุดกี่เชือก ? .. ส่วนเรื่องจุดท่องเที่ยวต่างๆไม่ต้องพูดถีง จุดไหนสวย ? จุดไหนมีแหล่งน้ำหลงเหลือ ? พาไปดูได้หมด มีรายละเอียดเบื้องต้นให้หมด โดยไม่ต้องพกคู่มือท่องเที่ยวใดๆมาทั้งสิ้น.. จะขึ้นไปตรงจุดไหนก็ได้ ?? จะเดินระยะทางกี่กิโลเมตรก็ไม่เป็นไร ?..พี่สว่างพาไปได้หมด .. ทว่า วันนั้นคนนำทริปเราคือคุณมานพขอเป็นจุดที่ใกล้ๆก่อนล่ะกัน โดยความหวังตั้งใจแรกของคณะเรานั้นไม่ต้องการที่จะไปไกลมากนักเพราะวันนั้นเราจัดกันไป ๒ ทีม ๒ รอบ ทีมแรกขึ้นไปพร้อมกันทั้งหมดสิบคนช่วงบ่ายโมง และ ทีมที่ตามมาหลังเลิกงานสี่โมงเย็นอีกสี่คน เราก็เลยต้องเลือกที่จะพักค้างแรมตรงที่น้ำตกถ้ำน้อย ที่ตอนนี้น้ำตกยังไร้น้ำตา มีเพียงแอ่งน้ำเล็กๆที่ยังพอหลงเหลือน้ำใสๆให้ได้ใช้ประโยชน์ และ มีลานหินกว้างพอที่จะตั้งเต็นท์หลายๆเต็นท์ได้.. ส่วนการนำทางไปชมวิวทิวทัศน์ตรงสถานที่ต่างๆ ก็แล้วแต่ทางพี่สว่างเขาจะสะดวกพาไป และ เห็นว่าปลอดภัยเพราะทริปนี้เราไปกันหลายคน หากลำบากลำบนและไกลจนเกินไปก็อาจจะมีปัญหา โดยเฉพาะเรี่ยวแรงในการเดินป่าที่หลายๆคนไม่ได้เตรียมพร้อมร่างกายกันมาเลย.. ส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบุ่งคล้าทั้งนั้น .. หมอ พยาบาล เภสัชฯ ..เคยแต่รักษาคนไข้ ฉีดยา จ่ายยา .. เรื่องมาเดินป่านอนป่าไม่ค่อยถนัดนัก !!!.. ........................................ ทริปนี้.. เรานัดหมายกันไปเที่ยวภูวัวในวันที่ ๒๒ มกราคม ที่ผ่านมา.. การเดินขึ้นเขาค่อนข้างจะทุลักทุเลกันพอสมควรเพราะส่วนใหญ่ก็จะหนักไปทางเสบียงสัมภาระ.. ที่อัดกันมาเต็มที่ทั้งเต็นท์ทั้งผ้าห่ม อาหารก็พวก มาม่า ปลากระป๋อง และ น้ำดื่ม ทางขึ้นภูวัวจะเป็นทางราบสลับทางชันที่ค่อนข้างไกลมันเลยทำให้ใครๆที่ไม่เคยขึ้นมาก่อนจะหายใจลำบากเพราะมันต้องเดินและไต่ขึ้นตลอดหลายร้อยเมตร เล่นเอาหอบ เหงื่อแตก และ บางคนวิงเวียนหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม โดยเฉพาะคนใกล้ตัวฉันเนี่ย (รวมฉันด้วยแหละ..ฮา) เห็นได้ชัดจนต้องนั่งพักกันแทบทุกระยะสิบเมตรกว่าจะเดินไปถึงจุดที่พักก็ใช้เวลาร่วมๆสองชั่วโมง.. บริเวณน้ำตกถ้ำน้อยเป็นพื้นที่ค้างแรมของพวกเรา เนื่องจากมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง มีแหล่งน้ำพอที่จะใช้ประกอบอาหาร และ อยู่ไม่ไกลมากนัก ราวๆ ๔ กิโลเมตรนับจากจุดเริ่มต้นที่เขตฯภูวัว บริเวณนี้ถ้าเป็นช่วงหน้าฝน พี่สว่างบอกว่าจะสวยงามมากเพราะจะมีดอกไม้ขึ้นอยู่เต็มรอบๆมองเห็นท้องทุ่งเหลือง ขาว ม่วง งดงามเต็มไปหมด .. บริเวณจุดนี้หากจะเดินไปเที่ยวชมทิวทัศน์ตรงจุดชมวิวถ้ำพรายก็สะดวกเพราะอยู่ห่างออกไปราวๆ ๑กิโลเมตรกว่าๆ หรือ หรือหากจะเดินไปเที่ยวชมลานอเมริกาก็ไม่ไกลมากนักราวๆ ๒ กิโลเมตร ที่สำคัญมั่นใจได้ว่ามันอยู่ห่างไกลจากโขลงช้าง ซึ่งเป็นความกังวลแรกๆของเราที่ตั้งใจจะมาชมความงดงามของภูวัวด้วยความรื่นรมย์เบิกบานสำราญใจปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน .. ไม่ได้หวังตั้งใจปีนเขาขึ้นมาเหนื่อยแทบตายเพื่อจะมา..วิ่งหนีช้าง แต่อย่างใด !!!.. การขึ้นภูวัวนั้นหากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนและช่วงปลายฤดูฝน จะมีคนเข้ามาท่องเที่ยวที่นี่ค่อนข้างเยอะ คิวงานของเจ้าหน้าที่ก็ค่อนข้างแน่นเอียด หากใครจะมาท่องเที่ยวก็ต้องจับจองคิวกันตั้งแต่เนิ่นๆ แต่หากจะมาเที่ยวแค่น้ำตก หรือ ขึ้นไปเที่ยวแค้มปิ้งแบบไปเช้าเย็นกลับก็ไม่มีปัญหาอะไรขึ้นเมื่อไหร่ก็ขึ้นได้ (ยกเว้นบางจุดท่องเที่ยวอาจจะปิดหากเจ้าหน้าที่พบร่องรอยว่าช้างเข้ามาหากินในพื้นที่นั้นๆ) .. ช่วงเดือนกันยายนปลายฝนต้นหนาวจะเป็นช่วงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวสวยงามที่สุด อุดมสมบูรณ์เบ่งบานงดงามด้วยดอกไม้พรรณไม้นานาพันธุ์และชุ่มฉ่ำเย็นไปด้วยธารน้ำและน้ำตกที่ยังไม่แล้งน้ำเหมือนกับหน้าหนาวหรือหน้าร้อน .. อุปสรรคการท่องเที่ยวในหน้าฝนก็คงจะเป็นเรื่องของถนนหนทางที่ค่อนข้างจะวิบากนิดหน่อย เพราะทางค่อนข้างจะลื่นสืบเนื่องจากพื้นที่บางส่วนเป็นลานหิน เป็นแอ่งน้ำ เป็นน้ำตก ดังนั้นใครจะมาเดินป่าหน้าฝนก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดีและศึกษารายละเอียดข้อมูลต่างๆให้พร้อมก่อนจะมา .. สัตว์ป่าบนภูวัวตอนนี้จะว่าไปแล้วก็ค่อนข้างมีไม่มากนักเพราะโดนล่าไปเยอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์ป่าที่เราคุ้นๆกันดีอยู่อย่างเช่น ช้างป่า หมูป่า กวาง เก้ง สุนัขจิ้งจอก กระต่าย กิ้งก่า และ นกบางชนิด สัตว์ป่าบางส่วนหนีการไล่ล่าไปอยู่แถวป่าเมืองลาวหมดแล้วเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่แตกต่างกัน แหล่งน้ำแหล่งอาหารมีมากมายต่างกัน .. ฉันเคยสงสัยและตั้งคำถามเกี่ยวกับการข้ามไปมาของสัตว์ป่าระหว่างสัตว์ป่าจากฝั่งไทยและสัตว์ป่าจากฝั่งลาวมากเหมือนกันว่าเป็นไปได้หรือที่สัตว์ป่าพวกนั้นจะใช้เส้นทางสัญจรลอยคอข้ามลำน้ำโขงที่ค่อนข้างจะกว้างมากๆ (บริเวณที่สัตว์ป่าใช้เป็นเส้นทางสัญจรประจำ) .. ทว่า ก็หายสงสัยล่ะเพราะได้รับการยืนยันจากปากคำของเจ้าหน้าที่ภูวัวอย่างพี่สว่างว่า เคยมีเลียงผาโดนชาวบ้านยิงอยู่กลางลำน้ำโขงขณะจะว่ายน้ำข้ามมาฝั่งไทย ชาวบ้านไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเอามาให้เจ้าหน้าที่เขตฯภูวัวดูแลรักษา แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเลียงผาตัวนั้นไว้ได้ เพราะมันโดนยิงเต็มๆที่หน้าผากด้วยปืนลูกกรดของชาวบ้านสุดท้ายก็มาตายลงที่เขตฯภูวัว .. ช้างบางเชือกบางโขลงที่ไม่ถูกกันกับช้างจ่าฝูงของที่นี่ ก็จะแยกตัวออกไปตั้งโขลงช้างเล็กๆของตนเองขึ้น (ประมาณ ๔-๗ เชือก) แยกตัวออกไปหากินเองจากโขลงใหญ่ บางเชือกหนีไปอยู่ฝั่งลาวเพราะจ่าฝูงที่นี่มันดุและเก่งมาก โขลงช้างเล็กๆพวกนี้มักอยู่ไม่เป็นที่ ซึ่งก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหาของที่นี่เพราะช้างพวกนี้บ่อยครั้งที่ลงไปลุยกินพืชผลการเกษตรของชาวบ้าน .. ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องทำอาหารไว้ให้พวกมัน บางพื้นที่ก็ปลูกพืชอาหารไว้สำหรับช้างโดยเฉพาะ สถานที่ท่องเที่ยวพวกน้ำตกบางแห่งหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีโขลงช้างมาอาศัยเป็นแหล่งน้ำแหล่งอาหาร ทางเขตฯก็อาจจะปิดบริการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว.. ในวันที่เราขึ้นไปเที่ยวนั้นเราได้รับคำบอกเล่าจากทางเจ้าหน้าที่ว่าโขลงช้างยังหากินอยู่แถวๆชะแนนที่อยู่ค่อนข้างไกล รอบๆพื้นที่ที่เราไปพักค้างแรม (น้ำตกถ้ำน้อย) จึงยังปลอดภัยดีอยู่ ไม่ได้เป็นการรบกวนสัตว์ป่า สามารถเดินป่าท่องเที่ยวได้ตามสะดวกสบาย .. ทว่า มิวายในคืนค้างแรมคืนนั้นเราดันมีผู้มาเยือนเป็นสุนัขจิ้งจอก.. ที่มีไม่ต่ำกว่าสองตัวและมาอยู่ห่างเต็นท์ไม่ไกลนัก !!!.. ............................................ คืนนั้นหนาวหมอกน้ำค้าง.. เรารับประทานอาหารกันหลังจากไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ถ้ำพรายมา.. ทุกคนเกิดอาการเหนื่อยล้า อากาศก็หนาวเหน็บแม้จะมีกองไฟกองใหญ่อยู่ใกล้ๆแต่ก็ยังรู้สึกหนาว.. คุณหมอต้อมที่เดินทางไปด้วยเอาเครื่องวัดอุณหภูมิออกมาวัดได้อุณหภูมิต่ำสุดราวๆ ๑๕ องศา คืนนั้นดวงดาวกระจ่างเต็มท้องฟ้าสวยงามมาก ฉันนอนดูดวงดาวอิงแอบไออุ่นข้างกองไฟได้สักพักตาก็ชักจะปิดเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน ที่สำคัญคืนก่อนมาภูวัวฉันกับคนใกล้ตัวไปร่วมเลี้ยงฉลองปีใหม่ของเพื่อนๆที่ทำงานของเธอมา (ส่วนใหญ่ก็พวกที่เดินขึ้นภูด้วยกันวันนี้นี่แหละ)เลยกลับดึกดื่นตีสองตีสาม พอรุ่งเช้าก็ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะพาเจ้ากาแฟกับเจ้าหมอกสองสุนัขกลิ้งกลอกไปฝากร้านรับฝากสุนัขในบึงกาฬอีก จึงแทบไม่ได้พักผ่อนเก็บเรี่ยวแรงกันเลย.. ฉันเลยได้แต่นอนฟังเรื่องเล่าในป่า เรื่องตำนานการต่อสู้แย่งชิงจ่าฝูงของช้างหนุ่มกับช้างแก่จนทำให้ช้างแก่ตาย มันยิ่งเหลือเชื่อเมื่อฟังคำบอกเล่าตำนานการชิงจ่าฝูงนั้นจากปากคำของพี่สว่าง เพราะมันเป็นเรื่องตามล้างแค้นกันมายิ่งกว่าหนักบู๊แอ๊คชั่น .. นอนฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับพันธุ์ไม้สมุนไพรหายากต่างๆที่มีอยู่อุดมสมบูรณ์บนภูวัว และ พูดคุยถึงเรื่องทริปท่องเที่ยวตามจุดต่างๆที่น่าสนใจ ซึ่งเราคาดหมายกันว่าจะได้มาท่องเที่ยวที่นี่อีกหลายๆรอบเพราะมีจุดท่องเที่ยวบนภูวัวที่น่าสนใจมากมายเหลือเกิน .. จุดหนึ่งที่น่าสนใจ นอกจากลานอเมริกา ชะแนน แล้วยังมีจุดที่เชื่อกันว่าเป็นค่ายทหารป่าเก่า จากปากคำบอกเล่าของพี่สว่างเจ้าหน้าที่คนนำทางที่ทำงานที่ภูวัวมา ๓๐ ปี บอกว่าเป็นจุดที่น่าไปท่องเที่ยวมาก โดยเฉพาะปริศนาของถ้ำอุโมงค์ที่มีอยู่มากมาย ซึ่งเราก็คาดหมายว่าทริปภูวัวรอบหน้านั้นคงจะเป็นจุดที่เรียกว่า "ค่ายจักรพงษ์" นี่แหละที่จะเป็นที่ๆเราขึ้นไปพักค้างแรม .. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว หากเราเดินขึ้นจากจุดเริ่มต้นตรงสำนักงานเขตฯไปท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไกลสุดก็เป็นบริเวณน้ำตกถ้ำพระซึ่งอยู่ห่างไปราวๆ ๒๐ กิโลเมตร ชะแนนก็อยู่ห่างไปราวๆ ๑๐ กิโลเมตร.. พวกที่เขาเข้ามาศึกษาป่าและมาถ่ายภาพพันธุ์ไม้หรือมาท่องเที่ยวแบบลุยๆในช่วงหน้าฝนก็อาจจะเดินป่ากันสองคืนสามคืน โดยมีทีมงานเจ้าหน้าที่ไปช่วยให้คำแนะนำและคอยดูแลความปลอดภัยให้ .. ฉันเข้าไปหลับในเต็นท์ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าคนข้างนอกเต็นท์ยังพูดคุยเรื่องพันธุ์ไม้กันอยู่จนกระทั่งดึกดื่นแล้วทุกคนจึงเข้านอนเต็นท์ใครเต็นท์มัน พี่สว่าง คนนำทาง นอนห่มผ้าห่มอยู่ตรงลานหินข้างกองไฟ แกไม่ชอบนอนเต็นท์นอนแบบนั้นสบายมากกว่า .. ก็เลยเป็นว่าคืนนั้นพี่สว่างแกคอยเป็นยามให้พวกเราโดยปริยาย !!!.. เรามาสะดุ้งตื่นกันอีกทีก็ราวๆตีสี่ .. เมื่อมีเสียงสุนัขจิ้งจอกมาร้องดังมากๆอยู่ใกล้ๆเต็นท์ที่พักพวกเรา .. ทุกเต็นท์เลยต้องตื่นกันออกมาจากเต็นท์หมด ฉันได้ยินเหมือนมันอยู่ใกล้ๆเต็นท์ตรงเหนือศรีษะไปนี่แหละ ที่ได้ยินมันร้องชัดๆก็น่าจะมีสองตัว แต่เท่าที่ฟังจากคำบอกเล่าของคุณมานพที่ส่องไฟฉายไปกระทบดวงตามันมันยืนอยู่ไม่ไกลห่างออกไปแค่ราวๆห้าสิบเมตรเท่านั้น .. สุนัขจิ้งจอก หรือ ที่ชาวบ้านเรียก หมาจอก ที่ภาคอีสานจะมีให้เห็นเยอะหน่อยโดยเฉพาะตามภูต่างๆ มันเป็นสัตว์ป่าสงวนเพราะโดนล่าเยอะ นอกจากมันจะเป็นนักล่าแล้วมันยังโดนล่าจากพรานป่าด้วย หมาจอกชอบลงไปหากินในหมู่บ้านในตอนดึกๆ กินไก่ชาวบ้าน กินพืชผักที่ปลูก มันกินได้หมด.. เสียงร้องของหมาจอกหนนี้ทำให้ฉันได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเสียงปริศนาที่ฉันได้ยินสองสามครั้งตรงท้องนา และ สวนยางที่อยู่หลังบ้านพัก บางคืนมันก็ร้องอยู่นาน ตอนนั้นฉันก็คิดว่าเสียงนกป่ามันร้องแต่ฟังไปฟังมาก็ไม่น่าจะใช่ จนมาได้ยินมันมาร้องใกล้ๆหู และ พี่สว่างบอกว่ามันเป็นเสียงหมาจอกเนี่ยแหละถึงได้ถึงบางอ้อ .. หมาจอกแสดงว่ามันออกไปหากินไกลเหมือนกัน อาหารหน้าแล้งบนภูมันคงหาลำบาก และ ที่มันมาใกล้เต็นท์พวกเราก็เพราะมันได้กลิ่นอาหารแน่ๆ หมาจอกเนี่ยมันไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะถ้าเราไม่ไปไล่มันจนจวนตัว มันก็ไม่ทำร้ายใคร.. พวกนี้จะไม่นิยมออกล่าเหยื่อเป็นฝูงใหญ่ ส่วนใหญ่ก็ไปเป็นคู่ๆ หรือไม่ก็ฉายเดี่ยว นานๆถึงจะมีคนเห็นมันอยู่เป็นฝูงใหญ่สักครั้ง ตัวเท่าๆกับหมาไทยบางตัวก็ใหญ่กว่าประมาณสองเท่าของหมาไทย หมาจอกบนภูวัวตอนนี้ก็น่าจะเหลือน้อยเต็มที เพราะตอนนี้ไม่ว่าอะไรๆพอจะเป็นอาหารของมนุษย์และเป็นสัตว์หายากเนี่ย บนภูวัวตอนนี้แทบจะไม่มีเหลือเพราะชาวบ้านขึ้นมาล่ากันโดยตลอด.. ภูวัวมีเนื้อที่กว้างใหญ่ มีเจ้าหน้าที่จำนวนจำกัด มีกิจกรรมเยอะ มีนักท่องเที่ยวขึ้นมามากมาย ที่สำคัญรอบๆบริเวณภูวัวเป็นหมู่บ้านล้อมรอบเต็มไปหมด ปัญหาการบุกรุกป่าเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้การดูแลรักษาชีวิตสัตว์ป่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก .. แต่ก็มีสัตว์ป่าบางชนิดที่มีอยู่มากอย่างพวกนก หรือ แม้แต่ช้างที่นี่ก็ยังหลงเหลืออยู่ ๓๐ กว่าเชือก หากป่าที่นี่อุดมสมบูรณ์กว่านี้คงทำให้พวกมันขยายพันธุ์ต่อไปได้ ดังนั้นการดูแลและขยายพันธุ์สัตว์จึงเป็นงานสำคัญของเจ้าหน้าที่ที่นี่ นอกจากงานดูต้นน้ำลำธาร ดูแลแหล่งอาหารของสัตว์ป่าแล้ว ยังรวมถึงดูแลการตัดไม้ทำลายป่า ดูแลเรื่องของภัยร้ายจากไฟป่าอีกด้วย ไหนเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะต้องมาดูแลพันธุ์ไม้หายากต่างๆอีก ไหนจะต้องมาคอยดูแลนักท่องเที่ยวทริปนั้นทริปนี้อีก งานของเจ้าหน้าที่ภูวัวก็เลยมีเข้ามาบานตะไทตลอดทั้งปี.. แต่เท่าที่ดูพี่สว่างแล้วก็มองเห็นความสุขในแววตาพี่เขานะ การอยู่กับผืนป่าแห่งนี้มา ๓๐ ปี ทำให้การใช้ชีวิตบนป่าของพี่สว่างเป็นอะไรที่น่าอิจฉามากๆเหมือนกัน โดยเฉพาะความรู้เรื่องพันธุ์ไม้ต่างๆ เรื่องสมุนไพรต่างๆ เพราะไม่ว่าจะคณะอาจารย์ใดเข้ามาสำรวจพี่สว่างก็มักจะได้นำทางมาทุกที และ ก็มักจะได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ชนิดนั้นชนิดนี้ตลอด จนจำได้หมดว่าอะไรเป็นอะไร ? ขึ้นอยู่ตรงไหน ?.. เราออกเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หลังถ้ำพรายตอนรุ่งสาง เส้นทางเดิมกับที่ไปชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่เดินขึ้นไปจากจุดเดิมอีกราวๆร้อยกว่าเมตร ทิวทัศน์บนนั้นมองเห็นเมืองบุ่งคล้าทั้งเมือง มองเห็นสายน้ำโขง และ มองเห็นเทือกเขาฝั่งเมืองลาว พอเราหันกลับมามองฝั่งตรงข้ามก็จะเห็น ภูทอก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองหนองคายอยู่ไกลๆ .. พระอาทิตย์ขึ้นที่นี่สวยงามมาก ถ้าช่วงหมอกจัดๆเราก็คงจะได้เห็นทะเลหมอกไม่แตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวดงดอยอันขึ้นชื่ออื่นๆ ดังนั้นภูวัวหน้าหนาวก็ใช่ว่าจะแล้งจนไร้มนต์เสน่ห์ ยังมีสิ่งดึงดูดความสนใจอื่นๆอีกมากมาย .. เอาไว้โอกาสหน้าค่อยกลับมาเล่าเรื่องภูวัวกันใหม่นะครับ รอบนี้ชมภาพบรรยากาศงดงามเหล่านี้ไป่ก่อน.. ไว้ไปเที่ยวชมอีกเมื่อไหร่จะเก็บภาพและเรื่องเล่ามาฝากอีก !!!.. ไปชมภาพทั้งหมดของทริปนี้กันดีกว่าครับ !! ............................................ รวมภาพเดินป่าเดินเขา นอนหนาวเท้าช้าง ในคืนหมาจอกเห่าหอน ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว .. .. เริ่มต้นเดินทาง .. .. ใครบางคนยังไม่ทันไร ?..เดินไม่กี่ก้าวก็หยุดถ่ายภาพล่ะ .. .. แด๊นเซอร์สาวน้อยริมโขง.. ..เป็นอันสลบเมื่อมาถึงผานางคอย..จุดพักชมวิว .. .. มองเห็นสะพานเมืองปากกระดิ่งของประเทศลาวอยู่ไกลๆ .. .. โรงพยาบาลบุ่งคล้าก็มองเห็นเล็กนิดเดียว .. .. ได้นั่งพักเอาแรงทุกคนก็พร้อมจะเดินทางต่อ .. .. ภาพทางขึ้นมาเอาไว้ไปดูตอนจบทริปล่ะกันนะว่าสมบุกสมบันขนาดไหน .. จากตรงนี้ไปก็เป็นการเดินทางราบไปอีกราวๆสองกิโลเมตรก็ถึงที่พัก .. ............................................... .. พี่สว่าง แวะเก็บยอดผักตามรายทาง .. สะพายกระติบข้าว มีมีดสนาม ไม่พกปืนเพราะไม่รู้จะไปยิงอะไร ? .. .. คุณพ่อ พาลูกสาวมาเที่ยวป่า ปล่อยให้คุณแม่เลี้ยงหมูๆอยู่เบื้องหลัง .. .. สาวเกาหลีกับอุปกรณ์ช้อนกุ้ง ที่ไปหยิบมาจากเรือนพักเจ้าหน้าที่เขตฯ .. .. ในที่สุดก็เดินมาถึงจุดหมายปลายทาง .. .. ลานหินที่น้ำตกถ้ำน้อย .. .. ที่ตอนนี้ป่าไม้โดยรอบค่อนข้างจะแห้งแล้งมากๆ .. .. ตามซอกหินที่ยังพอมีน้ำขังอยู่จีงเป็นแหล่งอาศัยของกุ้งฝอยตัวเล็กๆ .. .. ความมานะพยายามของมนุษย์กับก้อยกุ้งหนึ่งถ้วย .. .. ที่นี่ไร้คลื่นโทรศัพท์ หากอยากจะโทรคุยกับใครต้องเดินไปบนเนินอีกหลายร้อยเมตร .. .. กุ้งฝอยลอยน้ำตื้น กว่าจะเพียงพอก็ต้องให้พี่สว่างมาแนะนำการช้อนกุ้งที่ถูกวิธีให้ .. .................................................. .. ดอกไม้สวยๆ .. .. กระดุมเงิน .. ..สร้อยสุวรรณา .. .. .. ยังคงมีร่องรอยให้เห็นแต่ช่วงปลายฝนเดือนกันยายนจะมีเต็มไปหมด .. .. ก้อยข้าวปุ่น อาหารจานด่วนบนภูวัว .. .. สาวเกาหลีรอก้อยกุ้งไม่ไหวเลยโซ้ยก้อยข้าวปุ่นไปเต็มคราบ .. .................................................. .. กางเต็นท์ที่พักผึ่งแดดไว้ให้อุ่นๆ .. . .. ก่อนจะออกเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกดิน .. .. ที่บริเวณจุดชมวิวถ้ำพรายที่ห่างออกไปราวหนึ่งกิโลเมตรกว่าๆ .. .. แม้บางคนจะเหนื่อยแสนเหนื่อย .. .. แต่ก็คุ้มค่ากับการเดินขึ้นมาชมวิวตรงจุดนี้ .. .. จุดชมวิวตรงจุดนี้สวยงามและอากาศเย็นสบาย เดินมาเหนื่อยๆเดินมาถึงตรงนี้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง .. .. มีอะไรที่น่าสนใจให้ถ่ายภาพไว้เยอะ .. .. ใครบางคน ?? ..จดบันทึกการเดินทางของเธอตลอด .. .. นอนชมพระอาทิตย์ตกดินกันดีกว่า .. .. ชีวิตคนเราก็เท่านี้ มีขึ้น และ มีลง .. .. ความงดงามอยู่ที่การมองด้วยใจของเรา และ การยอมรับด้วยใจของเราเอง .. .. หากใจเรายอมรับได้ และ ใจเราไม่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ .. .. ความงดงามก็จะบังเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ .. .. ความสงบสุขก็จะติดตามเราไปตลอดเวลา .. .................................................... .. ได้เวลาเดินทางกลับที่พักกันแล้ว .. .. ต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิดเพราะเดี๋ยวจะค่ำมืดก่อน .. .. มาถึงที่พักตอนพลบค่ำพอดิบพอดี .. .. สมาชิกที่ตามมาสมทบเดินทางมาถึงพอดิบพอดี .. .. .กองไฟเริ่มก่อ พร้อมๆกับการเริ่มปรุงอาหารมื้อค่ำ .. คืนนี้..หลายๆคนรับประทานอาหารเสร็จก็เข้านอนกันแต่หัวค่ำ .. อากาศหนาว ท้องฟ้ามากมายดวงดาวส่องแสงประกายพร่างพราย.. ทว่า ช่างภาพเองก็ตาลาย ง่วงนอน เลยแอบไปนอนก่อน .. ก่อนจะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหมาจอก ที่มาร้องอยู่ใกล้ๆที่พัก .. .............................................. .. เสียงหมาจอกทำให้ทุกคนตื่นออกจากเต็นท์ .. .. เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น .. .. มีการเตรียมอาหารมื้อเช้ากันเล็กน้อย .. .. รองท้องกันไปด้วย กาแฟ และ หมูปิ้ง .. ........................................
.. จุดชมวิวภูวัวเหนือถ้ำพราย .. .. สวยงดงามเมื่อแสงทองแห่งชีวิตสาดส่องต้องท้องฟ้าและเมฆหมอก .. .. ฟากฟ้าทิศตะวันออกรอการมาเยือนของดวงตะวันดวงเก่า .. .. มองไกลๆเห็นภูเขาฝั่งเมืองลาว สายน้ำโขงที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก .. .. ขอบคุณ ผู้พัน ..ที่พาเรามาเยี่ยมชม .. .. คู่รักคู่นี้ ..จูงมือกันขึ้นมาเป็นคู่สุดท้าย .. .. พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้า .. .. สวยงามตา เหนือเทือกเขา เหนือสายน้ำโขง .. ... ปลุกชีวิตวันใหม่ให้ลุกตื่น ฟื้นจากความเหนื่อยหน่าย .. .. เช้าวันนี้จึงเป็นเช้าอีกวันของใครๆ ที่ได้ยลความงดงามของดวงตะวันเต็มๆตา .. .. สองเพื่อนสาวชาวเภสัชกร .. .. คุณหมอ กับ ทีมสาวพยาบาล .. .. แด๊นเซอร์สาวน้อยริมโขงกับมาดสาวเซ่อร์ปนสาวเกาหลี .. .. ฉากหลังอีกมุมที่สวยงามไม่แพ้กัน .. .. ไม่ต้องไปไกลมาให้ถึงถ้ำพรายก็ได้ยลของดี .. .. เก็บภาพงดงามดีๆไว้เป็นที่ระลึก .. .......................................... .. หาคลื่นเพื่อส่งข่าว ..บนนี้คลื่นแรงดี .. .. แสงตะวันเริ่มจัดจ้าขึ้นเรื่อยๆ .. .. นั่งทอดอารมณ์อีกสักพัก .. .. ใกล้ได้เวลากลับกันแล้ว .. .. ไว้โอกาสหน้าค่อยกลับมาชมความงามถ้ำพรายกันใหม่ .. .. เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนกลับที่พัก .. .. โดดประลองกำลังขากันสักหน่อย .. .. เยี่ยม !!! .. .................................................. .. เก็บภาพดอกไม้ พันธุ์ไม้ต่างๆระหว่างทางกลับถ้ำน้อย .. .. อันนี้ไม่รู้จัก ??..ผลคล้ายมะม่วง ต้นเป็นพุ่ม ลืมถามพี่สว่าง .. .. กะเพราศักดิ์สิทธิ์ ..สรรพคุณเหลือล้น .. .. มองไกลออกไปเห็นภูทอกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของหนองคาย .. ............................................... ..แอ่งน้ำใกล้กับลานหินแถวถ้ำพรายอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาพัก.. .. ทุ่งหญ้าบนภู .. .. ดอกสนทราย .. .. หม้อข้าวหม้อแกงลิง .. .. ปลาไหลเผือก ..ยาสมุนไพร .. .. บางต้นก็ไม่รู้จัก แต่ออกดอกเบ่งบานงดงาม .. .. ???? .. .. ???? .. .. มีความงามแบบนี้ให้ชมตลอดสองข้างทาง .. .. มาถึงที่พักก็เริ่มหิวกันแล้ว .. .. เคลียร์พื้นที่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน .. ........................................... .. สองพ่อลูก..คนนำทางกลับ เพราะพี่สว่างนำชุดแรกกลับลงไปก่อน .. .. จดบันทึกอีกล่ะ ..เห็นได้มาแต่สูตรสมุนไพร กับ ชื่อดอกไม้ .. .. เริ่มต้นเดินทางกลับ .. .. ช่วงนี้เป็นป่าและทางราบ .. .. ร่องรอยของความอุดมสมบูรณ์ .. .. ที่รอฝนฟ้ามาช่วยเติมความชุ่มฉ่ำ .. .. แวะพักที่ผานางคอยเพื่อรอการลงเขา .. .. ทางลงทางขึ้นค่อนข้างจะชันและไกล .. .. ต้องค่อยๆเดินลงช้าๆเพราะสัมภาระแต่ละคนเยอะ .. .. บางแห่งเจ้าหน้าที่เขตฯภูวัวก็ทำทางขึ้น-ลงไว้ให้ .. ..แต่บางแห่งก็ไม่..ต้องระมัดระวังเพราะมันลื่น .. .. ต้องค่อยๆลงทีละคน..ข้างบนอย่าร่วงล่ะกัน .. .. เห็นสภาพทางแล้ว ..จินตนาการภาพหน้าฝนออกเลยว่าน่าเดินลุยขนาดไหน ?? .. .. จบทริปครับ .. .. ไว้เจอกันโอกาสหน้าบนเส้นทางใหม่ .. .. โชคดีและมีความสุขทุกๆคนครับ .. .................................................... วินเซนต์ ริมโขง หนองคาย ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ ...................................................... |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |