โทรเลขลับจากสถานทูตสหรัฐในญี่ปุ่นที่เว็บไซต์วิกิลีกส์ นำออกเผยแพร่ ระบุว่า ในระหว่างการประชุมกลุ่มความมั่นคงและปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของ 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ (จี8) ในกรุงโตเกียว เมื่อปี 2551 นั้น ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(ไอเออีเอ) ที่ในเอกสารการทูตไม่ได้เอ่ยนาม ได้แสดงความเป็นห่วงว่า คู่มือกฎระเบียบด้านการป้องกันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น กรณีเกิดแผ่นดินไหวนั้น ผ่านการแก้ไขปรับปรุงเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา และไอเออีเอกำลังประเมินกฎเหล่านั้นอีกครั้ง 

 ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นชี้ว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในระยะหลังบางครั้งมีระดับรุนแรงเกินกว่าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บางแห่งออกแบบให้ต้านทานได้ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ให้คำมั่นว่าจะยกระดับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกแห่ง และได้สร้างศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉินที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ แต่เป็นการออกแบบมาตรการสำหรับรับมือแผ่นดินไหวระดับ 7 เท่านั้น

 เอกสารการทูตสหรัฐอีกฉบับ เมื่อมีนาคม 2549  ยังได้ระบุถึงเรื่องที่รัฐบาลญี่ปุ่นคัดค้านคำสั่งศาล ที่ให้ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บางแห่งทางตะวันตกของประเทศ เพราะวิตกว่าอาจต้านทานแผ่นดินไหวรุนแรงไม่ได้ โดยศาลมีคำสั่งว่า ประชาชนในท้องถิ่นอาจได้รับกัมมันตภาพรังสีหากมีอุบัติเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับโรงงานที่ได้รับการออกแบบก่อสร้างให้ต้านทานแรงสั่นสะเทือนที่ระดับ 6.5 เท่านั้น แต่สำนักงานความปลอดภัยอุตสาหกรรมและนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น แย้งว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลอดภัยและได้ดำเนินการวิเคราะห์ระบบความปลอดภัยทั้งหมดอย่างเหมาะสมแล้ว และที่สุด รัฐบาลก็พลิกคำตัดสินสำเร็จเมื่อปี 2552

 เอกสารการทูตอีกฉบับยังเปิดเผยว่า นายทาโร โคโนะ ส.ส.ที่มีบทบาทมากคนหนึ่งในสภาล่างญี่ปุ่น ได้บอกต่อนักการทูตสหรัฐเมื่อตุลาคม 2551 ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยสนใจพิจารณาใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ อย่างพลังงานลม และยังกล่าวหากระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม(เมติ) ว่าปกปิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์หลายครั้ง รวมทั้งต้นทุนที่แท้จริงและปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ นอกจากนี้ การเก็บวัสดุนิวเคลียร์ ยังเป็นอีกเรื่องที่น่าห่วงหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

 ด้านสถานีเอบีซี ในสหรัฐ รายงานว่า นาย เดล จี.ไบรเดนบัฟ นักวิทยาศาสตร์และเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ได้ลาออกจากบริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริก(จีอี) เมื่อ 35 ปีที่แล้ว เพื่อประท้วงการออกแบบ มาร์ควัน หรือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่นที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะใช้ เพราะเชื่อว่ามีข้อบกพร่องจนอาจทำให้เกิดอุบัติภัยร้ายแรงได้

 นายไบรเดนบัฟ ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่เอบีซีว่า ปัญหาที่พวกเขาหยิบยกขึ้นมาเมื่อปี 2518 คือการออกแบบคอนเทนเมนต์ของเตาปฏิกรณ์มาร์ควัน จะสามารถรับมือกับแรงดันมหาศาลอันเกิดจากเตาปฏิกรณ์เสียพลังงานจากน้ำหล่อเย็นได้เพียงใด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะยังไม่ชัดเจนและคลุมเครืออยู่มาก อาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าที่จะรู้ว่าระบบคอนเทนเมนต์ของมาร์ควัน ทำงานอย่างไรเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรง ซึ่งเป็นคำถามสำคัญที่ผู้กำหนดนโยบายกำลังรอคำตอบ เพื่อประเมินมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ยังใช้มาร์ควัน ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์หนึ่งในรุ่นเก่าที่สุดรุ่นหนึ่ง

...........................................

http://www.komchadluek.net/detail/20110317/91841/ไอเออีเอเคยเตือนดินไหวโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น.html

...........................................

โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ..

กับผลประโยชน์ของพวกนายทุน ??..

กับภัยร้ายที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ???..

เรื่องใด ?? ..คือ เรื่องสำคัญที่รัฐบาลในแต่ละประเทศที่มีโครงการมหันตภัยนี้อยู่ ใช้เป็นหลักคิด หลักประเมิน ในการ เห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ ต่อการดำเนินโครงการพวกนี้ ??..

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ..มีนักวิชาการปัญญาอ่อนบ้านเราบางคนออกมาฟันธงว่า ๑๓ รอยเลื่อนไทยในบ้านเรามีโอกาสเสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวน้อยมากและเป็นไปได้เพียงแค่แผ่นดินไหวขนาดเล็กเท่านั้น ฟังแล้วก็ขำ เรื่องพวกนี้ใครๆมันก็พูดกันได้แต่พอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา เหตุการณ์รุนแรงที่เลยปัญญาอ่อนๆของพวกนักวิชาการเฮงซวยพวกนี้คิดกัน เราก็เห็นมีแต่เรื่องราวของระเบิดเวลาและความวินาศสันตะโรรออยู่ข้างหน้าทั้งนั้น .. 

เช่นกันที่เถียงกันเป็นวรรคเป็นเวรเรื่อง รอยเลื่อนสุมาตราที่ให้เกิดแผ่นดินไหวและเกิดสึนามิถล่มประเทศไทยและประเทศอื่นๆเมื่อปี ๒๕๔๗ มีนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาหลายคนก็ออกมาฟันธงว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกในเร็ววันนี้เพราะมันคลายพลังงานออกมาแล้ว..

ทว่า ก็มีบางคนที่เขาคิดเห็นต่างออกไป เมืองไทยของเราอยู่ในภาวะเสี่ยงของโลกที่มันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น ไม่มีใครทำนายได้แบบ ๑๐๐ % เต็มหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ..

หนทางเดียวที่ดีที่สุด ที่สมควรจะนำมาคิดกันในตอนนี้ ก็คือ หากมันเกิดเราจะรองรับภัยของมันไหวไหม ??..ผมคนหนึ่งล่ะที่ขอฟันธงเลยว่า หากเกิดภัยพิบัติเกี่ยวกับแผ่นดินไหว หรือ สึนามิอีกรอบ ไม่ว่าจะมุมใดของประเทศไทย รับรองว่า..เละตุ้มเป๊ะ !!!..

เหตุเพราะเราไม่เคยทำแผนรองรับแบบเต็มรูปแบบ อ้างแต่ว่าเราอยู่ห่างไกลเราโชคดี เราจะไม่มีเหตุก่ารณ์ร้ายแบบนั้นแบบนี้ พูดแบบนี้ใครมันก็พูดได้เพราะไอ้คนที่พูดมันอาจจะตายก่อนจะได้เห็นเหตุการณ์พวกนี้ คนซวยก็คือคนในอนาคต ลูกหลานในอนาคต..

ไม่ว่าจะเรื่องของการเฝ้าระวังความเปลี่ยนแปลงของรอยเลื่อน ตลอดจนลดเงื่อนไขความเสี่ยงต่างๆลงไป โดยเฉพาะเรื่องเขื่อนกักเก็บน้ำ เรื่องระดับน้ำที่กักเก็บ แผนรองรับหากเกิดอุทกภัยขนาดหนัก ..

ไม่ว่าจะเรื่องของการรับมือกับแผ่นดินไหว หรือจาก คลื่นยักษ์สึนามิ เราก็ควรจะมีแผนรองรับที่มีมาตรฐาน มีระบบสัญญาณเตือนภัยที่ดี และ มีระบบเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพกับองค์กรต่างๆทั่วโลก ไม่ใช่จะมาอุปโลกน์อวดศักดาปัญญาสมองกันด้วยแค่เรื่องที่ว่า มันจะเกิดขึ้น หรือ ไม่เกิดขึ้น !!!.. 

เงินลงทุนในเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เม็ดเงินมหาศาลมากมายเกินไป อันที่จริงเราควรจะมีระบบเตือนภัยธรรมชาติให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเรื่องของพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือ สึนามิ มันควรจะมีระบบที่มาตรฐานเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารทั่วทั้งประเทศให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้แล้ว..

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ไปฝากผีฝากไข้ไว้กับการทำงานแบบเช้าชามเย็นชามของพวกกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ไม่ว่าจะทำนายดินฟ้าอากาศ ทำนายฟ้าฝนลมหนาว พายุลมแล้ง ที่ผ่านมาหนักไปทางเกือบถูกมากกว่าถูก !!! ..

ดังนั้น ตอนนี้อะไรๆก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น เราต้องวางแผนรองรับป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ !!!..

โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่มีการผลักดันโครงการแบบผลุบๆโผล่ๆกันมาหลายครั้งหลายคราแล้วก็สมควรจะยกเลิกไปได้แล้ว ไม่ใช่เลื่อนไปเลื่อนมาเอาปัญญาไปลงทุนเรื่องพลังงานทดแทนอื่นๆจะดีกว่า สำรวจภูมิศาสตร์ สำรวจภูมิประเทศ สำรวจดูคุณสมบัติของผืนแผ่นดินใหม่ว่าประเทศไทยของเรานั้น มันเหมาะสมที่เอาพลังงานทดแทนแบบใด?จากส่วนใด? มาใช้..แล้วภาครัฐก็ลงทุนทำซะ ไม่ใช่ไปจดจ่ออยู่แต่กับโครงการมหันตภัยที่คิดเองเออเองได้ว่าคนไทยจะมีปัญญาควบคุมมันได้ !!..

โครงการพลังงานทดแทนอื่นๆ ไม่ว่าจะลงทุนมหาศาลขนาดไหน ? มันก็คุ้มค่า ถ้าไม่ได้สร้างให้เป็นระเบิดเวลารอคร่าชีวิตผู้คน เหมือนอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ !!! ..

บ้านเมืองเรามันยิ่งมีพวกขี้โกงพวกชอบคอรัปชั่นกันอยู่เยอะ มาตรฐานที่เขากำหนดให้ทำดีๆได้มาตรฐาน มันก็อาจจะมีการวิ่งเต้นลดค่าใช้จ่ายด้วยทำระบบห่วยแสนห่วยไว้แหกตาผู้คนก็เป็นได้..

เราจึงควรจะลดความเสี่ยงเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ..

ด้วยการไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับมันนั่นแหละดีที่สุด !!!

............................................. 

โรงงานไฟฟ้าฟูกูชิมะ ..

คือ อุทาหรณ์ชั้นดีของพวกโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์..

รับมือแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ไม่ไหว ก็บ่ายเบี่ยงสัญญาว่าจะแก้ไขปรับปรุงมาโดยตลอด..

แต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ ไอ้ที่ว่ารับไหวๆก็กลายเป็นรับไม่ได้รับไม่ไหวเพียงชั่วพริบตา..

ประชาชนในพื้นที่ต้องเดือดร้อนหนีสึนามิแผ่นดินไหวไม่พอ ยังต้องมาสยองขวัญกับข่าวสารกัมมันตรังสีรั่วออกมาอีก นี่แหละที่เขาเรียกว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ..

สุดท้ายก็ต้องกลายมาเป็นผู้อพยพกัน ..คนเมืองหลวงโตเกียวก็ใช่ว่าจะหลับสบายได้เต็มตา ก็ในเมื่อมีข่าวออกมาว่าสารกัมมันตรังสีมันรั่วออกมาแล้ว มันก็ไม่แคล้วความตื่นตระหนกที่จะตาลีตาเหลือกหาวิธีระมัดระวังป้องกันมั่วไปหมด ขนาดไอโอดีนยังเกลี้ยงตลาด ทั้งชนิดน้ำชนิดเม็ดหมดเกลี้ยงภายในพริบตา ..

นี่แหละ คือ ภาพปัญหาของการมีโรงงานพลังงานนิวเคลียร์อยู่ในพื้นที่ล่ะ !!!..

สารกัมมันตรังสี ..จะรั่วมากรั่วน้อยไม่เกี่ยว ..รั่วออกมามันก็คือ..สารอันตรายตายผ่อนส่ง เพราะคนมีภูมิต้านทานและความแข็งแรงแตกต่างกันไป เราไม่รู้ว่ามันจะไปโดนใครบ้างตอนที่มันรั่วออกมาแล้ว..

อ่านข่าวย้อนหลังประกอบเรื่องตามนี้ครับ..

อธิบายเหตุระเบิดไฮโดรเจน โรงนิวเคลียร์ไฟลุก-กัมมันตภาพรังสีรั่วไหล

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033625

สำรวจสภาพ 'วิกฤต' 6 เตาปฏิกรณ์ ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 'ฟูกูชิมะ'

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034077

...............................................

ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ..

ปัญหาภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านรกทั้งหลาย..

ที่ผ่านมานั้นปัญหาพวกนี้มันคือปัญหาโลกแตกที่มีการถกเถียงกันและต่อต้านกันมาตลอด ..

พวกนายทุนจอมละโมบเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้พวกนี้มันก็วิ่งเต้นที่จะให้มีโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กัน วิ่งเต้นเพื่อที่จะไม่ให้มีการเตือนภัยเรื่องภัยพิบัติกัน เพราะจะส่งผลต่อธุรกิจการค้าของพวกมัน โดยมีชีวิตผู้คนแขวนอยู่บนเส้นความเสี่ยงของหลักประกันห่วยๆ..

ไม่ว่าจะเรื่องการฟันธงของพวกนักวิชาการด้านต่างๆ หรือ ไม่ก็ความวิตกกังวลห่วงใยในเรื่องของตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องปัญญาอ่อนพอๆกัน !!!..

ชีวิตผู้คนนั้น..มันสำคัญที่สุดแล้วควรจะใส่ใจและดูแลคนของเราประเทศของเราให้มากกว่านี้และละเอียดรอบคอบกว่านี้ ความคิดของพวกนายทุน นักธุรกิจ หรือ นักวิชาการแอบแฝงทั้งหลาย ที่ชอบแสดงความคิดเห็นและยืนอยู่บนความเห็นแก่ตัวนั้น เราควรจะหยุดให้ราคาได้แล้ว..

ทุกวันนี้เราป้องกันอะไรจากภัยพิบัติร้ายๆที่มันเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราได้บ้าง ??..

หนาวกันทีก็แจกผ้าห่มที ..พายุมาทีก็บ้านพังกันที ..น้ำท่วมทีก็เละตุ้มเป๊ะออกมาด่าทอกันไปมา..แค่เจอฝนห่าใหญ่ๆบางผืนที่ของไทยตอนนี้ก็แทบจะจมเป็นบาดาลไปแล้วเพราะความเห็นแก่ตัวของผู้คนที่เที่ยวไปสร้างบ้านสร้างตึกขวางทางธรรมชาติ ..

แค่ภัยพิบัติระดับกระจอกๆประเทศไทยของเราในตอนนี้ยังรับมือไม่ไหวเลย ..

นับประสาอะไรกับภัยพิบัติที่มันรุนแรงระดับโลกอย่างแผ่นดินไหว สึนามิ..

หรือ มหันตภัยร้ายจากสารกัมมันตรังสีรั่วจากโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ ..

ที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาเกรงกลัวหัวหดกันไปทั่วโลก !!!..

เจอเมื่อไหร่ ??..ตายเกลื่อนเมื่อนั้น ???!!!..

Before

After

................................................

วินเซนต์

ริมโขง  หนองคาย

๑๗  มีนาคม  ๒๕๕๔

..............................................