
เรื่องนี้ถ่ายทอดโดย...คณะลูกเรือวันทูโกและสายการบินอื่นๆ ทุกคนค่ะ หมวยอ่านแล้วคิดว่ามีประโยชน์มากค่ะ สำหรับท่านที่เดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ หรือนานๆ ทีก็เถอะค่ะ เลยอยากนำมาแบ่งปันให้กับทุกท่านนะคะ เรื่องนี้เขาถ่ายทอดได้ดีจริงๆ ค่ะ
เขาเล่าว่า ..... ที่ผมมาตั้งกระทู้นี้เพื่ออยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้โดยสารท่านอื่นได้ตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยบนเรื่องบิน อยากให้ท่านได้ตระหนักถึงสิ่งที่ลูกเรือร้องขอให้ทำ แทนที่จะพยายามวิเคราะห์ว่า นั่งตรงไหนปลอดภัยที่สุด? เครื่องแบบไหนปลอดภัยที่สุด? ใครผิด ใครเป็นคนทำ? นักบินประเทศไหนแย่? เครื่องรุ่นไหนเสี่ยง? อายุเครื่องสายการบินไหนเก่าสุด? สนามบินไหนไม่ได้มาตรฐาน?
มันเป็นปัจจัยภายนอกที่เราเองก็ควบคุมไม่ได้ เราขึ้นเครื่องบินเราไม่รู้หรอกว่านักบินเป็นคนชาติอะไร เป็นใคร นิสัยอย่างไร มีชั่วโมงบินกี่ชั่วโมง อากาศข้างหน้าจะเป็นยังไง สนามบินได้มาตรฐานรึเปล่า แต่สิ่งที่คุณจะป้องกันได้ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้คุณเอาชีวิตรอดในนาทีวิกฤตที่ผมภาวนาทุกค่ำคืนว่าไม่อยากให้เกิดอีก ก็คือการเตรียมตัวเองให้พร้อม
1. ก่อนขึ้นเครื่องบินโปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านให้ดี เอาของตัวติดตัวเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น การเสียค่าน้ำหนักเพิ่มไม่ทำให้เราต้องเสียเงินมากเท่าไหร่นะครับเพราะฉะนั้น อะไรที่ไม่จำเป็นโหลดเถอะครับ
2. บางคนอาจเห็นว่าไม่สำคัญแต่ความรู้สึกผมการแต่งกายขึ้นเครื่องบินควรจะแต่งการให้เราคล่องตัว เพราะบางครั้งหากเราใส่กระโปรงยาว ส้นสูง หมวก หรืออุปกรณ์อะไรมากๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอาจเป็นอุปสรรคกับตัวเราเองก็ได้
อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ
3. ช่างสังเกตุ การเป็นคนช่างสังเกตุทำให้เราสามารถเห็นความผิดพลาดอะไรได้มากมาย ถึงแม้ทางสายการบินต่างๆจะมีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงสุดแต่ก็ไม่เสียหายหาก ท่านจะสงสัยว่าทำไมตรงนี้มีรอยแตก ได้กลิ่นอะไรมั๊ย ทำไมเสียงแปลกๆ ทำไมที่นั่งแบ่งไม่เท่ากัน เมื่อกี้เห็นควันตรงปีก ท่านถามลูกเรืออย่างผมได้ ผมเองก็จะได้เช็คก็เพอร์เซอร์อีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
4. เมื่อขึ้นเครื่องมาแล้ว การมองว่าเครื่องนี้มีทางออกได้กี่ทาง ตรงไหนบ้าง เรานั่งตรงนี้ ทางออกฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ห่างจากเรากี่แถว นับไว้ในใจ ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้างในมีควันเราเอาเสื้อคลุมไว้ แต่มือเราก็นับแถวเก้าอี้ไปยังทางออกได้ ข้างหน้าเราเป็นใคร ข้างหลังเราเป็นใคร หากเกิดอะไรที่เราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เราก็จะได้ขอให้เค้าช่วย
5. เมื่อลูกเรือประกาศปิดโทรศัพท์ ขอความร่วมปิดจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่าสัญญาณโทรศัพท์จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ผมเองก็ไม่อยากให้ใครต้องเป็นคนพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง บางท่านบอกว่าเครื่องยังไม่ขึ้นทำไมต้องปิด ผมขอเรียนให้ท่านทราบว่า ถึงแม้เครื่องจอดอยู่ แต่ในห้องนักบิน นักบินกำลังติดต่อกับหอบังคับการบินเรื่องข้อมูลต่างๆ บางครั้งสัญญาณจากโทรศัพท์มือถืออาจทำให้นักบินได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดมาก็ได้ครับ เพราะฉะนั้นอย่าว่าหรือทำสีหน้าไม่พอใจกันอีกเลยนะครับหากคราวหน้าลูกเรือแนะนำให้ปิดโทรศัพท์
6. ขณะสาธิตอุปกรณ์การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน อยากให้ตั้งใจดูจริงๆนะครับ เพราะนี่คือสิ่งที่ช่วยชีวิตคุณได้ หนังสือพิมพ์รอก่อน โทรศัพท์ค่อยคุย ง่วงนอนแค่ไหนก็ขอให้ฝืนดู เพราะมันสำคัญที่สุด
6.1 เข็มขัดนิรภัย ถึงแม้จากเหตุการณ์ของสายการบินผมจะมีผู้เสียชีวิตขณะนั่งรัดเข็มขัด ซึ่งบางท่านอาจคิดว่า ท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร แต่มองในแง่ของการพิสูจน์ศพ บางท่านในเที่ยวบินนั้นได้กระเด็นออกจากที่นั่งเนื่องจากไม่รัดเข็มขัด ทำให้ไม่ทราบว่านั่งที่ไหน กับท่านที่นั่งรัดเข็มขัดกับที่เราสามารถตรวจสอบกับสายการบินได้ว่าผู้โดยสาร 23A ชื่ออะไร เป็นใคร
ในกรณีอื่น หากเครื่องบินเกิดเสียหลัก ในเคบินจะเกิดแรงกระชากอย่างรุนแรง เข็มขัดนิรภัยเป็นสิ่งเดียวที่จะรั้งเราเอาไว้ และผมขอแนะนำว่าหากเกิดกรณีนั้นจริงให้ท่าน "ก้มหัวลงให้ต่ำที่สุด หรือจับข้อเท้าไว้ แล้วรอจนเครื่องจอดสนิท ถึงจะทำการอพยพ" หากลูกเรืออย่างพวกเรายังมีสติ เราจะเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากเครื่องครับ..เราสัญญา การลองปลดเข็มขัดใส่เข็มขัดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายครับ จะทำให้เราชินมือ แล้วกรุณาปรับเข็มขัดให้อยู่ใต้สะดือและแน่นพอดีตัว เพราะหากท่านคาดหลวมๆเพื่อหลอกลูกเรือ(เหมือนเอาเข็มขัดนิรภัยรถมาทาบอกหลอกตำรวจ) มันก็ช่วยอะไรไม่ได้นะครับ
7. หน้ากากออกซิเจน จะอยู่เหนือที่นั่งของท่านนะครับ หากระบบความกดอากาศในเคบินเปลี่ยน ท่านสามารถใช้หายใจได้ อาจมีกลิ่นไหม้ แต่นั่นคือกลิ่นสารเคมีที่ทำปฏิกิริยากัน ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดครับ อีกอย่างถ้าท่านมากับลูกหรือคนชราสิ่งที่ถูกต้องคือใส่ให้ตัวเองก่อนนะครับ แล้วค่อยใส่ให้กับคนอื่น เพราะหากเราใส่ให้ลูก เสร็จเราหมดสติ เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรเราไม่รู้ อาจเลวร้ายกว่านี้ เด็กก็อาจเป็นอันตรายได้ครับ
8. เสื้อชูชีพอยู่ใต้ที่นั่งของท่าน การเอามือคลำดูก็เป็นการตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้งครับ หากไม่มีท่านจะได้บอกลูกเรือได้ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินท่านอาจไม่ทันการณ์ อย่าลืมว่าเมื่อเวลานั้น เสี้ยววินาทีมีค่าที่สุดครับ
9. ทางออกฉุกเฉิน ท่านสามารถสังเกตได้ตามที่พนักงานชี้ครับ และพนักงานจะชี้ไฟฉุกเฉินบริเวณทางเดินด้วย ขอให้ท่านสังเกตให้ดี เพราะสิ่งนี้จะพาคุณไปยังทางออกครับ
9.1 สำหรับท่านที่นั่งใกล้ทางออกฉุกเฉิน พึงตระหนักนะครับว่าท่านเป็นคนแรกที่หากเกิดเหตุฉุกเฉินท่านจะสามารถออกได้ก่อน ห้ามนำกระเป๋าหรือสัมภาระวางขวางบริเวณนั้นเด็ดขาดครับ เพราะอะไรเหรอครับ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไฟลุกมาจากด้านหลัง พนักงานเปิดประตูให้ท่านหนี แต่ขาท่านไปเกี่ยวกับสายกระเป๋าเป้แล้วท่านล้มลง คนอื่นสะดุดท่านล้มลงอีกเหตุการณ์อลม่าน ผู้โดยสารมองล้มกองคาทางออก ผมคงไม่ต้องบอกนะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น เพราะฉะนั้นหากท่านนั้นบริเวณนั้นพยายามทำให้ทางเดินโล่งที่สุดไว้นะครับ
9.2 การอธิบายวิธีการเปิดทางออกฉุกเฉิน ลูกเรือจะอธิบายวิธีการเปิดให้ท่านฟังพร้อมกับมีแผ่นให้ท่านอ่าน กรุณาศึกษาอย่างละเอียดครับ เมื่อก่อนที่ผมเคยเจอคือ "ผมขึ้นบ่อย ไม่ต้องพูดแล้ว" หรือ ไม่ยอมฟัง ไม่สนใจ ตรงนี้เราซีเรียสมากครับ หากใครไม่เต็มใจนั่งเราจะย้ายทันที ถ้าท่านเห็นเหตุการณ์ที่เกิดกับสายการบินผม ท่านจะเห็นหน้าต่างฉุกเฉินถูกเปิดออกที่บริเวณปีกครับ แล้วผู้โดยสารส่วนนึงก็สามารถออกมาได้ เพราะฉะนั้นผมขอร้องให้ตั้งใจฟังจริงๆครับ กราบขอร้องจากใจจริง(เพราะผมไม่อยากให้เกิดอะไรร้ายๆขึ้นอีกแล้ว) หากมีข้อสงสัยถามได้ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างถึงแม้จะเล็กๆน้อยๆ แต่ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองทั้งสิ้นครับ
10. ทำไมเราถึงบอกให้ท่านเก็บโต๊ะหน้าที่นั่ง ปรับพนักพิงเก้าอี้ตรง และเปิดม่านหน้าต่าง เพราะทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นหากท่านไม่ทำตามก็จะเป็นสิ่งกีดขวางในการหนีภัยทั้งสิ้นครับ การเปิดม่านหน้าต่าง ก็เพื่อให้ท่านได้เห็นว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นมีไฟไหม้ มีควัน เป็นเนินดินหนีไปทางนั้นไม่ได้ เป็นแอ่งน้ำ สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อให้เราสามารถใช้ประมวลความเป็นไปได้ในการหนีภัยครับ
ก่อนเครื่องจะทำการขึ้น ลูกเรือจะเดินตรวจความเรียบร้อยที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น บางท่านพอเรามาตรวจก็ปรับพนักพิงเก้าอี้ตรง แต่พอเราไปก็ปรับเอนอีก(ผู้โดยสารด้านหลังสารถแจ้งลูกเรือได้ มันเป็นสิทธิความปลอดภัยของเรา ไม่ต้องกลัวเค้าเขม่น) บางท่านใช้หลังยันไว้หรือเอามือแกล้งกดปุ่มไว้แล้วบอกว่าเสีย พอเราขอปรับให้ท่าน ท่านก็โกรธ เราอยากชี้แจงว่าที่เราทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวท่านเองและผู้โดยสารท่านอื่นครับ ลูกเรือนั่งตรงประตูเค้ารู้วิธีหนีภัย เค้าสามารถหนีได้เป็นคนแรก เค้าจะไปเป็นคนแรกก็ได้ แต่เรา(ลูกเรือทั่วโลก)จะไม่มีวันทำเช่นนั้นครับ เพราะฉะนั้นเราถึงจ้ำจี้จ้ำไชกับท่าน ท่านอาจหงุดหงิด ท่านอาจด่าเรา report เรา แต่เมื่อถึงเวลาที่ท่านก้าวเท้าลงจากเครื่องไปอย่างปลอดภัย เราก็ถือว่าเราได้ทำหน้าที่เราสำเร็จแล้ว
11. ทำไมตอนเครื่องขึ้นและลง ถึงห้ามใส่หูฟัง ห้ามฟังเพลงห้ามเปิดเกมส์ ก็เพราะระหว่างการนำเครื่องขึ้นและลงเป็นช่วงที่เสี่ยงที่สุดหรือที่เราชาวลูกเรือเรียกว่า 11 นาทีวิกฤต อุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเกิดตอนการนำเครื่องขึ้นและลง หากระหว่างนั้นเราใส่หูฟัง ฟังเพลง เราจะไม่ได้ยินลูกเรือสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน หรือหากเกิดเสียงผิดปกติเช่นระเบิด เสียงรั่วต่างๆเราก็จะไม่ได้ยิน หรือหากลูกเราcommand อะไรที่ฉุกเฉิน ท่านจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ยิน ส่วนเกมส์หรือ mp3 นั้นเราก็เกรงว่าจะรบกวนระบบสื่อสารเช่นกัน
12. ถ้าปวดห้องน้ำระหว่างที่เข็มขัดยังเปิดอยู่ลุกไปได้มั๊ย แนะนำว่าให้อดทนรอก่อนครับ เพราะอย่างที่บอก 11 นาทีวิกฤตยังไม่ผ่านอะไรก็เกิดขึ้นได้ หรือแม้ตอนเจอหลุมอากาศ การที่สัญญาณแจ้งเตือนเพราะกัปตันได้ตรวจเจอก้อนเมฆ ซึ่งอ่านทำให้เครื่องส่าย สั่น ทำให้ท่านไม่ปลอดภัยได้ (ความปลอดภัยของท่านอีกแล้ว) แล้วทำไมลูกเรือเดินได้ล่ะ...อย่างที่บอกเราได้รับการเทรนมาอย่างดีวิธีการเดินตอนเครื่องสั่น หรืออะไรที่เซฟลูกเรือ ระหว่างการเทรน เราถูกครูจับใส่ไมโครชิพที่ทำให้เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า "ความปลอดภัยของท่านมาอันดับแรก"
ฉะนั้นท่านจึงได้เห็นภาพแอร์หน้าซีด เดินขาถ่างมือนึงจับพนักพิง อีกมือถึงทิชชูมาให้ผู้โดยสารที่กำลังอาเจียน (แต่หากรุนแรงมากเราจำเป็นต้อง secure ตัวเองก่อน ไม่ใช่เห็นแก่ตัว แต่เป็นเพราะยิ่งเราปลอดภัยครบ 32 เท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสช่วยเหลือผู้โดยสารมากเท่านั้น) ในกรณีที่ท่านนั่งอยู่ในห้องน้ำแล้วเกิดสภาพอากาศแปรปรวนให้ท่านรีบออกมาจากห้องน้ำมานั่งที่และรัดเข็มขัดทันที แต่หากไม่ไหวจริงๆ ขอให้ท่านจับที่จับในห้องน้ำและนั่งลงให้ตัวอยู่ต่ำที่สุด แต่ในกรณีที่เกิดความผิดปกติในห้องโดยสารจนทำให้หน้ากากออกซิเจนตกลงมา ท่านสามารถใช้หน้ากากในห้องน้ำได้ทันที แล้วเราจะรีบไปช่วยท่านครับ

********หากเกิดการemergency landing***** *******
สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือ
1. มีสติ หากเรารู้ล่วงหน้าเราจะแนะนำท่าที่ปลอดภัยตอนเครื่องลง แต่หากเกิดไม่ทันตั้งตัว เราจะตะโกนท่าที่ปลอดภัยให้ท่านทำตาม
2. ขอให้ท่านรอให้เครื่องจอดสนิทก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไร เมื่อเครื่องจอดแล้ว เราจะบอกให้ท่านปลดเข็มขัดแล้วทิ้งทุกอย่างไว้ ให้มาทางเรา ถ้ามีควันไฟขอให้ท่านใช้เสื้อผ้าปิดจมูก ปิดปาก แล้วกคลานให้ต่ำที่สุด
3. เมื่อท่านออกจากเครื่องได้แล้ว ขอให้ท่านอยู่ให้ห่างเครื่องมากที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะระเบิดตอนไหน (แต่บางครั้งเหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็น step เช่นนี้ ยกตัวอย่างสายการบินของผม)
การปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานต้อนรับอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งที่จะช่วยชีวิตผู้โดยสารมากกว่าการต้องคอยหาว่านั่งตรงไหนปลอดภัยที่สุด ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าล้อหลังไม่กาง เอาท้ายลง ด้านหลังก็เสี่ยง ถ้าเกิดน้ำมันรั่วที่ปีก ตรงกลางเสี่ยง ถ้าเกิดชนกระแทกด้านหน้า ด้านหน้าเสี่ยง
เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวเอง มีสติ ไม่ประมาท ช่างสังเกต ขี้สงสัย และระแวดระวัง(แต่ไม่ใช่ระแวง) เป็นวิธีที่ทำให้เราปลอดภัยที่สุด
ผมเองคิดด้วยซ้ำว่าหากผมไปเป็นผู้โดยสารสายการบินไหนผมจะทำตามเคร่งครัด ไม่ประมาท (อีกแล้ว) และมีสติ แล้วถ้าหากผมต้องเป็นอะไรไปผมก็จะไม่เสียใจที่หลังเลยว่าทำไมผมไม่รัดเข็มขัด ทำไมถึงประมาท.......ข้อมูลข้างต้นอาจผิดพลาดไปบ้าง ผมน้อมรับคำแนะนำครับ เพียงแต่เอามาจากประสบการณ์ตัวเอง
ผมเองฝันและอยากให้สื่อเน้นประเด็นนี้มากกว่าการคาดเดา การโทษสิ่งโน้นสิ่งนี้ ซึ่งมันไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา รังแต่จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น สู้ว่าบอกประชาชนในเรื่องแบบนี้ดีกว่า ใครๆก็ขึ้นเครื่องบินได้ แต่จะมีใครสักกี่คนรู้เรื่องเหล่านี้ ตาสีตาสีท่านไม่รู้กันทุกคนหรอกครับ ยิ่งประโคมข่าวเสียหายแบบนี้ลำพังบริษัทผมอนาคตยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่จะพาลให้ธุรกิจโลว์คอสของสายการบินอื่นเสียไปด้วย มันกระทบความมั่นใจไปหมดนะครับ แนะนำการใช้การเดินทางด้วยเครื่องบินดีกว่านะครับ
.........จากใจลูกเรือวันทูโก และลูกเรือสายการบินต่างๆทุกคน
หมวยขอขอบคุณ....คณะลูกเรือของสายการบินทุกท่านที่ช่วยบอกเล่าข้อมูลดีๆ ให้เราได้รับทราบกัน ...... และขอให้ทุกท่านเดินทางโดยเครื่องบินด้วยความปลอดภัย มีสวัสดิภาพทุกท่านน้าค้า ^_^
|