เย็นวันหนึ่งหญิงสาววัย 35 ปี ก่อเหตุโยนหลานชายวัย 5 ขวบ และหลานสาววัย 6 ขวบ ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ลงมาจากชั้น 9 ของคอนโดมิเนียมย่านห้วยขวางกระแทกพื้นแหลกคาที่ก่อนที่จะกระโดดลงมาฆ่าตัวตายตามเป็นศพที่ 3 ผลการตรวจสอบของแพทย์ปรากฏว่าหญิงสาวป่วยเป็นโรค ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอารมณ์แปรปรวนซึ่งปัจจุบันคนไทยเป็นแล้วกว่า 6 แสนคน เดี๋ยวซึมเศร้าเดี๋ยวแปรปรวน.... โรคจิตเภทเป็นโรคที่ไม่ได้รับการพูดถึงในเมืองไทยมากนักค่ะ แต่ในขณะเดียวกันข่าวเกี่ยวกับคนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับจิตใจกลับเพิ่มขึ้นในสังคมไทยมากขึ้นทุกที ไม่ใช่แค่นั้น ภาพของคนจรจัดแต่งตัวสกปรกมีกลิ่นเหม็นผมยาวไม่ได้สระมาเป็นปี ที่นอนหรือเดินตามป้ายรถเมล์ ก็เป็นคนที่ถูกรังเกียจ ไมได้รับการเหลียวแลจากสังคม โรคไบโพลาร์ ก็เป็นหนึ่งในโรคทางจิตเภทที่คนไทยเป็นมากถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของประชากร หรือมีคนไทยประมาณ 6 แสน คนป่วยด้วยโรคนี้ ไม่ได้เจาะจงว่าเพศหญิงหรือเพศชาย อายุเฉลี่ยเมื่อเริ่มมีอาการคือประมาณ 30 ปี นักจิตวิทยากล่าวไว้อีกว่าสภาพสังคมหรือเศรษฐกิจ เป็นตัวเร่งที่ทำให้โรคนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยล่ะค่ะ โดยลักษณะอาการนั้น ผู้ป่วยจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่มีอาการโรคซึมเศร้า หลายเดือนต่อมาอาจมีอาการตรงกันข้ามเลย เรียกว่า แมเนีย คืออาจครื้นเครง ร่าเริง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ชอบแจกข้าวของ นอนน้อย ชอบทำอะไรจุกจิก ไม่ยอมหลับนอน ห้ามก็ไม่ฟัง บางครั้งก็เอะอะอาละวาด คนที่มีอาการรุนแรงมากๆ อาจถึงขนาดหลงผิด คิดไปว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ มีอำนาจวิเศษ บางคนก็เศร้าซึม จนถูกมองว่าเป็น บ้า เรียกชื่อแบบเป็นทางการก็คือ ผู้ป่วยโรคอารมณ์แปรปรวนชนิดซึมเศร้าและครื้นเครง ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอารมณ์คลุ้มคลั่งหรือครื้นเครงมากกว่าปกติ หรือสลับกับมีภาวะอารมณ์เศร้าซึม ส่วนผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งมีเพียงอาการอารมณ์คลุ้มคลั่งครื้นเครงมากกว่าปกติเท่านั้น โดยไม่มีระยะที่มีอาการซึมเศร้าเลย ลักษณะอาการของผู้ป่วยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม... 1. อาการด้านอารมณ์ ผู้ป่วยรู้สึกมีความสุขมาก อารมณ์ดี พูดจามีอารมณ์ขัน ล้อเลียนผู้อื่น คึกคะนอง ไม่สำรวม มีการแสดงออกของอารมณ์หรือความต้องการอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่ค่อยคำนึงถึงผู้อื่นหรือกฎเกณฑ์ของสังคม หากถูกห้ามปรามหรือขัดขวางในสิ่งที่ตนต้องการจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว 2. อาการด้านพฤติกรรม ผู้ป่วยจะรู้สึกคึกคัก มีกำลังวังชา ขยันมากกว่าปกติ แต่มักทำได้ไม่ค่อยดี ความต้องการนอนลดลงชอบพูดคุยทักทายผู้อื่น แม้แต่กับคนแปลกหน้า พูดมาก พูดเร็ว กิจกรรมทางเพศที่เพิ่มขึ้น ใช้จ่ายสิ้นเปลือง 3. อาการด้านความคิด ผู้ป่วยจะมีความคิดสร้างสรรค์มากมาย มีโครงการในกิจกรรมต่างๆ อย่างเกินตัว เชื่อมั่นในตนเองมากร่วมกับมีการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น ในรายที่เป็นรุนแรงจะพบว่ามีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอน โดยเนื้อหามักเกี่ยวกับอำนาจวิเศษ ศาสนา หรือบางครั้งอาจมีลักษณะแปลกๆ เช่นเดียวกับที่พบในโรคจิตเภท มีบางเคสในช่วงที่มีอาการซึมเศร้าจะซึมอยู่ระยะประมาณ 1-2 เดือน คนไข้จะหดหู่ ท้อแท้ เบื่อหน่าย ส่วนช่วงที่ครื้นเครงจะสนุกสนาน รีบเร่ง ไม่อยากหลับอยากนอน อยากไปเที่ยว ชอบความเสี่ยง ใครมาหลอกก็เชื่อง่าย ถ้าขัดใจจะโมโหและโกรธคนที่เป็นโรคซึมเศร้า-ไบโพลาร์ เวลาไปเจอความเครียด ของแพง อกหัก อดนอน และอะไรอีกหลายๆ อย่างรุมเร้าเข้ามาอาการก็จะเกิดขึ้นได้ โดยส่วนใหญ่แล้วโรคไบโพลาร์นี้มักเริ่มเป็นกับผู้ที่มีอายุก่อนวัยกลางคน แต่บางรายอาจมีอาการตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีหรือเริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปีก็เป็นได้ และโรคนี้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ด้วย ข้อสังเกตสำหรับคนใกล้ชิด คนใกล้ชิดมีส่วนสำคัญที่สุดในการสังเกตและดูแลผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีนะคะ โดยสังเกตว่าห่างคนข้างตัว จากเคยร่าเริงสดใสกลับมีภาวะซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา งานการไม่คืบหน้า จากที่เคยสนุกสนานก็ไม่เหมือนเดิม วิตกกังวลมากจนเกินเหตุ ควรรีบไปพูดคุย เพื่อให้ทราบปัญหาและช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายลง โดยเฉพาะช่วงซึมเศร้านั้นยิ่งดูยาก เพราะไม่ได้สร้างความเดือดร้อน แต่จะเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องมากเกินไปเท่านั้น ซึ่งคนใกล้ชิดไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาดค่ะ ดูแลรักษา การดูแลผู้ป่วยในยุคนี้เน้นการรักษาโดยกินยาเป็นหลัก แม้โรคทางจิตอาจไม่หายขาด และผู้ป่วยอาจต้องกินยาต่อเนื่องตลอดชีวิต แต่มีข้อพิสูจน์แล้วว่าการกินยาสูตรปัจจุบันไม่มีผลข้างเคียงรบกวนชีวิตประจำวันเหมือนในอดีต เมื่อกินยาแล้วก็สามารถหายได้ และทำงานได้ดีอย่างคนปกติ นอกจากนั้นแล้ว ผู้ป่วยยังควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มประเภทกาเฟอีนอย่างเด็ดขาดเพราะอาจทำให้อาการกำเริบได้ ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงภาวะที่อาจทำให้เกิดสิ่งเร้า ที่ทำให้เกิดความเครียด โดยการสำรวจอารมณ์ตัวเองอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ โรคจิตเภทไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ผู้ป่วยโรคทางจิตเวชในประเทศไทยมีประมาณกว่าสิบล้านคน แต่ตัวเลขนี้ก็ไม่ได้แน่นอนอะไรนะคะ เนื่องจากโดยทั่วไปในเมืองไทยผู้ป่วยหลายคนไมได้เข้าโรงพยาบาล ด้วยเพราะทัศนคติผิดๆ ว่าคนบ้าเท่านั้นที่ไปโรงพยาบาลบ้า ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ โดยเฉพาะอาการผิดปกติที่ไม่รุนแรงมาก เช่น โรคไบโพลาร์ โรคเครียด โรคซึมเศร้า ซึ่งเมื่ออาการกำเริบหรือเป็นมากขึ้น ก็สามารถเกิดปัญหาร้ายแรงอย่างเช่นในหน้าหนังสือพิมพ์ได้ ซึ่งเราเองไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้คนที่เดินผ่านมาหน้าเราทุกวันจะเป็นโรคทางจิตเวชหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ นักจิตวิทยาหลายคนจึงชักชวนให้ผู้ป่วยหมั่นสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และอาศัยความร่วมมือจากคนใกล้ชิด ไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากนัก ก็จะสามารถทำให้ตนเองห่างไกลจากโรคนี้ได้ค่ะ พยาบาลหมวย ^_^ ที่มา...วารสาร Modernmom |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | ตุลาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |