ใครจะพาองค์กร พาประเทศชาติให้สำเร็จได้ยั่งยืนกว่ากัน ระหว่าง คนเก่ง กับ คนดี

คมคิด: ความรู้ทำให้ลำพอง แต่ความรักนั้นเสริมสร้าง

Q: คุณหมอครับ เวลาจะเลือกใครมาเป็นผู้นำ ต้องพิจาณาคุณสมบัติอย่างไรบ้างครับ ที่ว่าต้องเป็นคนเก่งมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์โชกโชน พอมั้ยครับ

A: ผมขอเสนอให้เลือกคนที่มีคุณสมบัติดังในพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

ดังนั้น ผมคิดว่า แค่เก่ง...ไม่พอครับ คือไม่เพียงมีความรู้ความสามารถ หรือ มีประสบการณ์มาก เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงว่าเป็นคนดี มีคุณธรรมด้วยหรือไม่ เพื่อคุณธรรมจะกำกับในการใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์สุขต่อส่วนรวม มิใช่เอาแต่ประโยชน์ของตนเองกับพวกพ้อง

แล้วจะสังเกตอย่างไรว่า คนไหนเป็นคนดี มีคุณธรรม ในทางจิตวิทยาเชิงบวกได้ชี้ให้สังเกต 3 คุณลักษณะที่สำคัญสำหรับคนที่ทำงานด้านสังคมการเมือง เรียกว่าเป็นศักยภาพแห่งมนุษยชาติ (Strength of Humanity) ได้แก่ การได้รับสัมผัสความรักและให้ความรัก (Capacity of receive and give love), การมีน้ำใจเมตตา (Kindness) และ การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข (Social intelligence)

แล้วคุณลักษณะเหล่านี้ หน้าตาเป็นอย่างไร ก่อนจะค้นหาจากคนอื่น เรามาค้นหาในตัวเองก่อนดีมั้ยครับ ลองใช้แบบสำรวจตนเองดูครับ

แบบสำรวจแรงจูงใจในการทำงานและใช้ชีวิต  (กรุณาศึกษาเพิ่มเติมที่ www.HowAreYou.co.th)

ช่วงที่ผ่านมา การทำงานของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ? (กรุณา √ ข้อที่ตรงกับตัวท่าน)

1. ฉันยินดีทำงานเพื่อโดยเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนรวม แม้ดูเหมือนค่าตอบแทนจะน้อยหรืออาจต้องควักกระเป๋าตนเองในบางครั้งก็ตาม

2. แม้งานที่ทำอยู่จะหนักจะยาก แต่ก็ท้าทายและได้พัฒนาตนเองมากขึ้น

3. แม้บางอย่างไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของฉันโดยตรง แต่หากเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า/ผู้รับบริการ ฉันยินดีทำด้วยใจรัก

4. หากทำแล้วภาพรวมได้ประโยชน์ แม้ไม่ได้อยู่หน้าเวที ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครมาชื่นชม ฉันก็พร้อมจะทำ

5. กับงานส่วนกลาง แม้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ฉันขันอาสาช่วยเหลือเพื่อให้ทั้งองค์กรก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ

6. ฉันยืนหยัดที่จะปฏิบัติงานอย่างซื่อตรงถูกต้อง แม้ว่าจะขัดกับความต้องการของผู้ใหญ่หรือผู้มีอิทธิพลก็ตาม

7. ฉันยินดีปฏิบัติงานแทนเพื่อนร่วมงานที่ป่วยไม่ได้มาทำงาน แม้ฉันจะมีงานมากอยู่แล้วก็ตาม

ข้อเสนอแนะ: ท่านอยากพัฒนาข้อใด ให้ท่านลองฝึกพูดกับตนเองเชิงบวก (Positive Self Talk) ด้วยกัน ให้เรากล่าวออกเสียงอย่างมีความหมาย (เซลสมองจะทำงานได้ดีเมื่อปากพูดสิ่งที่ออกมาจากใจอย่างตระหนักรู้) ดังนี้

“ฉันยิ่งให้ ฉันยิ่งมีความสุข

เพราะฉันให้และช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจรัก

วันนี้ ฉันขอเติมเต็มความรักจากเบื้องบน จากพระเจ้าที่รักและเสียสละชีวิตเพื่อไถ่บาปฉัน

ด้วยความรักนี้ทำให้ ฉันรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง ได้ทุกวันเรื่อยไป”

“ความรักนั้น ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว

แต่เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย” ท่านว่าจริงหรือไม่?